ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
เรื่องราวของปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดี จนกลายเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เกิดขึ้นในราวปี พ.ศ. 2500–01 ที่กรุสมบัติ[[วัดราชบูรณะ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)|วัดราชบูรณะ]] เมื่อโจรลักลอบขุดสมบัติกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปขุดค้นภายในวัด ซึ่งใช้เวลานานถึง 3 วัน เนื่องจากมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล แต่ทว่าเมื่อลับลอบนำออกมาแล้ว เกิดปาฏิหารย์ขึ้นมาโดยเฉพาะ[[พระแสงขรรค์ชัยศรี]] ซึ่งเป็นหนึ่งใน[[เครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งประเทศไทย|เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์]] ได้เกิดส่องแสงแวววับขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันบรรยายกาศของท้องฟ้าก็เกิดวิปริตแปรปรวน ต่อมาหนึ่งในผู้ลักลอบก็เข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสภาพเมามาย ยอมรับว่าเป็นผู้ที่เข้าไปขุดค้นเอง และได้คืนของที่ขโมยเอาไปแก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ที่ร่วมขบวนการนั้นต่างก็ได้รับอันเป็นไปต่าง ๆ นานา เช่น เสียสติไปรำดาบอยู่กลางตลาด หรือร้านที่รับซื้อไว้ก็ต้องล้มเลิกกิจการไป<ref name=ศิ/> เป็นต้น ซึ่งของกลางที่ขโมยเอาไปนั้นปัจจุบันได้คืนมาเพียงแค่ร้อยละ 20 เท่านั้น และถูกจัดแสดงไว้ใน[[พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา]] ทั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากการดลบันดาลของปู่โสมเฝ้าทรัพย์<ref name=กนก/>
 
บุคคลที่มีชื่อเสียงที่เคยเผชิญหน้ากับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ได้แก่ [[พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช]] หรือพระองค์พีระ นักแข่งรถสูตรหนึ่งชาวไทยที่มีชื่อเสียงในยุคก่อน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ท่านเคยได้ประทานสัมภาษณ์เรื่องราวนี้ด้วยตัวพระองค์ท่านเองเมื่อปี พ.ศ. 2504 ต่อที่ประชุม ณ สมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ว่าราวกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2503 ความที่ท่านเป็นผู้ไม่เชื่อในเรื่องภูติผีวิญญาณ ท่านเคยได้ใช้เครื่องมือจากต่างประเทศที่ทันสมัยในขณะนั้น คือ [[ไมน์ ดีเทกเตอร์]] (Mine detecter) ซึ่งสามารถใช้ขุดหาแร่ธาตุหรือวัตถุต่าง ๆ ใต้ดินได้ลึกถึง 20 เมตร ขณะขุดค้นที่โบสถ์ร้างของ[[วัดกุฎีดาว]] ตามข้อตกลงกับ[[กรมศิลปากร]]ว่าหากขุดค้นพบทรัพย์สมบัติใด ๆ แล้ว จะมอบให้แก่รัฐร้อยละ 90 และตกเป็นของท่านเองร้อยละ 10 แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงมีผู้บอกว่า เพราะท่านไม่ได้บวงสรวงหรือขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน ปู่โสมเฝ้าทรัพย์จึงดลบันดาลให้ทรัยพ์สมบัตินั้นเคลื่อนที่หนีได้ แต่ทว่าพระองค์พีระก็มิได้ใส่พระทัย ด้วยมิเชื่อ และหลังจากขุดค้นพบของมีค่าแล้ว หลังจากพระองค์ท่านและพระชายาได้เดินทางกลับวังที่ประทับ ที่[[ถนนสุขุมวิท]] [[อำเภอพระโขนง]] คืนนั้นท่านก็ได้ยินเสียงดัง ''"ฉึก ฉึก"'' คล้ายกับคนขุดดินอยู่ภายนอก เมื่อท่านออกไปทอดพระเนตรดูก็ไม่พบ แต่เสียงนั่นก็ยังคงดังอยู่และเปลี่ยนต้นตอของเสียงไปได้ด้วย แม้กระทั่งอยู่เหรือเหนือพระเศียรห้องบรรเทาบรรทม จนกระทั่งเช้า เมื่อท่านได้ไปตรวจดูก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้น<ref name=กนก/>
 
ต่อมา ในเวลา[[โพล้เพล้]] ที่วัดกุฎีดาว ขณะขุดพบวัตถุมีค่าอีกชิ้นหนึ่ง ขณะที่ท่านเงยพระพักตร์ขึ้นมา ท่านก็ได้เห็นร่าง ๆ หนึ่งที่พุ่มไม้เล็ก ๆ หน้าโบสถ์ เหมือนมนุษย์ผู้ชายตัวสูงใหญ่ล่ำสันผิดมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่งกายเหมือนนักรบโบราณ สวมเสื้อแขนกระบอกกางเกงขาลีบ ๆ สั้น ๆ สีน้ำเงินเข้มทั้งชุด มีแขนใหญ่และลำคอใหญ่ แต่ทว่าไม่มีส่วนศีรษะ ท่านได้รำพึงออกมาว่า ''"ผีนี่นา"'' แต่ท่านก็มิได้ตกพระทัย และได้ยังเดินไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าจุดที่ร่างนั้นปรากฏแท้จริงแล้วเป็นไม้ขนาดใหญ่ แต่ขึ้นในแอ่งด้านล่างจึงเห็นเป็นพุ่มไป เมื่อท่านได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง ต่างยืนยันว่านั่นคือ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แสดงว่าพระองค์ท่านเกือบจะขุดพบทรัพย์สมบัติแล้ว เมื่อท่านได้นำเรื่องไปเล่สให้พระสหายชาวต่างชาติที่ร่วมคณะในการขุดครั้งนี้ฟังด้วย พระสหายผู้นั้นก็เล่าว่า ตัวเขาเองก็เห็นผีหัวขาดปรากฏตัวเหมือนกัน ต่อมาท่านได้นำความเรื่องไปเล่าให้แก่พระสงฆ์รูปหนึ่งที่มีอภิญญาฟัง พระสงฆ์จึงได้เฉลยแด่พระองค์ท่านว่า ผีหัวขาดที่พระองค์เห็นนั้น เป็นทหารของ[[พระมหาธรรมราชาที่ 1|พระเจ้าอู่ทอง]] ชื่อ "ผาด" และได้สาบแช่งแก่ผู้ที่มาขุดค้น ซึ่งหลังจากนั้นพระสหายชาวต่างชาติผู้นั้นของท่านก็เสียชีวิตลงในวัยอันไม่สมควร ส่วนตัวพระองค์ท่านเองเมื่อประกอบธุรกิจการค้าก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกด้วย พระองค์พีระได้ยอมรับว่า เมื่อก่อนตัวท่านไม่เคยเรื่องภูติผีวิญญาณ แต่บัดนี้ท่านเชื่อแล้ว เพราะได้ประสบมาด้วยตัวเอง<ref name=ปู่/> <ref name=กนก>{{cite web|url=https://www.youtube.com/watch?v=ES_PivofaKw|title=Lineกนก ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ผีเฝ้าสมบัติ 11 กันยายน 2559 Full|work=เนชั่นทีวี|date=2016-09-14}}</ref>