ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เนเมียวสีหบดี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 30:
ใน พ.ศ. 2307 [[พระเจ้ามังระ]] ตัดสินพระทัยริเริ่มการสงครามกับอาณาจักรอยุธยาใหม่อีกครั้ง พระองค์ได้เลือกเนเมียวสีหบดีและมังมหานรธาเป็นผู้บัญชาการร่วมในการรุกรานคราวนี้ เนเมียวสีหบดีนำเส้นทางรุกรานทางเหนือโดยมีกำลังพล 20,000 นาย เริ่มต้นจากรัฐลาว ราชอาณาจักรเวียงจันทน์ตกลงยินยอมจะเป็นเมืองขึ้นของพม่าโดยไม่มีการสู้รบเกิดขึ้น หลวงพระบางขัดขืนแต่ทัพเนเมียวสีหบดีสามารถยึดเมืองได้อย่างง่ายดายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2308 ทำให้พม่ามีอำนาจควบคุมอย่างสมบูรณ์ตามชายแดนทิศเหนือของอาณาจักรอยุธยาทั้งหมด<ref name=rlf-98/>
เนเมียวสีหบดีเคลื่อนทัพลงมาตามหุบเขาเจ้าพระยา มุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา กองทัพของเขามาถึงชานกรุงเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2309 ไปบรรจบกับทัพของมังมหานรธา<ref name=app-188>{{cite book | title=History of Burma | author=Lt. Gen. Sir Arthur P. Phayre | year=1883 | pages=188–190 | edition=1967 | publisher=Susil Gupta | location=London}}</ref> ฝ่ายพม่าเริ่มต้นการล้อมนาน 14 เดือน ราวเดือนมีนาคม พ.ศ. 2310 มังมหานรธาเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ และเนเมียวสีหบดีกลายมาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของปฏิบัติการทั้งหมด ทัพของเขาเจาะผ่านการป้องกันนครได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310
ดินแดนที่พม่าได้นั้นไม่คงอยู่นานเมื่อพระเจ้ามังระมีบัญชาให้ทหารพม่าส่วนใหญ่กลับประเทศเมื่อปลายปี พ.ศ. 2310 เพื่อรับมือกับการรุกรานของจีนและอินเดียซึ่งคุกคาม
=== กลับมาช่วยพม่ารบจีน (2310-2312) ===
ในขณะที่เนเมียวสีหบดีกำลังทำสงครามอยู่กับอยุธยาอยู่นั้น กองทัพ[[ต้าชิง]]ของ[[จักรพรรดิเฉียนหลง]]ได้เห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าทำลายกรุงอังวะ เนื่องจากมีปัญหาข้อพิพาทแถวชายแดนมานาน ในระยะแรกของการบุกครั้งที่1 และ2[[พระเจ้ามังระ]]ยังให้เนเมียวสีหบดี
=== เชียงใหม่ (2316) ===
บรรทัด 41:
=== ธนบุรี (2318-2319) ===
ปรากฏว่าขุนนางท้องถิ่นเปลี่ยนไปเข้ากับฝ่าย[[กรุงธนบุรี]] และขับไล่ข้าหลวงพม่าออกจากเชียงใหม่ด้วยความช่วยเหลือของ[[กรุงธนบุรี]]ในปี พ.ศ. 2317 [[พระเจ้ามังระ]]ขณะนั้นพระองค์ประชวรหนัก ก่อนถึงเวลา
== อ้างอิง ==
|