ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไรน์ลันท์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
'''ไรน์ลันด์ไรน์ลันท์''' ({{lang-de|Rheinland}}) เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกดินแดนทั้งสองฝั่งของ[[แม่น้ำไรน์]] ใน[[เยอรมนี]]ตะวันตก หลังจากการล่มสลายของ[[จักรวรรดิฝรั่งเศส]]ในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ไรน์ลันด์ไรน์ลันท์เป็นแคว้นที่มีประชากรพูดภาษาเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ทางตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำไรน์ ซึ่งเคยถึงผนวกเข้ากับอาณาจักร[[ปรัสเซีย]] กษัตริย์แห่งปรัสเซียได้เปลี่ยนชื่อแคว้นใหม่ว่า [[มณฑลไรน์]] (หรือ ''Rhenish Prussia'') หลังจาก[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] ภาคตะวันตกของไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ถูกยึดครองโดยกองทัพฝ่าย[[ไตรภาคี]] ตามข้อตกลงใน[[สนธิสัญญาแวร์ซาย]] เยอรมนีได้รับไรน์ลันด์ไรน์ลันท์คืนเมื่อปี 1936
 
== ภูมิศาสตร์ ==
[[ภาพ:Rhineland.jpg|thumb|right|250px|อาณาเขตของไรน์ลันด์ไรน์ลันท์แสดงเป็นสีเหลือง]]
 
ไรน์ลันด์ไรน์ลันท์นั้นตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของเยอรมนี และมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ[[ฝรั่งเศส]] [[ลักเซมเบิร์ก]] [[เบลเยี่ยมเบลเยียม]] และ[[เนเธอร์แลนด์]] ลักษณะภูมิประเทศทางด้านใต้และด้านตะวันออกเป็นเขตเนินเขา และมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำสองสายที่มีความสำคัญ คือ แม่น้ำไรน์และ[[แม่น้ำโมเซมอแซล]] และทางเหนือมีอาณาเขตติดต่อกับแคว้น[[รูร์]]
 
== ความเกี่ยวข้องกับการเมือง ==
บรรทัด 14:
=== หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ===
 
หลังจากเยอรมนียอมจำนนใน[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] กองทัพพันธมิตรได้ทำการยึดครองไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ภายใต้บัญญัติของสนธิสัญญาแวร์ซาย การเข้ายึดครองจึงดำเนินต่อไป สนธิสัญญาดังกล่าวได้กำหนดให้แบ่งไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ออกเป็นสามส่วน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น พื้นที่ที่จะคืนให้แก่เยอรมนีภายในห้าปี สิบปี และสิบห้าปีตามลำดับหลังจากการอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งได้ทำการลงนามเมื่อปี 1920 ซึ่งหมายความว่าเยอรมนีจะได้รับดินแดนทั้งหมดคืนเมื่อปี 1935 แต่ในความเป็นจริงแล้ว กองทัพพันธมิตรได้ถอนตัวออกไปทั้งหมดก่อนปี 1930 ด้วยความปรารถนาดีต่อ[[สาธารณรัฐไวมาร์]] ซึ่งได้มีนโยบายประนีประนอมด้วย และเพื่อ[[สนธิสัญญาโลคาร์โน]]
 
ทหารฝรั่งเศสซึ่งเข้ามายึดครองไรน์ลันด์ไรน์ลันท์นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความรุนแรงกับพลเรือนท้องถิ่น ฝรั่งเศสได้หาช่องโหว่ของ[[สนธิสัญญาแวร์ซาย]]และพยายามที่จะแยกไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ออกจากเยอรมนีตลอดกาล โดยพยายามสร้าง[[สาธารณรัฐไรน์]] และทำการปกครองโดยรัฐบาลหุ่นเชิดของฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้สนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงแบ่งแยกดินแดนและการก่อจลาจล ซึ่งพยายามที่จะแยกตัวออกมาจากเยอรมนี ด้วยเหตุผลทางศาสนาและความคิดต่อต้านพวกปรัสเซีย แต่ว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีกลุ่มผู้เข้าร่วมจำนวนน้อย
 
สนธิสัญญาแวร์ซายยังได้กำหนดเขตปลอดทหาร ซึ่งใช้เป็นรัฐกันชนระหว่างเยอรมนีฝ่ายหนึ่ง [[ฝรั่งเศส]] [[เบลเยี่ยม]]และ[[ลักเซมเบิร์ก]] (อาจรวมไปถึง[[เนเธอร์แลนด์]]ด้วย) อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า ห้ามมิให้มีกองทหารเยอรมันอยู่ในแคว้นไรนด์แลดน์ภายหลังจากที่กองทัพพันธมิตรถอนตัวไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น สนธิสัญญายังให้อนุญาตกองทัพพันธมิตรสามารถกลับเข้ามายึดครองได้อีก ถ้าหากพบว่าเยอรมนีไม่รับผิดชอบต่อข้อตกลงในสนธิสัญญา
 
ในวันที่ 7 มีนาคม 1936 [[นาซีเยอรมนี]]ทำการฝ่าฝืน[[สนธิสัญญาโลคาร์โน]]ด้วยการเข้ายึดครองไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ การรุกรานประสบความสำเร็จและใช้กำลังทหารเพียงเล็กน้อย (เป็นเพียงทหารขี่จักรยานเท่านั้น) ฝรั่งเศสไม่อาจตอบโต้การกระทำนี้ได้เนื่องจากความไร้เสถีนรภาพทางการเมืองภายในประเทศ ฮิตเลอร์นั้นเสี่ยงอย่างมากต่อการส่งทหารเข้าไปยังไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ เขาถึงขนาดออกคำสั่งให้เตรียมถอยทัพในทันทีถ้าหากกองทัพฝรั่งเศสต่อต้าน แต่ด้านฝรั่งเศสนั้นก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด เนื่องจากอยู่ระหว่างช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ และยังไม่ต้องการทำสงครามกับเยอรมนีในขณะนี้
 
การเข้ามาของทหารเยอรมันนั้นได้รับการสนับสนุนจากประชากรพื้นเมืองบางส่วน เนื่องจากมีความรักชาติเยอรมันและได้รับความขมขื่นจากการตกอยู่ใต้การยึดครองของฝ่ายพันธมิตรจนกระทั่งถึงปี 1930 (จนถึงปี 1935 ใน[[ซาร์แลนด์]])
บรรทัด 27:
 
=== ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ===
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ระหว่างปี 1944-1945 ได้มีการทัพสองครั้งได้เกิดขึ้นในไรน์ลันด์แห่งนี้ไรน์ลันท์แห่งนี้
 
เป็นเวลาห้าเดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 1944 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามอย่างหนักที่จะยึดครองป่า Hurtgen ป่าหน้าทึบและพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาลึกของป่า ทำให้เหล่าทหารราบจำเป็นต้องต่อสู้โดยปราศจากการสนับสนุนทางอากาศ ยานเกราะและปืนใหญ่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าทหารอเมริกันเสียชีวิตไปประมาณ 24,000 นาย
 
ต้นปี 1945 หลังจากการหยุดพักรบในช่วงฤดูหนาว กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรปตะวันตกได้กลับเข้าสู่การทำการรบอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะเจาะผ่านแนวเยอรมันไปยังแม่น้ำไรน์ กองทัพแคนาดาสามารถเข้าสมทบกับกองทัพอังกฤษและสามารถเจาะผ่านไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ได้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1945 หลังจากเวลาผ่านไป กองทัพเยอรมันก็ถูกกวาดล้างออกไปจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์
 
ในวันที่ 7 มีนาคม 1945 กองพลยานเกราะที่ 9 ของสหรัฐอเมริกาได้ยึดสะพานสุดท้านที่สามารถข้ามแม่น้ำไรน์ได้ที่ Remagen กองทัพที่สามของสหรัฐอเมริกาก็ได้ข้ามสะพานไปยังฝั่งตะวันออกก่อนที่กองทัพส่วนที่เหลือจะตามมาในสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคม จนกระทั่งถึงเดือนเมษายน แม่น้ำไรน์ได้ถูกยึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และการรบในไรน์ลันด์ไรน์ลันท์ก็สิ้นสุดลง
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[อาลซัส-ลอแรน]]
* [[อัลซาซ-ลอเรน]]
* [[แม่น้ำไรน์]]