ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาน เซือง เวือง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 27:
== ราชวงศ์ถุก ==
=== การปกครองเอิวหลักของถุก ฟ้าน ===
[[
ไม่มีหลักฐานที่ได้บันทึกหรือเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เกี่ยวกับอาณาจักรเอิวหลักได้ถูกปกครองบริหารด้วยรูปแบบวิธีการใด อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกตำนาน เขาจะถือว่า เป็นผู้นำที่ชาญฉลาดและมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์เวียดนาม แน่นอนว่าเขาเป็นนายพลที่มีพรสวรรค์ ผู้ที่รู้วิธีหาผลประโยชน์จากความสับสนและความสับสนวุ่นวายในประเทศจีนในช่วงเวลานั้น ไม่เพียง แต่จะคว้าที่ดินเพื่อเป็นของตัวเอง แต่ยังเพื่อรักษาความมั่งคั่งและความอยู่รอดของรัฐด้วย ในช่วงเวลานั้นหลายรัฐในจีนกำลังต่อสู้เพื่อปกครองดินแดนจีนทั้งหมด จนในที่สุดแล้ว[[รัฐฉิน]]ได้ขึ้นสู่อำนาจและรวบรวมรัฐต่าง ๆ ของจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้จักรพรรดิ[[จิ๋นซีฮ่องเต้]] ขณะที่จิ๋นซีฮ่องเต้ได้สร้าง[[กำแพงเมืองจีน]]เพื่อป้องกันจักรวรรดิ อาน เซือง เวือง ได้เริ่มก่อสร้างป้อมปราการแบบเกลียวหรือ[[ป้อมปราการโก๋ลวา]]ขึ้น เพื่อป้องกันอาณาจักรเอิวหลากจากการรุกรานของ[[ราชวงศ์ฉิน]]ที่ทรงอำนาจของจีน
===ตำนานราชวงศ์ถุก===
บรรทัด 33:
หลักจากที่ถุก ฟ้าน เอาชนะและขับไล่กษัตริย์หุ่งออกจากบัลลังก์ และขึ้นครองราชย์ต่อในนาม อาน เซือง เวือง พระองค์ได้เปลี่ยนชื่ออาณาจักรจากวันลางเป็น เอิวหลัก และสร้าง[[ป้อมปราการโก๋ลวา]]เป็นศูนย์กลางของเมืองหลวงใหม่<ref>''An Dương Vương'' Huy Long Tạ, Việt Hà Nguyẽ̂n - 2008 -"King An Dương Vương builds Loa Thành to protect the country but Triệu Đà sets up his son Trọng Thủy marries An Dương Vương's daughter, Mỵ Châu, to discover and steal the secret."</ref> พระองค์เห็นความสำคัญทางยุทธศาสตร์และทางภูมิศาสตร์ของเมืองโก๋ลวา ด้านสองด้านเมืองโก๋ลวาล้อมรอบไปด้วยภูเขาและป่าที่ไม่เข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำไหลผ่าน ในบรรดานักประวัติศาสตร์เวียดนามไม่มีใครรู้ว่าทำไม อาน เซือง เวือง ทรงชื่นชอบรูปแบบเกลียว และได้ทรงออกแบบป้อมปราการโก๋ลวามีรูปร่างเหมือนเปลือกหอย แต่ตำนานกล่าวไว้ว่าการก่อสร้างของป้อมเป็นงานที่ยากมากและยากที่จะเสร็จสมบูรณ์ มีเรื่องเล่าที่ได้เล่ากันว่า เวลาที่ป้อมปราการโก๋ลวาดูมีท่าทางว่าจะก่อสร้างเสร็จ ในเวลากลางคืนก็จะคอยมีฝูงวิญญาณชั่วร้ายมารื้อทำลายป้อมขัดขวางมิให้สร้างเสร็จ
====ตำนานหน้าไม้วิเศษ====
กษัตริย์แห่งราชวงศ์ถุก พยายามขอเจ้าหญิงจาก[[ราชวงศ์ห่งบ่าง]] ซึ่งปกครองอาณาจักรวันลางแต่งงาน กษัตริย์ทุกข์ระทมเพราะเจ้าหญิง
กษัตริย์อาน เซือง เวือง ได้สร้างกำแพงขึ้นอีกสามครั้ง แต่ก็ถูกทำลายในทำนองเดียวกันทุกครั้ง ในที่สุดพระองค์ก็ได้เรียกบรรดาอำมาตย์เข้าเฝ้า อำมาตย์จึงแนะนำให้ อาจจะเป็นเพราะเทพไม่โปรดปราน และควรตั้งศาลถวายเครื่องเซ่นไหว้เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากเทพเจ้า กษัตริย์ อาน เซือง เวือง จึงให้ตั้งศาลขึ้นริมฝั่งแม่น้ำนอกประตูเมืองตะวันออก มีการเซ่นสรวงโค กระบือ และสวดภาวนาหมอบกราบเพื่อขอพรจากเทพเจ้า
ในวันขึ้นเจ็ดค่ำเดือนสาม มีภูตแปลงเป็นเต่าสีทองตัวโตมา
[[
อาน เซือง เวือง คือว่า กำแพงคงป้องกันสิ่งต่างๆในเมืองให้ปลอดภัยได้ แต่ก็ทราบดีว่าหากถูกศัตรูที่มีกำลังกล้าแข็งล้อมรอบก็คงไม่อาจป้องกันเมืองไว้ได้ตลอดไป เต่าสีทองทราบความกังวลของ อาน เซือง เวือง จึง
ในเวลานั้นประเทศจีนอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ[[จิ๋นซีฮ่องเต้]] แห่ง[[ราชวงศ์ฉิน]] ซึ่งจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ปราบปรามอาณาจักรรอบๆมาเป็นเมืองขึ้นได้ทั้งหมดและยกกองทัพมาถึง[[ทะเลจีนใต้]] ในปีเดียวกันกับที่ อาน เซือง เวือง เริ่มสร้างกำแพง จิ๋นซีฮ่องเต้ส่งไพร่พลและทัพม้าขนาดใหญ่ลงมาจากจีนตอนใต้พื่อรุกรานอาณาจักรเอิวหลัก แต่ก็พ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง และในที่สุดก็ถูกทำลายด้วยธนูวิเศษก่อนที่จะยกทัพมาประชิดพระนครโก๋ลวา สามปีต่อมา จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ส่งกองทหารห้าแสนนาย นำโดยนายพล[[เจี่ยวด่า]] ทำให้ภาคเหนือของอาณาจักรเอิวหลักตกอยู่ในมือของจีนอย่างง่ายดาย กองทหารจีนยกมาเป็นสามขบวนคือ พลม้า พลเท้า พลเรือ กองทัพนั้นยกมาพร้อมธงปลิวไสวในอากาศ เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว นายพลเจี่ยวด่าสั่งให้ยกทัพไปตั้งบนภูเขา ให้กองเรือเทียบรอในแม่น้ำ ปิดล้อมพระนครไว้ กษัตริย์อาน เซือง เวือง เฝ้า
อาน เซือง เวือง ตัดสินใจหลบหนี เขาแทบไม่มีเวลาเตรียมม้าจึงให้เจ้าหญิงหมิเจิวประทับนั่งซ้อนหลัง ทั้งสองควบม้าไปอย่างรวดเร็วสู่ทิศใต้ ทิ้งเมืองหลวงและอาณาจักรไว้เบื้องหลัง อาน เซือง เวือง ควบม้าผ่านทุ่งนาและหนองบึงหลายแห่ง เมื่อถึงทางแยก เจ้าหญิงหมีเจิว ได้โปรยขนห่านเพื่อให้จ่องถวีตามมาถูก ส่วนที่พพระราชวัง จ่องถวีพบว่ากษัตริย์กับเจ้าหญิงหลบหนีไปแล้วจึงออกติดตามทันที และได้ตามรอยขนห่านที่เจ้าหญิงโปรยไว้เป็นเครื่องนำทาง ม้าของอาน เซือง เวือง วิ่งต่อไปเรื่อยๆพาทั้งสองไกลไปจนถึงทะเลกว้างใหญ่ ที่นั่นไม่มีเรือแม้แต่ลำเดียวและไม่มีวิธีอื่นที่จะข้ามน้ำได้ อาน เซือง เวืองแหงนหน้าขึ้นท้องฟ้าและร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้นเต่าสีทองก็โผล่หัวขึ้นมาจากใต้ทะเลสีครามแล้วร้องขึ้นด้วยเสียงอันทางพลังว่า "จงระวังศัตรูทรยศที่นั่งอยู่หลังพระองค์" อาน เซือง เวืองหันไปจับจ้องเจ้าหญิง หมิเจิว เจ้าหญิง หมิเจิวตัวสั่นเทิ้มน้ำตาไหลพราก อาน เซือง เวืองจึงชักดาบออกมาตัด
== การล่มสลายของราชวงศ์ถุก ==
หลังจากก่อร่างสร้างอาณาจักรเอิวหลัก และเมืองหลวงของอาน เซือง เวืองเป็นรูปเป็นร่าง อาณาจักรของเขารุ่งเรืองและในไม่ช้าก็ถูกรายล้อมโดยรัฐใกล้เคียงที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว หนึ่งในรัฐที่เป็นคู่แข่งของดินแดนของเขาคือ [[จ้าวตัว]] (ในภาษาเวียดนามคือ ''เจี่ยวด่า'') แม่ทัพของ[[ราชวงศ์ฉิน]]ของจีน ผู้ซึ่ง
=== อุบายของเจี่ยวด่า ===
เจี่ยวด่าประสบความพ่ายแพ้หลายครั้งในการพยายามเข้ายึดครองอาณาจักรเอิวหลัก ทำให้เขาได้คิดแผนใหม่ เขาได้เจรจาทำสนธิสัญญาสันติภาพกับเอิวหลัก แต่แท้ที่จริงแล้วเขามุ่งมั่นที่จะสืบหาที่แนวการวางความแข็งแรงในการป้องกันเมืองและต้องการล่วงรู้ถึงกลยุทธ์ของศัตรูของเขา เขาดำเนินแผนการไปไกลถึงขั้นทำการขอแต่งงานกันระหว่างลูกสาวของอาน เซือง เวือง เจ้าหญิง [[หมิ เจิว]] ({{linktext|媚|珠}}) และ ลูกชายของเขา [[จ่องถวี]] ({{linktext|仲|始}}, จงซื่อ) ในตำนานกล่าวว่า แผนการแต่งงานทำให้เจี่ยวด่ารู้ว่า อาน เซือง เวือง มีธนูหน้าไม้วิเศษอยู่ โดยมีเจ้าหญิงหมิ เจิว คอยบอกและเล่าเรื่องต่างๆให้เจี่ยวด่ารับรู้ เจี่ยวด่าจึงให้จ่องถวีแอบเข้าไปในพระราชวังของอาน เซือง เวือง และขโมยธนูหน้าไม้วิเศษออกมาและเอาธนูหน้าไม้ปลอมไปเปลี่ยนแทน แต่ความจริงทางประวัติศาสตร์คือ จ่องถวี ได้ไปแบสืบความลับทางการทหารของอีกฝ่ายทำให้เจี่ยวด่านำเอากองทัพบุกเข้ายึดเมืองโก๋ลวาได้ในที่สุด และอาณาจักรเอิวหลักก็ถึงกาลล่มสลาย
บรรทัด 52:
[[จ่องถวี]] ได้ออกตามหาหมิเจิวของภรรยาที่รักของเขา โดยได้ตามขนห่านที่หมิเจิวโปรยไว้ตามทาง เมื่อได้พบร่างของภรรยาที่รักของเขากำลังนอนอยู่ในสระเลือดและไม่พบพ่อตาของเขา ด้วยความซื่อสัตย์และความรักที่มีต่อภรรยาเขาดึงดาบของตัวเองและฆ่าตัวตายเพื่อจะอยู่กับภรรยาตลอดไปชั่วนิรันดร์ เรื่องราวของ[[จ่องถวี|หมิเจิวและจ่องถวี]] เป็นเรื่องราวความรักที่น่าเศร้าที่เล่าขานบ่อยๆในวรรณคดีของเวียดนาม
ส่วนเจี่ยวด่า หลังจากเอาชัยชนะอาน เซือง เวือง อาณาจักรเอิวหลากถูกรวมเข้ากับ[[ราชวงศ์ฉิน]]ในฐานะเป็นเมืองขึ้นของจีน จนกระทั่งราชวงศ์ฉินล่มสลาย และมีการสถาปนา[[ราชวงศ์ฮั่น]]ขึ้นมาใหม่แทน
{{ประวัติศาสตร์เวียดนาม}}
|