ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอท่าอุเทน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 26:
         พ.ศ. 2369  [[เจ้าอนุวงศ์]]เป็นขบถต่อกรุงเทพฯ ได้กวาดต้อนผู้คนไปอยู่ฝั่งซ้ายของ[[แม่น้ำโขง]] ตั้งเมืองขึ้นใหม่ชื่อ เมืองหลวงปุงลิง ทิ้งเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี เป็นเมืองร้าง ต่อมาได้สวามิภักดิ์ต่อเจ้าแผ่นดินญวนคือ เจ้าฟ้าสามกวนหลวง จึงแต่งตั้งให้ท้าวพระปทุมเป็นเจ้าเมืองปุงลิงแทน และให้ท้าวจารย์ญาเป็นอุปฮาด ท้าวจันทร์ศรีสุราช (โสม) เป็นราชวงค์ และท้าวปุเป็นราชบุตร
 
            พ.ศ. 2373  พระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพไทยยกทัพมาปราบขบถเจ้าอนุวงศ์ ให้พระยาวิชิตสงครามตั้งทัพอยู่ที่เมืองนครพนม ให้ราชวงศ์ (เสน) จากเมืองเขมราช ท้าวขัตติยะ กรมการเมืองอุบลราชธานี และท้าวสีลา คุมไพร่พลไปตั้งอยู่ที่เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี  ซึ่งเป็นเมืองร้าง เมื่อปราบขบถจนราบคาบแล้ว เจ้าพระยาบดินทร์เดชา จึงได้ขอปูนบำเหน็จให้ราชวงศ์ (สนเสน) เป็นพระยาไชยราชวงษา ครองเมือง ไชยบุรี เป็นต้นตระกูลเสนจันทร์ฒิชัย
 
              พ.ศ. 2376  พระยามหาอำมาตย์ (ป้อม อมาตยกุล) เป็นแม่ทัพอยู่ ณ เมืองนครพนมอีกครั้งหนึ่ง ได้กวาดต้อนผู้คนทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง อันมีกลุ่มชาติพันธ์ต่าง ๆ เช่น ผู้ไท,ข่า,โซ่ ,กะเลิง,แสก,ญ้อ,และโย้ย ให้มาตั้งถิ่นฐานทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง  เพื่อมิให้เป็นกำลังแก่เจ้าอนุวงศ์และญวน และได้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองหลวงปุงลิง ซึ่งเป็นไทญ้อให้กลับมาด้วย โดยมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองร้างริมฝั่งขวาแม่น้ำโขงเป็นที่ตั้งเมืองใหม่ ในตอนที่ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาเมื่อขึ้นเหยียบแผ่นดินใหม่เป็นเวลาย่ำรุงพอดี จึงได้ตั้งชื่อเมืองให้คล้องกับนิมิตรหมายที่ดีนี้ว่า '''เมืองท่าอุเทน''' แปลว่า เมืองท่าแห่งดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ซึ่งตรงกับสมัย[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว|รัชกาลที่ 3]] และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวพระปทุม เจ้าเมืองหลวงปุงลิงเป็นพระศรีวรราช  เจ้าเมืองท่าอุเทนคนแรก  ต้นตระกูลวดีศิริศักดิ์
 
พ.ศ. 2409  พระศรีวรราช (ท้าวพระปทุม) ได้ถึงถึงแก่กรรมลง เมืองท่าอุเทนขาดเจ้าเมืองอยู่ 2 ปี จนเมื่อ พ.ศ. 2411  จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระจำเริญพลรบ (เจ้าดวงจันทร์) เป็นพระศรีวรราชคนต่อไป มา แต่อยู่ได้เพียง 1 ปี จึงกราบถวายบังคับทูลลาออกจากราชการ เนื่องจากมีความผิดหลายเรื่อง
 
             พ.ศ. 2413  ในสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว|รัชกาลที่ 5]] ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ราชบุตร (พรหมมา) ต้นตระกูลบุพศิริ เป็นพระศรีวรราช เจ้าเมืองท่าอุเทนคนที่ 3 อยู่ได้ 4 ปีก็ถึงแก่กรรม จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งท้าวบุญมาก ต้นตระกูลกิติศรีวรพันธุ์ เป็นพระศรีวรราชวรราช เจ้าเมืองท่าอุเทน และเป็นเจ้าเมืองคนสุดท้าย เนื่องจากในปี พ.ศ. 2442  กระทรวงมหาดไทย ประกาศใช้ข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมือง ให้ยุบเลิกตำแหน่งเจ้าเมือง  อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร และกรมการเมืองแบบเก่า ให้เป็น ผู้ว่าราชการเมือง ปลัดเมือง  แทน ต่อมา พ.ศ. 2450  ได้ยุบเมืองท่าอุเทน เป็นอำเภอท่าอุเทน ขึ้นกับเมืองนครพนมและแต่งตั้งให้ขุนศุภกิจจำนงค์ (จันทิมา  พลเดชา) ข้าหลวงประจำเมืองนครพนม เป็นนายอำเภอคนแรก {{รอการตรวจสอบ}}
 
== ที่ตั้งและอาณาเขต ==