ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การค้นหาและกู้ภัย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
{{ตรวจแก้รูปแบบ}}
Neowarrier (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 21:
 
[[หมวดหมู่:การกู้ภัย]]
'''การค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสพภัย'''
'''ประวัติความเป็นมา'''
การค้นหาช่วยเหลืออากาศยาน แต่เดิม มากจากภารกิจทางทหารที่ต้อง ช่วยเหลือ นักบินทหารที่ถูกยิงตกหรืออากาศยานตกในสมรถภูมิ การปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิต ได้มีการบันทึกไว้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยในปี ค.ศ.๑๘๗๐ ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่ใช้บอลลูนรับทหารบาดเจ็บ จำนวนรวม ๑๖๐ คนออกจากสนามรบเมื่อกองทัพของบิสมาร์คทำการปิดล้อมกรุงปารีส ในสงครามฟรังโก้ – ปรัสเซียน ต่อมาในปีค.ศ.๑๙๑๕ ประเทศฝรั่งเศสได้สร้างประวัติศาสตร์ของการค้นหาและช่วยชีวิตทางอากาศขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเป็นประเทศแรกที่ใช้เครื่องบินเป็นโรงพยาบาลลอยฟ้ารับผู้ป่วยจากประเทศเซอร์เบีย กลับประเทศ
ในปี ค.ศ.๑๙๑๘ กองทัพบก ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ริเริ่มทำการดัดแปลงเครื่องบินรบมาเป็น
โรงพยาบาลในอากาศและในปี ค.ศ.๑๙๓๘ ซึ่งเป็นต้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในช่วงของสงครามชิงเกาะ
อังกฤษนั้นเยอรมันก็ได้ใช้เครื่องบินแบบโฮน์เคล ๕ ซึ่งเป็นเครื่องบินทะเลติดเครื่องหมายกาชาดสีแดง ออกทำการช่วยเหลือนักบินของตนที่ถูกยิงตกในช่องแคบอังกฤษโดยใช้ทั้งแพยางและอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ ในปี
ค.ศ.๑๙๔๐ ฝ่ายเยอรมันได้พัฒนาการช่วยชีวิตนักบินฝ่ายตนโดยการวางทุ่นลอยขนาดใหญ่ทาสีเหลืองสด
และมีกาชาดสีแดง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในบริเวณช่องแคบอังกฤษซึ่งในทุ่นลอยนี้มีทั้งอาหารและน้ำดื่มและอุปกรณ์ในการดำรงชีพอื่น ๆ อีกหลายชนิดเพียงพอสำหรับคน ๔ คน ในปี ค.ศ.๑๙๔๑ จำนวผู้ปฏิบัติงานในอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรถูกยิงตกทวีจำนวนมากขึ้นจนน่าวิตก จำเป็นต้องพัฒนาการค้นหาและช่วยชีวิตให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อังกฤษจึงได้จัดตั้งโครงสร้างของหน่วยซึ่งมีระบบในการค้นหาและช่วยชีวิตที่การติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นทำให้สามารถรักษาชีวิตนักบินของฝ่ายตนได้เพิ่มมากขึ้น จากผลของความสำเร็จดังกล่าว ใน ค.ศ.๑๙๔๒ อังกฤษและสหรัฐอเมริกาจึงได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกใน การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานในอากาศให้รู้จักวิธีการค้นหาและช่วยชีวิตตลอดจนเทคนิคต่างๆ ในการดำรงชีวิต โดยการนำแนว-ความคิดของฝ่ายเยอรมันมาใช้ทำให้โฉมหน้าของการค้นหาและช่วยชีวิตเปลี่ยนไป อย่างสิ้นเชิงดังเห็นได้จากในปีค.ศ.๑๙๔๔ ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถทำการช่วยเหลือนักบินและเจ้าหน้าที่ ประจำเครื่องบินทิ้งระเบิดของตนได้ถึง ๒๘ - ๔๓ เปอร์เซ็นต์ และนักบินขับไล่ของกองu3607 กองทัพอากาศอีก๓เปอร์เซ็นต์ ในที่สุดเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๑๙๔๖ กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาก็ได้จัดตั้งระบบการค้นหาและช่วยชีวิตทางอากาศขึ้นมาอย่างจริงจัง ทำให้ระบบนี้มีความก้าวหน้าทางเทคนิคเพิ่มขึ้นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
การใช้เฮลิคอปเตอร์ในภารกิจการช่วยชีวิตทางทหารเริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรก ในสงครามเกาหลีโดยสหรัฐอเมริกาใช้เฮลิคอปเตอร์แบบเอช – ๕ ร่วมกับเครื่องบินแบบ ซี – ๔๗ และเครื่องบินแบบแอล – ๕ทำการช่วยเหลือทหารของฝ่ายสหประชาชาติไปส่งยังพื้นที่ปลอดภัยได้ จำนวนทั้งสิ้น ๘,๖๙๐ คน ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานด้วยเฮลิคอปเตอร์ถึง ๘,๒๑๘ คน และ ๘๖ คน จากจำนวนดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือออกมาหลังแนวรบของข้าศึก ต่อมาเมื่อเกิดสงครามเวียดนาม กองบินค้นหาและช่วยชีวิตของสหรัฐอเมริกาสามารถช่วยชีวิตผู้ ทำงานในอากาศที่ถูกยิงตกในดินแดนของเวียดนามเหนือได้ถึงหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมดแม้ว่าจะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงก็ตาม เมื่อรวมถึงบริเวณอื่น ๆ ก็สามารถช่วยชีวิตได้มากกว่าครึ่ง ซึ่งครั้งนี้เป็นการ ปฏิบัติงานของเฮลิคอปเตอร์แทบทั้งสิ้น
 
สำหรับการค้นหาและช่วยชีวิตของกองทัพอากาศไทย ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ เมื่อ
ได้รับโอนฮ.-๑ (เอช – ๕๑) มาจากกรมการบินพลเรือนโดยจัดเป็นภารกิจหนึ่งของกองบิน ๖ ฝูง ๖๓
ขณะนั้น และต่อมาเมื่อก่อตั้งกองบิน ๓ ขึ้น ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ คือ ฝูงบิน ๓๑ และ ๓๒ ก็ได้รับมอบ
ภารกิจนี้ต่อมาจนกระทั่งเมื่อกองบิน ๓ ถูกยุบ ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์จึงมาขึ้นตรงกับกองบิน ๒ ซึ่งใช้ชื่อ
ฝูงบิน ๒๐๑ และ ฝูงบิน ๒๐๓ ตามลำดับ และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการค้นหาและช่วยชีวิตเป็นภารกิจ
หลักตลอดมา
สถานการณ์ในอดีตที่มีนักบินที่ประสพภัย ในสมรภูมิเขาค้อ คือ เรืออากาศเอกชวลิต ขยันกิจ และเรืออากาศโทพงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ เป็นนักบิน ได้เข้าทิ้งระเบิดนาปาล์ม ซึ่งอยู่ในเขตเขาค้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ขณะที่ เรืออากาศโท พงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ ซึ่งเป็นหมายเลขสอง ( หมายเลข 1333 เลข ทอ. บข.๑๘-๑๗/๑๗ Sel.No.71-0264 ) เข้าโจมตีถูกฝ่ายตรงข้ามยิงอาวุธไม่ทราบชนิด ในระยะสูงประมาณ ๑,๐๐๐ ฟุต โดยเครื่องบินได้ทำการเลี้ยวซ้ายมุดลงระเบิดในกลางป่าห่างจากเป้าหมายประมาณ ๒ กม. ซึ่งจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศที่เครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอวัน ได้ถ่ายภาพมาพบว่าเครื่องบินไฟไหม้ตกลงในหุบเขา เขตบ้านภูชัย เขาค้อ ห่างจากแม่น้ำเข็กราว ๑ กม. และมีลักษณะคล้ายนักบินดีดตัวออกจากเครื่อง การช่วยเหลือนักบินที่คาดว่ารอดชีวิตจึงเริ่มขึ้น ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดินได้ถูกปฏิบัติทันที ในขณะนั้น พลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธการ กองทัพภาคที่ ๒ ซึ่งเป็นบิดาของนักบินผู้ที่ถูกยิงตก ได้มาร่วมปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ด้วย การค้นหาและช่วยเหลือมีการส่งเครื่องบินและทหารจำนวนมากเข้าไปค้นหาตามพิกัดที่ได้จากการแปลความภาพถ่ายทางอากาศ โดยการช่วยเหลือ ใช้ กำลังเดินเท้าของ ทหาร ตำรวจจำนวนมาก
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่
ประสบภัย โดยมี กรมการขนส่งทางอากาศ เป็นผู้รับผิดชอบหลักโดยใช้ทรัพยากรอันได้แก่อากาศยาน/เรือ
จากหน่วยราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วย ค้นหาและระวังภัย ร่วมกัน
ขั้นตอนโดยทั้วไปจะเริ่มจาก ศูนย์ความคุมการจราจราทางอากาศ รายงานเมื่อเกิดสถานการณ์ที่อากาศยานยานมีแนวโน้มจะประสบภัย โดยรายงานมายัง ศูนย์ประสานงานการค้นหาช่วยเหลือ กรมขนส่งทางอากาศ และ ศูนย์ประสานงานการค้นหาช่วยเหลือ จะแจ้งไปยัง หน่วยในระบบค้นหา ซึ่งก็คือ เหล่าทัพต่าง , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, หน่วยบินเกษตร , หรือ แม้กระทั่ง กรมการปกครอง ในส่วนของจังหวัด โดยจะมีการตั้ง ศูนย์ประสานงานการค้นหาฯ หรือ บก.เหตุการณ์นั่นเอง
 
[[การจัดกำลังในการค้นหาและช่วยเหลือ]]
[[๑.ส่วนควบคุม ( บก.)]] โดยปกติ หลังจากที่ ทราบว่ามีอากาศยานหายไปจากจอเรดาห์ หรือมีสถานการณ์ที่มีแนวโน้มว่าอากาศยานตก ศูนย์ควบคุมการจรจรทางอากาศจะแจ้ง มายัง ศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือแห่งชาติ ( Search and Rescue Coordination Center : SARCC) จะมีการแจ้งเตือนหน่วยในระบบการค้นหา โดยจะมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการ ณ พื้นที่เกิดเหตุ (OSC : On Scene Commander ) ในที่นี้จะมีการ ประสานการใช้ หน่วยต่าง การรวบรวมข่าวสารเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยมี OSC หรือ ผู้บัญชาการ ณ พื้นที่เกิดเหตุ จะต้องเป็นผู้ควบคุมประสานงาน ตั้งแต่การ จัดตั้ง บก.เหตุการณ์ การวางแผน , การควบคุมอำนวยการ แก้ปัญหาระหว่างการค้นหา ,การติดตามสถานการณ์ ,การแถลงข่าวและให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและญาติ,การบันทึกการปฏิบัติแต่ละวัน สรุปผลการค้นหาว่ามีข้อดีข้อบกพร้องอะไรที่ต้องแก้ไข , การประสานงานด้านการติดต่อสื่อสารของหน่วยที่มาร่วมค้นหา
ในส่วนนี้ดูเหมือนเป็นงานง่าย ชี้นิ้วสั่ง แต่แท้จริงแล้วเป็นงานเริ่มต้นที่ยากที่สุดที่จะทำให้สมบูรณ์และถูกใจทุกฝ่าย หากเริ่มต้นไม่ดีข้อมูลไม่ครบ สั่งการแบบไร้ทิศทาง ก็จะส่งผลถึงประสิทธิภาพการค้นหา ยกตัวอย่าง เช่น “ อากาศยานหายไปจากจอเรดาห์ที่พิกัดLat 06° 02´ 54´´Long 101° 38´ 10´´ เมื่อ ส่วนวางแผน ให้ข้อมูลเพียงแค่ อากาศยานหายไปที่พิกัด นี้ โดยไม่ได้พิจารณา ปัจจัยอื่นๆประกอบ เช่นความสูง ความเร็ว, ทิศทาง สภาพความเร็วลมภูมิอากาศบริเวนนั้น อาจจะทำให้ชุดค้นหาเข้าใจผิดว่า อากาศยานตกบริเวณพิกัดนั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว การหายไปไม่ได้หมายความถึงเครื่องตกบริเวณนั้น เป็นต้น นอกจากนี้ พิกัด ภูมิศาสตร์ ยังไม่สะดวกในใช้การเดินในภูมิประเทศ เท่า ระบบพิกัด ทางทหาร ”
หรือ การที่ ส่วนควบคุม ผบ.เหตุการณ์เข้าพื้นที่โดยไม่ได้เตรียมเรื่องเครื่องมือสื่อสาร ที่พักชั่วคราว และที่สำคัญที่สุด แผนที่มาตราส่วนที่ใช้กับการค้นหาทางพื้นดิน ซึ่ง ส่วนควบคุมการจราจรทางอากาศ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการบิน นั้นมักจะไม่คุ้นเคยและเชื่อว่าไม่จำเป็น โดยลืมไปว่าหากเครื่องบินตก เครื่องต้องตกลงสูงพื้นโลก ซึ่งต้องใช้แผนที่มาตรส่วนใหญ่ เช่น มาตราส่วน ๑ ต่อ ๕๐,๐๐๐ ในการใช้แผนที่ทางอากาศมาอธิบายกับหน่วยที่เดินเท้าทางพื้นดิน ย่อมใช้เวลานานในการทำความเข้าใจมากกว่า และยากในการแบ่งพื้นที่การค้นหาทางพื้นดิน
 
[[๒.ส่วนค้นหาและช่วยเหลือ Rescue Team (ResTm)]]
คือ ส่วนที่มีเครืองมือ ทรัพยากรในการค้นหา ช่วยเหลือ ส่วนมาก ก็มักจะนึกถึงการใช้อากาศยานในการค้นหา และ ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องมือในการค้นหามีทั้ง ทางบก ทางน้ำ รวมอยู่ด้วย ซึ่งในวงการการบิน มักจะลืม ส่วนทางบกไปสนิทในการฝึกการค้นหา ซึ่งจากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เรามี กำลังคนที่พร้อมอยากจะช่วยจำนวนมาก เช่น มูลนิธิต่างๆ ซึ่งท่านผู้เสียสละเหล่านั้น มักจะคุ้นเคยกับการช่วยเหลือภัยบนท้องถนนที่ราบเรียบ แต่เมื่อ ต้องเผชิญสถานการการค้นหา แล้ว จะต้องใช้ทักษะการเป็นนักกู้ภัยที่มีมาตรฐาน เช่น ความพร้อมของทักษะส่วนบุคคล ที่จำเป็น การอ่านแผนที่การใช้เข็มทิศ , การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บในพื้นที่ลาดชัน , เครื่องมือที่จำเป็นก็ไม่พร้อมเช่น เข็มทิศ,แผนที่ , การเตรียมการส่วนบุคคล เช่น การแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับการเดินป่า,รองเท้า,เสบียงสำหรับการค้นหาที่ต้องใช้เวลามากกว่า๖ชม.เป็นต้น
[[๓.ส่วนสนับสนุน เป็นส่วนที่รับผิดชอบการจัดพื้นที่สนับสนุน Mission support site (MSS)]]
จัดตั้งมาเพื่อสนับสนันกำลังในการช่วยเหลือ เช่น จัดสรรพื้นที่ในการวางอุปกรณ์,เครื่องมือ,การจัดพื้นที่จอดรถ , ส่วนงบประมาณ,ส่วนจัดอาหารสำหรับส่วนปฏิบัติการ ,จนท.ประจำรถแสงสว่าง , จนท.ควบคุมการเติมน้ำมัน ,ส่วนพัสดุ ทั้งนี้แล้วแต่ สถานการณ์ว่าจะต้องสนับสนุนเรื่องใดบ้างซึ่งก็ไม่หนีเรื่องความต้องการพื้นฐานและวัสดุสิ้นเปลืองในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ควรคำนึงถึง ระบบงบประมาณ ที่จะต้องมีการเบิกจากด้วย ระเบียบที่ซับซ้อนของทางราชการ ซึ่ง การดำเนินการควรจะมีเจ้าหน้าที่ที่เชียวชาญด้านงบประมาณมาสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ของทุกส่วนโดยเฉพาะส่วนราชการ
[[๔.ส่วนจัดพื้นที่ปลอดภัยรองรับ (Safe Area: SA)]]
เป็นส่วนที่ กำหนดขึ้นเพื่อ รองรับผู้บาดเจ็บ, ทรัพยสิน ,ร่างผู้เสียชีวิต(ควรจะแยกออกจากพื้นที่ที่รับผู้บาดเจ็บหรือไม่ให้มองเห็น) ซึ่ง ส่วนดังกล่าวจะต้องประสานข้อมูล ผู้ประสบภัยขั้นต้นกับ หน่วยบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ( Emergency Medical Service: EMS) เพื่อเตรียมการรักษาพยาบาล ตั้งแต่ยังไม่พบผู้ประสบภัย , ประสานเตรียมรับผู้บาดเจ็บเมื่อชุดค้นหาพบผู้ประสบภัย , โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่รองรับขั้นต้นและพื้นที่ปลายทาง โดย พื้นที่รองรับขั้นต้น มักจะอยู่ใกล้ บก.เหตุการณ์ เพื่อเตรียมการนำส่ง รพ.ที่มีขีดความสามารถสูงต่อไป พื้นที่ปลายทาง มักจะใช้พื้นที่ รพ. ซึ่งหาก อากาศยานที่ตกเป็นอากาศยานโดยสาร ก็อาจะต้องมีกาประสานการส่งผู้ป่วย ตามอาการ ความเหมาะสมของสถานพยาบาลนั้นต่อไป
ซึ่ง ส่วนนี้ ควรจะมี จนท.ตร. , จนท.พยาบาลฉุกเฉิน คอยดูแล ร่วมกับส่วนประชาสัมพันธ์เพื่อประสาน กับญาติผู้บาดเจ็บในการรับทราบการมาถึงของ ผู้ประสบภัย