ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 5:
บุคคลที่มีชื่อเสียงที่เคยเผชิญหน้ากับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ได้แก่ [[พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช]] หรือพระองค์พีระ นักแข่งรถสูตรหนึ่งชาวไทยที่มีชื่อเสียงในยุคก่อน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ท่านเคยได้ประทานสัมภาษณ์เรื่องราวนี้ด้วยตัวพระองค์ท่านเองเมื่อปี พ.ศ. 2504 ต่อที่ประชุม ณ สมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ว่าราวกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2503 ความที่ท่านเป็นผู้ไม่เชื่อในเรื่องภูติผีวิญญาณ ท่านเคยได้ใช้เครื่องมือจากต่างประเทศที่ทันสมัยในขณะนั้น คือ [[ไมน์ ดีเทกเตอร์]] (Mine detecter) ซึ่งสามารถใช้ขุดหาแร่ธาตุหรือวัตถุต่าง ๆ ใต้ดินได้ลึกถึง 20 เมตร ขณะขุดค้นที่โบสถ์ร้างของ[[วัดกุฎีดาว]] ตามข้อตกลงกับ[[กรมศิลปากร]]ว่าหากขุดค้นพบทรัพย์สมบัติใด ๆ แล้ว จะมอบให้แก่รัฐร้อยละ 90 และตกเป็นของท่านเองร้อยละ 10 แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงมีผู้บอกว่า เพราะท่านไม่ได้บวงสรวงหรือขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน ปู่โสมเฝ้าทรัพย์จึงดลบันดาลให้ทรัยพ์สมบัตินั้นเคลื่อนที่หนีได้ แต่ทว่าพระองค์พีระก็มิได้ใส่พระทัย ด้วยมิเชื่อ และหลังจากขุดค้นพบของมีค่าแล้ว หลังจากพระองค์ท่านและพระชายาได้เดินทางกลับวังที่ประทับ ที่[[ถนนสุขุมวิท]] [[อำเภอพระโขนง]] คืนนั้นท่านก็ได้ยินเสียงดัง ''"ฉึก ฉึก"'' คล้ายกับคนขุดดินอยู่ภายนอก เมื่อท่านออกไปทอดพระเนตรดูก็ไม่พบ แต่เสียงนั่นก็ยังคงดังอยู่และเปลี่ยนต้นตอของเสียงไปได้ด้วย แม้กระทั่งอยู่เหนือพระเศียรห้องบรรทม จนกระทั่งเช้า เมื่อท่านได้ไปตรวจดูก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้น<ref name=กนก/>
 
ต่อมา ในเวลา[[โพล้เพล้]] ที่วัดกุฎีดาว ขณะขุดพบวัตถุมีค่าอีกชิ้นหนึ่ง ขณะที่ท่านเงยพระพักตร์ขึ้นมา ท่านก็ได้เห็นร่าง ๆ หนึ่งที่พุ่มไม้เล็ก ๆ หน้าโบสถ์ เหมือนมนุษย์ผู้ชายตัวสูงใหญ่ล่ำสันผิดมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่งกายเหมือนนักรบโบราณ สวมเสื้อแขนกระบอกกางเกงขาลีบ ๆ สั้น ๆ สีน้ำเงินเข้มทั้งชุด มีแขนใหญ่และลำคอใหญ่ แต่ทว่าไม่มีส่วนศีรษะ ท่านได้รำพึงออกมาว่า ''"ผีนี่นา"'' แต่ท่านก็มิได้ตกพระทัย และได้ยังเดินไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าจุดที่ร่างนั้นปรากฏแท้จริงแล้วเป็นไม้ขนาดใหญ่ แต่ขึ้นในแอ่งด้านล่างจึงเห็นเป็นพุ่มไป เมื่อท่านได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง ต่างยืนยันว่านั่นคือ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แสดงว่าพระองค์ท่านเกือบจะขุดพบทรัพย์สมบัติแล้ว เมื่อท่านได้นำเรื่องไปเล่สเล่าให้พระสหายชาวต่างชาติที่ร่วมคณะในการขุดครั้งนี้ฟังด้วย พระสหายผู้นั้นก็เล่าว่า ตัวเขาเองก็เห็นผีหัวขาดปรากฏตัวเหมือนกัน ต่อมาท่านได้นำความเรื่องไปเล่าให้แก่พระสงฆ์รูปหนึ่งที่มีอภิญญาฟัง พระสงฆ์จึงได้เฉลยแด่พระองค์ท่านว่า ผีหัวขาดที่พระองค์เห็นนั้น เป็นทหารของ[[สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1|พระเจ้าอู่ทอง]] ชื่อ "ผาด" และได้สาบแช่งแก่ผู้ที่มาขุดค้น ซึ่งหลังจากนั้นพระสหายชาวต่างชาติผู้นั้นของท่านก็เสียชีวิตลงในวัยอันไม่สมควร ส่วนตัวพระองค์ท่านเองเมื่อประกอบธุรกิจการค้าก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกด้วย พระองค์พีระได้ยอมรับว่า เมื่อก่อนตัวท่านไม่เคยเชื่อเรื่องภูติผีวิญญาณ แต่บัดนี้ท่านเชื่อแล้ว เพราะได้ประสบมาด้วยตัวเอง<ref name=ปู่/> <ref name=กนก>{{cite web|url=https://www.youtube.com/watch?v=ES_PivofaKw|title=Lineกนก ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ผีเฝ้าสมบัติ 11 กันยายน 2559 Full|work=เนชั่นทีวี|date=2016-09-14}}</ref>
 
อย่างไรก็ตาม ในทัศนะของนักวิชาการ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ [[คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง]] เชื่อว่า ความเชื่อเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้น ไม่น่าจะมีอยู่จริงในความเชื่อของชาวอยุธยาร่วมสมัย เนื่องจากอ้างอิงจากหลักฐานรายชื่อผีที่ปรากฏในพระไอยการเบ็ดเสร็จ ไม่พบว่า มีบันทึกถึงปู่โสมเฝ้าทรัพย์ หรือผีเฝ้าสมบัติ แต่อย่างใด รวมถึงความเชื่อนี้ก็ขัดต่อความเชื่อในคติของ[[พุทธศาสนา]] นิกาย[[เถรวาท]] ที่ชาวอยุธยาเชื่อถืออีกด้วย เนื่องจากนิกายเถรวาทไม่เชื่อในเรื่องของอันตรภพ เมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดยังภพภูมิตามยถากรรม จึงสันนิษฐานว่า ความเชื่อนี้คงมาจากประเทศอินเดีย หรือเกิดจากการสร้างเป็นละครโทรทัศน์จนผู้คนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง<ref>{{cite web|url=https://www.matichon.co.th/news/242999|work=มติชน|date=2016-08-08|title=อาจารย์ ม.ราม ยัน คนอยุธยาไม่รู้จัก ‘ผีเฝ้าสมบัติ’ เปิดหลักฐานพระไอยการเบ็ดเสร็จมีแต่ “กระสือ-ฉมบ-จะกละ”}}</ref>