ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ละเมิดลิขสิทธิ์
Krittamuk18 (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่ 6995941 สร้างโดย พุทธามาตย์ (พูดคุย)
บรรทัด 17:
| หมายเหตุ =
}}
 
'''สมเด็จพระสันตะปาปา บุญราศีปอลที่ 6''' ({{lang-la|Paulus PP. VI;}}) ดำรงตำแหน่ง[[พระสันตะปาปา]]ตั้งแต่ [[ค.ศ. 1963]] ถึง [[ค.ศ. 1978]] สืบต่อจาก[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23]] ผู้เรียกประชุม[[สังคายนาวาติกันครั้งที่สอง]] เมื่อได้รับตำแหน่งพระสันตะปาปาก็ทรงสืบสานงานการประชุมสังคายนานั้นต่อ ซึ่งมีผลให้พระศาสนจักร[[โรมันคาทอลิก]]ได้ส่งเสริมและสนับสนุนงานด้าน[[คริสตศาสนสัมพันธ์]]กับนิกาย[[โปรเตสแตนต์]]และ[[อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์]]เรื่อยมาจนปัจจุบัน
 
เส้น 26 ⟶ 27:
 
ต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 [[สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส]]ได้ทรงลงนามรับรองในการเกิดอัศจรรย์ ตามที่พระคาร์ดินัลเอนเจโล อามาโต สมณมนตรีว่าการ[[สมณะกระทรวงการแต่งตั้งนักบุญ]]ได้เสนอ และประกาศให้มีศาสนพิธีในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เพื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ขึ้นเป็น[[การประกาศเป็นบุญราศี|บุญราศี]] ในขั้นตอนต่อจากนี้สมณะกระทรวงการแต่งตั้งนักบุญจะต้องได้รับรายงานและพิสูจน์การเกิดอัศจรรย์อีกหนึ่งครั้ง ก่อนที่พระสันตะปาปาจะลงนามรับรองและดำเนิน[[การประกาศเป็นนักบุญ]]ต่อไป
 
== พระประวัติ ==
สมเด็จพระสันตะปาปาปอล ที่ 6 ทรงพระนามเดิมว่า ยวง บัปติสตามอนตินี ทรงสมภพเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2540 ที่ คอนเชซีโอ ตำบลเล็กๆ ทางเหนือของอิตาลี ทรงรับศีลล้างบาปวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2540 ที่วัดประจำตำบล
บิดาของท่าน ชื่อ ยอร์ช มอนตีนีเป็นคาทอลิกชั้นนำในด้านสังคม เป็นหัวหน้ากิจการคาทอลิกในเมืองนั้นมีอาชีพเป็นทนายความ, ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์คาทอลิกประจำวัน ที่เบรเชีย, เป็นผู้ร่วมมือในการจัดตั้งสำนักพิมพ์ และวารสารคาทอลิกหลายแห่ง ส่วนมารดา ชื่อยูดิท เป็นบุคคลตัวอย่างแก่มารดา คริสตังค์ เป็นฆราวาสแพร่ธรรม ประธานกิจการคาทอลิกสตรีแห่งเบรเชีย มีพี่ชายชื่อหลุยส์ เป็นทนายความและผู้แทนรัฐสภา และมีน้องชายชื่อ ฟรังซิส เป็นแพทย์อยู่ที่เมืองเบรเชีย
== การศึกษา ==
ยวง บัปติสตา มอนตินี ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกที่วัดภคินี คณะพระกุมารีมารีอา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ 2450 และได้รับศีลกำลังวันที่ 21 มิถุนายน ปีเดียวกัน ที่วัดประจำโรงเรียน “เซซาร์ อารีชี” ของคณะเยสุอิต ท่านได้รับการศึกษาขั้นต้น เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่สามารถศึกษาชั้นเตรียมอุดมในโรงเรียนแห่งนี้ได้ จำต้องลาไปศึกษาส่วนตัวที่บ้าน และสมัครสอบได้ประกาศนียบัตรปี พ.ศ. 2459
== ชีวิตทางศาสนา ==
=== เริ่มต้น ===
ปี ค.ศ.1917 สมัครเข้าสามเณราลัย ประเภทไปกลับ ที่เบรเชียวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1917 ได้รับพิธีโกน และ บวชเป็นพระสงฆ์ วันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1920 ณ วัดพระสังฆราชที่เบรเซีย สอบได้ปริญญากฎหมายพระศาสนจักร ในปีเดียวกันที่เมืองมิลาน วันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1920 พระสังฆราชส่งไปอยู่ที่ สามเณราลัย ลอมบารโค ณ กรุงโรม เพื่อศึกษาปรัชญา ที่สมณมหาวิทยาลัยเกรโกเรียน และขณะเดียวกันก็ศึกษาอักษรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงโรมด้วย ปีต่อมา เข้าศึกษาต่อในสมณเนติบัณฑิตยสถาน
เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1923 ได้รับการแต่งตั้งให้ไปอยู่ประจำสถานเอกอัครสมณทูตที่วอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ปลายปีเดียวกัน กลับมาศึกษาต่อในสมณเนติบัณฑิตยสถานที่โรมและได้รับแต่งตั้งเป็นเสมียนตราประจำสำนักงานเลขาธิการแห่งรัฐวาติกันในเดือนเมษายน ค.ศ. 1925
ปลายปี ค.ศ.1929 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 1 ทรงแต่งตั้งให้เป็นจิตตาธิการประจำสหพันธ์นักศึกษาคาทอลิกอิตาเลียน ซึ่งมีนามย่อว่า FUCI จน ถึงวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1933 สมเด็จพระสันตะปาปาทรงอนุมัติให้ลาออกจากตำแหน่งนี้ เนื่องจากมีงานล้นมือในสำนักเลขาธิการรัฐวาติกัน
ปลายปี ค.ศ. 1937 เป็นรองเลขาธิการ ประจำสำนักเลขาธิการดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นพระคาร์ดินัลปาแชลลี (สมเด็จพระสันตาปาปาปีโอที่ 12 ในอนาคต) กำลังดำรงตำแหน่งเลขาธิการอยู่ ปี ค.ศ. 1944 พระคาร์ดินัล มัลลีโอเน ผู้สืบตำแหน่งพระคาร์ดินัลปาแชลลี ถึงแก่มรณภาพ สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 จึงทรงแต่งตั้งให้มอนสิญอร์ มอนดีนี รักษาการแทน พร้อมกับมอนสิญอร์ ดาร์ดีนี
วันที่ 12 มกราคม ค.ศ.1953 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ทรงประกาศในคำปราศรัยตั้งพระคาร์ดินัลว่า พระองค์ทรงปรารถนาจะตั้งมอนสิญอร์ มอนคีนี และตาร์ดีนี เป็นพระคาร์ดินัล แต่ท่านทั้งสองได้ขอปฏิเสธ และ ในวัน ที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ.1954 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราชแห่งเมืองมิลาน รับพิธีอภิเษกวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1954 และในปี ค.ศ. 1957 สมเด็จพระสันตะปาปา ยวง ที่ 23 ทรงแต่งตั้งท่านเป็นพระคาร์ดินัล
สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงมีพระสรีรรูปสูงโปร่ง คิ้วหนา ดวงพระเนตรคมคายลึกเข้าไป ทอดพระเนตรใครคล้ายกับเห็นทะลุปรุโปร่งถึงดวงใจ เป็นผู้ทรงพระปรีชาสามารถ ทั้งด้านสติปัญญาและการงานต่างๆ เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1958 แม้ว่ามอนสิญอร์ มอนดีนี ยังมิได้เป็นพระคาร์ดินัล แต่ความสามารถรอบรู้ทางปัญญาและการงาน รวมทั้งคุณสมบัติฝ่ายสงฆ์ของท่าน ทำให้มีเสียงเล่าลือกันว่า ท่านจะได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา...
ระหว่างทรงปกครองอัครสังฆมณฑลมิลาน ทรงติดต่อกับประชาชนทุกชั้นสนพระทัยต่อพวกกรรมกรเป็นพิเศษจนได้รับสมณาว่า “พระสังฆราชของกรรมกร” ทรงเอาพระทัยใส่วิญญาณที่ห่างไกลจากวัด เช่น เมื่อปลายปี ค.ศ. 1957ทรงจัดให้มีการเข้าเงียบครั้งใหญ่ สำหรับสัตบุรุษทั่วไปที่มิลาน ทรงเกณฑ์นักเทศน์มากกว่า 1,000 องค์ และได้รับความร่วมมือจากพระสังฆราชราว 20 และพระคาร์ดินัล 2 องค์
เมื่อทรงทราบข่าวพระอาการประชวร เพียบของสมเด็จพระสันตะปาปา ยวง ที่ 23 พระคาร์ดินัล มอนดีนี รีบมากรุงโรม พร้อมกับน้องชาย 3 คน และ น้องสาวของสมเด็จพระสันตะปาปา ยวง ที่ 23 ทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ขอบพระคุณพระคาร์ดินัลที่มาเยี่ยม และก่อนจะจากกันทรงฝากพระศาสนจักร และพระสังคายนาวาติกันไว้แก่พระคาร์ดินัลองค์นี้
=== ทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ===
'''การเลือกตั้งพระสันตะปาปา'''
การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา เป็นการประชุมลับสูงสุด มีการกำหนดเขตให้ผู้เข้าประชุมอยู่มิให้ติดต่อกับโลกภายนอก ทางเข้าออกในบริเวณนั้น ถูกตีตราและลั่นกุญแจอย่างแข็งแรง เพราะเหตุนี้การประชุมเช่นนี้ จึงเรียกว่า Conclave ในภาษาลาติน แปลว่า “ (ปิด) ด้วยกุญแจ”
'''วันพุธที่ 19 มิถุนายน เวลา 9.30 น.''' พระคาร์ดินัลผู้จะเข้าประชุม 80 องค์ เฝ้าฟังมิสซาพระจิต ในพระมหาวิหารนักบุญเปโตร มีพระคาร์ดินัลที่ไม่สามารถมาเข้าประชุม 2 องค์ คือ พระคาร์ดินัลมินเซตี ของฮังการี และพระคาร์ดินัลเดลาตอเร ของเอกวาดอร์ (อเมริกาใต้)
เวลา 17.30 น. บรรดาพระคาร์ดินัลมาประชุมที่โบสถ์ซิกสติน เพื่อขับร้องเพลง Veni Creator ขอความสว่างจากพระจิต ได้เวลาเจ้าพนักงานประกาศ “ Extra omnes” เชิญทุกคนที่ไม่มีสิทธิ์อยู่ให้ออกข้างนอกหมด เหลือแต่พระคาร์ดินัล 80 องค์ และผู้ช่วยเหลือ 190 องค์ คนเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตรวจดู ความเรียบร้อยทั่วบริเวณให้แน่ใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง แล้วลั่นกุญแจตีตราทางเข้าบริเวณเลือกตั้งทุกแห่ง
'''วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน เวลา 9.00 น.''' บรรดาพระคาร์ดินัลเฝ้าฟังมิสซาขอความสว่างจากพระจิตในโบสถ์ซิกสติน เวลา 9.30 น. ขับร้องเพลง Veni Creator แล้วเริ่มลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้ที่ไม่สามารถเข้าประชุมในโบสถ์ซิกสตินได้หรือไม่สามารถลุกขึ้นจากที่ของตนได้สะดวก จะมีเจ้าหน้าที่มารับบัตรลงคะแนนของตนไปรวมกับของคนอื่น เมื่อมีผู้ใดได้รับคะแนนถึงสองในสามของคะแนนทั้งหมดก็ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา แล้วจัดการเผาบัตรลงคะแนนปนกับผงเคมีเพื่อให้ควันที่ออกไปทางปล่องเป็นสีขาว หากยังไม่มีผู้ใดได้รับเลือกตั้งควันก็จะเป็นสีดำ
ที่ลานนักบุญเปโตร มหาชนโห่ร้องแสดงความยินดี
เมื่อเห็นควันสีขาว
ภายในลานหน้าพระมหาวิหารนักบุญเปโตร ขณะนั้นเต็มไปด้วยผู้คนทุกชาติ ทุกภาษา เดินไปมาขวักไขว่คล้ายกับมีงานออกร้านณที่นั้น รถบัสคันใหญ่ นำนักทัศนาจรชาติต่างๆมาจอดอยู่รอบๆลาน พระสงฆ์ สามเณร และภคินีมีจำนวนนับไม่ถ้วนเดินปะปนอยู่กับฝูงชนนั้น ทุกคนหันหน้าไปทางเดียวกัน คือหันไปด้าน โบสถ์ซิกสตินเพื่อดูควันที่จะออกมาจากปล่องไฟที่โผล่ขึ้นมาจากที่นั้นนักถ่ายรูปสมัครเล่นพร้อมทั้งรูปอัดเสียงสำหรับอัดคำประกาศการ เลือกตั้ง ช่างหนังสือพิมพ์ ภาพหนังสือพิมพ์ นักข่าว วิทยุ โทรทัศน์ ยกทัพกันมาตั้งกล้องเรียงราย หันหน้าสู่โบสถ์ซิกสติน ดูคล้ายปืนบาซูก้าตั้งจังก้า เรียงเป็นแถว
ระหว่างที่รอเวลาอยู่นั้น บางคนก็ไปเข้าแถวอันเหยียดยาวเพื่อเข้าไปถวายความเคารพพระศพ ของสมเด็จพระสันตะปาปายวงที่ 23 ที่หลุมศพมีพวง หรีดและดอกไม้สดอยู่เสมอ ทุกคนอยากคุกเข่าสวดให้นานตามความศรัทธาของตน แต่มีเจ้าหน้าที่เตือนว่า “กรุณาหยุดเพียงครู่เดียวเท่านั้นครับ” ดัง อยู่ไม่ขาด
เรากลับออกมาที่ลานหน้าพระมหาวิหารอีก ที่นั่นมีพวกหนุ่มๆ เที่ยวเร่ขายแสตมป์ Sede Vacante ซึ่งออกใช้เฉพาะเวลาสมณสมัยว่าง คือระหว่างที่ไม่มีพระสันตะปาปา แต่พวกนี้ขายเอากำไรแพง คือชุดหนึ่ง 3 ดวง ขาย 500 ลีร์ ซึ่งหากเราไปซื้อเอง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆนั้นจะได้ในราคาเพียง 150 ลี ร์ เท่านั้น แต่ต้องเข้าคิวเบียดเสียด รอกันตั้งชั่วโมงสองชั่วโมง
ควันดำ เวลา 11.54 น. ของวันพฤหัสบดี เริ่มมีควันออกมาจากปล่องไฟ ช้ากว่ากำหนดตั้งเกือบชั่วโมง ครั้งแรกมหาชนต่างถกเถียงกันบางคนว่าสีดำ บ้างก็ว่าสีขาว แต่ในที่สุดก็ปรากฏเป็นควันสีดำสนิทเป็นอันว่ายังไม่มีผู้ใดได้รับเลือก เวลา 17.30 น. ครั้งนี้ควันก็เป็นสีดำอีก เช่น เดียวกับตอนเช้า
ควันขาว เวลา11.22 น. ควันขาวพุงขึ้นจากปล่อง มหาชนต่างโห่ร้องต่อๆกันไปว่า “Bianco, bianco” (แปลว่า ขาว) และควันนั้นเป็นสีขาวสนิท และพลุงออกมาเป็นเวลาประมาณ 20 นาที เป็นการประกาศอย่างแน่ชัดว่าการเลือกตั้งพระสันตะปาปาสิ้นสุดลงแล้ว ชั้วครู่เดียวข่าวนี้ก็รู้ไปทั่วโลก ชาวกรุงโรมวิ่งกระหืดกระหอบมาจากจุดต่างๆมุ่งหน้าตรงไปยังพระมหาวิหารนักบุญเปโตร
'''ภายในโบสถ์ซิกสติน'''
เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลงแล้ว ฯพณฯ หัวหน้าพิธีกร และพิธีกรอื่นๆ ก็ช่วยกันลดกลดเหนือศรีษะของพระคาร์ดินัลอื่นลง เหลือไว้เพียงกลดของพระคาร์ดิ นัลที่ได้รับเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปาเท่านั้น ต่อจากนั้นพระคาร์ดินัลติสเวอรังต์ ผู้อาวุโสแห่งคณะพระคาร์ดินัล จึงถามผู้ได้รับเลือก เป็นภาษาลาตินว่า “ท่านยินยอมรับการเลือกตั้งอันถูกต้องคลองธรรมให้ท่านเป็นพระสันตะปาปานี้ไหม?” ผู้ได้รับเลือกตอบใจความว่าแม้ท่านรู้สึกว่าไม่สมควรแก่ตำแหน่งสูงส่งเช่นนี้ แต่ก็แต่ยินดีรับตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า “ท่านปรารถนาจะใช้นามอะไร?”ได้รับคำตอบว่า “เปาโล” ต่อจากนั้นพระสันตะปาปาผู้รับเลือกใหม่ก็ไปยังซากริสเตียของโบสถ์ซิกสตินเพื่อสวมเครื่องทรงซึ่งเตรียมไว้ 3 ชุด คือ ชุดใหญ่ กลาง และเล็ก สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ทรงสวม ชุดใหญ่ เพราะพระองค์สูง 5 ฟุต10 นิ้ว แล้วเสด็จประทับที่นั่ง Sedia Gestatoria ให้บรรดาพระคาร์ดินัลเข้าถวายคารวะ คือ จูบพระหัตถ์ พระธำมรงค์ และพระปราง (แก้ม) ต่อจากนั้นพระคาร์ดินัลผุ้สูงอาวุโส คือ พระคาร์ดินัล ติสเซอรังต์ ถวายพระธำมรงค์ชาวประมงแด่พระสันตะปาปา แล้วสมเด็จพระสันตะปาปาก็เสด็จตามขบวนแห่ออกไปอวยพระพรที่มุขของพระมหาวิหารนักบุญเปโตร
'''ข่าวอันน่าชื่นชมยินดีสำหรับทุกคน'''
เวลา 12.05 น. ประตูบานใหญ่หน้ามุขเด็จเปิดกว้าง เสียงมหาชนโห่ร้องด้วยความยินดี เจ้าหน้าที่มาปล่อยผ้าผืนใหญ่สีขาวขอบแดง มีตราพระสันตะปาปายวง ที่ 23 อยู่ตรงกลาง แสดงว่าพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะเสด็จออกมา ณ ที่นั้น เวลา 12.12 น. ขบวนแห่นำด้วยกางเขนโผล่ออกมาทางประตูนั้น พระคาร์ดินัลอ็อตตาเวียนี ในฐานะหัวหน้าพระคาร์ดินัล คณะเดียโกโนออกมาประกาศเป็นภาษาลาติน ด้วยเสียงอันแจ่มใสชัดเจนว่า “ข้าพเจ้าขอบอก ข่าวชื่นชมยินดียิ่งแก่ท่านทั้งหลาย เรามีพระสันตะปาปาแล้ว” เสียงมหาชนโห่ร้องกลบเสียงพระคาร์ดินัลหมด แต่ครู่เดียวก็เงียบกริบ เพราะต่างกระหายอยากจะทราบว่าพระสันตะปาปาองค์ใหม่ คือใคร พระคาร์ดินัลประกาศต่อไปว่า คือ พระคาร์ดินัลยวง บัปติสตา” ถึงตอนนี้มหาชนจึงร้องต่อเติมว่า “มอนตีนี” (เพราะไม่มีตัวเก็งคนอื่นแล้วที่ชื่อนักบุญยวงบัปติสตา นอกจากพระคาร์ดินัล มอนตีนี) เสียงประกาศซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า พระคาร์ดินัล ยวงบัปติสตา มอนตีนี ที่เคารพยิ่ง” เสียงโห่ร้องค่อยจางหายวันไปเสียงประกาศต่อไปอีกว่า “พระองค์ทรงเลือกพระนามเปาโลที่ 6” มีเสียงปรบมือและโห่ร้องกันอีก แล้วพระคาร์ดินัลอ๊อตตาเวียนีก็หายกลับเข้าไปข้างใน ระฆังทุกใบของพระมหาวิหารส่งเสียงเหง่งหง่างร่วมยินดีกับคริสตังค์ทั่วโลก
ต่อมาอีกครู่หนึ่ง มหาชนเริ่มตื่นเต้น กองทหารระวังตรงทำความเคารพ สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 เสด็จออกแสดงพระองค์เป็นครั้งแรกแก่มหาชนที่มุขเด็จ ทรงอำนวยพระพร Urbiet Orbi (แก่กรุงโรมและโลก) เสียงมหาชนโห่ร้อง อวยชัยให้พรแก่พระสันตะปาปา พระองค์ประทับอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเสด็จกลับ ประตูใหญ่ที่หน้ามุขเด็จปิดสนิทแล้ว ฝูงชนต่างบ่ายหน้าที่อยู่ของตน ทุกคนมีใบหน้าร่าเริง
 
== อ้างอิง ==