ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าจิงกูจา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
| image =
| caption =
| reign = 10 มิถุนายน 1776 – 5 กุมภาพันธ์ 1782 (ถูกปลด)<ref name=cb-3/>
| coronation = 23 ธันวาคม ค.ศ.1776
| succession = [[รายพระนามพระมหากษัตริย์พม่า|พระมหากษัตริย์พม่า]] <br/> เจ้าชายจิงกู
บรรทัด 29:
}}
 
'''พระเจ้าจิงกูจา''' ({{lang-en|Singu Min}},{{lang-my|စဉ့်ကူးမင်း}}) พระโอรสของ[[พระเจ้ามังระ]] ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชันษาเพียง 20 ปี ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ามังระ พระเจ้าจิงกูจา ได้ทำการปราบบรรดาผู้ที่ต่อต้านน้อยใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้อพระวงศ์ พระญาติ และเหล่าขุนนางด้วยวิธีการที่เด็ดขาด คือ ประหารชีวิตเสียหลายคน และหลายคนก็ถูกลดอำนาจหรือส่งไปอยู่หัวเมืองที่ห่างไกล เช่น [[พระเจ้าปดุง]] ทรงถูกส่งให้ไปครองเมืองสะกายและมีผู้ทำการควบคุมอีกชั้นหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาพระองค์ก็ทรงปลด[[อะแซหวุ่นกี้]] แม่ทัพคู่บารมีของ[[พระเจ้ามังระ]]พระราชบิดาของพระองค์ลง ทั้งที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้ยกกองทัพกลับมาจากการตี[[กรุงธนบุรี]] เพื่อมาควบคุมสถานะการในกรุงอังวะจนเรียบร้อยและมอบพระราชอำนาจเต็มแก่พระองค์ ซึ่งหากวิเคราะห์แล้วก็อาจเป็นเพราะอะแซหวุ่นกี้มีอำนาจ บารมีทางการทหารมากเกินไป รวมไปถึง[[เนเมียวสีหบดี]] และเหล่าขุนนางเก่าใน[[พระเจ้ามังระ]]พระองค์ก็ประหารทิ้งบ้าง ปลดทิ้งเสียจากตำแหน่งบ้างไปอีกหลายคน ซึ่งการใช้พระเดชเช่นนี้ทำให้ระหว่างการครองราชย์ผู้คนรอบตัวต่างหวาดระแวงภัยที่อาจมาถึงตัวเมื่อใดก็ได้
 
ในที่สุดหลังจากพระเจ้าจิงกูจาครองราชย์เพียง 5 ปี ก็ถูกเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คือ [[พระเจ้าหม่องหม่อง|หม่องหม่อง]] โอรสของ[[พระเจ้ามังลอก]] ทำการ[[รัฐประหาร]]ยึดพระราชวัง ในระหว่างที่พระองค์เสด็จไปสักการะพระพุทธรูปสิงหดอที่ทางเหนือ โดยความช่วยเหลือของขุนนางและเชื้อพระวงศ์หลายคน (เชื่อว่ารวมทั้ง[[อะแซหวุ่นกี้]]ที่ทนต่อการบริหารราชการของพระองค์ไม่ได้) แต่แรกพระเจ้าจิงกูจาคิดจะหนีไปอาศัยอยู่เมืองกะแซ แต่เป็นห่วงพระราชชนนีจึงลอบลงมาใกล้เมืองอังวะ แล้วมีหนังสือเข้าไปทูลให้ทราบว่าจะหนีไปเมืองกะแซ
 
==พระราชชนนีจึงเขียนห้ามปรามว่า==
"'''ลูกเกิดมาอย่างพระมหากษัตริย์ หากจะตายก็จงตายอย่างพระมหากษัตริย์เถิด'''" ที่จะหนีไปพึ่งใบบุญเมืองน้อยของผู้อื่นนั้นไม่ควร พระเจ้าจิงกูจาจึงได้สติ เกิดความองอาจ แกล้วกล้า ทรงเดินนำเหล่าข้าราชบริพารกลับมา ประหนึ่งเสด็จกลับจากการประพาส คืนสู่พระนคร พวกไพร่พลที่รักษาประตูเมืองเห็นพระเจ้าจิงกูจาเสด็จกลับมาโดยไม่หวาดหวั่นต่อภัยอันตราย ก็พากันเกรงกลัวในพระบรมเดชานุภาพ ไม่มีใครกล้าจับหรือต่อสู้ แม้เสด็จเข้ามาในตัวเมืองแล้วก็ไม่มีใครต้านทานพระบรมเดชานุภาพของพระองค์เลย พออะตวนหวุ่นซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาคนหนึ่งของพระองค์ทราบเข้า ก็เกิดบัลดาลโทสะ เนื่องจากพระองค์เคยเมามายแล้วฆ่าพระสนมเอกลูกสาวของอะตวนหวุ่น เขาจึงคุมรี้พลของตน มาล้อมจับพระเจ้าจิงกูจา จากนั้นอะตวนหวุ่นจึงลงมือสังหารพระเจ้าจิงกูจาสิ้นพระชนม์ที่เมืองอังวะนี้เอง พอ[[พระเจ้าปดุง]]ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าจิงกูจาทราบความว่าอะตวนหวุ่นฆ่าพระเจ้าจิงกูจาก็ทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก เนื่องจากควรนำตัวมาถวายโดยละม่อม ไม่ควรจะฆ่าฟันเจ้านายโดยพลการ ให้เอาตัวอะตวนหวุ่นไปประหารชีวิตเสีย พระเจ้าจิงกูจาอยู่ในราชสมบัติได้ 5 ปีเศษก็สวรรคตที่เมืองอังวะนี้เอง
 
พระเจ้าจิงกูจา มีชื่อเรียกใน[[ภาษาพม่า]]ว่า "เซงกูเมง"<ref>[[ตลับเทป|เทป]]สนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.[[สุเนตร ชุตินธรานนท์]] [[วีระ ธีรภัทร]] ([[เมษายน]] [[พ.ศ. 2544]])</ref><ref>[http://www.royalark.net/Burma/konbaun3.htm "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Singu".]</ref>
 
==อ้างอิง==
{{รายการอ้างอิง}}
*เทปสนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ วีระ ธีรภัทร (เมษายน พ.ศ. 2544)
*กระโดดขึ้น ↑ "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Singu".