ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอธาราบริวัตร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 89:
เอกสารเรื่องพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ ของ[[หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร)]] ได้บันทึกถึงความเป็นมาของเมืองธาราบริวัตรไว้ว่า ในปี [[พ.ศ. 2352]] พระยาเดโช เจ้าเมืองกำปงสวาย กับนักปรัง ผู้น้องชาย อพยพครัวเรือนและไพร่พลเข้ามาตั้งถิ่นฐานในแถบเมืองโขง เนื่องจากพระยาเดโชและนักปรังเกิดความขัดแย้งกับ[[สมเด็จพระอุทัยราชา]] (นักองจัน) พระเจ้าแผ่นดินกัมพูชา [[พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช]] เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ได้มีใบบอกแจ้งเรื่องมายังกรุงเทพมหานคร [[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย]]จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยากลาโหมราชเสนา คุมกำลังมาคุมครัวเขมรของพระยาเดโชมาตั้งอยู่ที่บ้านลงปลา ส่วนครัวของนักปรังให้แยกมาตั้งอยู่ที่เวินฆ้อง ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2388]] รัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] นักเมืองบุตรนักปรังได้เกลี้ยกล่อมชาวเขมรป่าดงเข้ามาอยู่ในด้วยจำนวนมาก [[เจ้านาก]] เจ้านครจำปาศักดิ์ จึงพานักเมืองลงไปพบกับ[[เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)]] ซึ่งขณะนั้นได้ออกมาจัดการราชการหัวเมืองเขมรอยู่ที่เมือง[[อุดงมีชัย]] เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห สิงหเสนี) จึงได้มีท้องตราอนุญาตตั้งให้นักเมืองเป็นพระณรงค์ภักดีเจ้าเมือง ให้ท้าวอินทรบุตรท้าวบุญสารเป็นหลวงอภัยภูธรปลัด นักเต๊กเป็นหลวงแก้วมนตรียกกระบัตร ยกบ้านท่ากะสังปากน้ำเซลำเภาขึ้นเป็นเมืองขนานนามว่า เมืองเซลำเภา กำหนดเขตแขวงฝั่งน้ำโขงตะวันตก แต่ปากห้วยละออกลงไปถึงห้วยชะหลีกใต้เสียมโบกเป็นแขวงเมืองเซลำเภา ขึ้นเมืองนครจำปาศักดิ์<ref name="ประชุมพงศาวดาร 4">อมรวงษ์วิจิตร, หม่อม (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร). '''พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ''' ใน ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4 อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม. ท.ช. รัตน ว.ป.ร.4 พิมพ์แจกในงานศพ พัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะสัปตศก พ.ศ. 2458. โบราณคดีสโมสร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2458.</ref>
 
ถึงปี [[พ.ศ. 2428]] รัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] [[เจ้ายุติธรรมธร (คำสุก ณ จำปาศักดิ์)]] เจ้านครจำปาศักดิ์ ได้มีใบบอกมายังกรุงเทพมหานคร ขอแต่งตั้งหลวงนรา (คำผุย) ผู้ช่วยเมืองเซลำเภา บุตรพระณรงค์ภักดี (อิน) เจ้าเมืองเซลำเภา เป็นพระยาภักดีศรีสิทธิสงคราม เจ้าเมืองเซลำเภาลำดับที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามที่เจ้านครจำปาศักดิ์มีใบบอกมา และโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเมืองเซลำเภาเป็นเมืองธาราบริวัตร ขึ้นเมืองนครจำปาศักดิ์ แต่พระยาภักดีศรีสิทธิสงคราม (คำผุย) ได้ยกครัวเรือนไปตั้งอยู่ที่บ้านเดิมตำบลเวินฆ้อง ฝั่งตรงข้ามเมืองเชียงแตง (ปัจจุบันคือ[[อำเภอสตึงแตรง]] [[จังหวัดสตึงแตรง]]) แล้วตั้งตำแหน่งกรมการเป็นชุดเมืองธาราบริวัตรขึ้นใหม่อิกต่างหาก ส่วนเมืองเซลำเภาก็คงมีตำแหน่งผู้รักษาเมืองกรมการอยู่ตามเดิม [[พระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ)]] ข้าหลวงเมืองนครจำปาศักดิ์ ณ เวลานั้น จึงมีตราจุลราชสีห์ ตั้งหลวงภักดี (บุญจัน) บุตรพระณรงค์ภักดี (เต๊ก) เจ้าเมืองเซลำเภา เป็นพระภักดีภุมเรศ กองนอกส่วยผึ้ง มีตำแหน่งปลัด ยกกระบัตร มหาดไทย เมือง วัง คลัง นา เป็นชุดกรมการเมืองเซลำเภาอยู่ตามเดิม บังคับบัญชาปกครองเขตแขวง แยกจากเมืองธาราบริวัตรฝ่ายละฟากห้วยตลาด ระยะทางเมืองธาราบริวัตรกับเมืองเซลำเภาไกลกันทางเดินเท้า 3 วัน อาณาเขตเมืองเซลำเภา ธาราบริวัตรในเวลานั้น ฝ่ายเหนือตั้งแต่ห้วยละอ๊อกต่อแขวงเมืองสะพังภูผาลงไปถึงคลองเสียมโบก ต่อชายแดนกัมพูชาซึ่งอยู่ในอารักขาของฝรั่งเศส ฝ่ายใต้ทิศตะวันตกถึงตำบลหนองปรัง สวาย ต่อแขวงเมืองมโนไพร <ref name="ประชุมพงศาวดาร 4" /> ทั้งนี้ เมืองเซลำเภาและเมืองธาราบริวัตรจัดเป็นเขตการปกครองของนครจำปาศักดิ์ และรวมอยู่ในมณฑลอีสานเมื่อมีการจัดระเบียบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล
 
ในปี [[พ.ศ. 2447]] หลังเกิดเหตุ[[วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112]] ได้ 11 ปี เมืองธาราบริวัตรได้ตกเป็นของ[[อินโดจีนฝรั่งเศส]] พร้อมกับดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้าม[[เมืองหลวงพระบาง]]และพื้นที่ทางตะวันตกของ[[แขวงจำปาศักดิ์]]ในปัจจุบัน ในเวลานั้นเมืองธาราบริวัตรยังคงอยู่ในความปกครองของนครจำปาศักดิ์ แต่ต่อมาฝรั่งเศสได้จัดการปกครองใหม่ให้เมืองธาราบริวัตรอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาแทน โดยมีฐานะเป็นอำเภอ (สรุก) ขึ้นกับจังหวัด (เขตต์) สตึงแตรง