ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กฎหมายเนือร์นแบร์ค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{นาซี}}
[[ไฟล์:RGBL I 1935 S 1145.jpg|thumb|250px|หน้าต้นของไรชกิจจานุเบกษากิจจานุเบกษาแห่งไรช์ (Reichsgesetzblatt) เล่ม 100 ซึ่งลงประกาศกฎหมายนี้ ออกเมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1935]]
 
'''กฎหมายเนือร์นแบร์ก''' ({{lang-de|link=no|Nürnberger Gesetze}}; {{lang-en|Nuremberg Laws}}) เป็นกฎหมาย[[การต่อต้านยิว]]ใน[[นาซีเยอรมนี]] ซึ่งเสนอต่อ[[ไรชสภาไรชส์ทาค]] เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1935 ในคราวประชุมสมัยวิสามัญ ณ [[การชุมนุมที่เนือร์นแบร์ก|การชุมนุมเนือร์นแบร์ก]]ประจำปีของ[[พรรคนาซี]] ประกอบด้วยกฎหมายสองฉบับ คือ กฎหมายเพื่อคุ้มครองสายเลือดเยอรมันและเกียรติภูมิเยอรมัน โดยห้ามชาวเยอรมันสมรสหรือมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสกับชาวยิว ทั้งห้ามหญิงชาวเยอรมันที่อายุต่ำกว่า 45 ปีรับทำงานในครัวเรือนชาวยิว และกฎหมายว่าด้วยความเป็นพลเมืองไรช์ (Reich citizenship) ซึ่งบัญญัติว่า ผู้มีสายเลือดเยอรมันหรือสายเลือดที่เกี่ยวข้องเท่านั้นจึงจะเป็นพลเมืองไรช์ ส่วนคนที่เหลือจัดเป็น "พสกนิกรของรัฐ" (state subject) โดยไม่มีสิทธิพลเมือง ต่อมาในวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1935 มีการออกกฤษฎีกาเพิ่มเติมเพื่อกำหนดนิยามว่า ใครบ้างที่เป็นชาวยิว วันเดียวกันนั้น กฎหมายว่าด้วยความเป็นพลเมืองไรช์ก็เริ่มใช้บังคับ ครั้นวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1935 มีการขยายเนื้อหากฎหมายเหล่านี้เพื่อให้ครอบคลุม[[ชาวโรมานี]]และ[[ชาวแอฟริกันเยอรมัน]] อนึ่ง กฤษฎีกาเพิ่มเติมฉบับดังกล่าวยังนิยาม[[ชาวยิปซี]]ว่า เป็น "ศัตรูของรัฐที่มีเชื้อชาติเป็นพื้นฐาน" (enemies of the race-based state) ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับชาวยิว
 
เพราะความกังวลด้านนโยบายต่างประเทศ การบีฑาชาวยิวตามกฎหมายทั้งสองฉบับจึงมิได้เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสิ้นการจัด[[โอลิมปิกฤดูร้อน 1936]] ในกรุง[[เบอร์ลิน]]แล้ว หลัง[[มัคท์แอร์ไกรฟุง|ยึดอำนาจการปกครอง]]ไว้ได้ใน ค.ศ. 1933 พรรคนาซีก็เริ่มดำเนินนโยบายของตน ซึ่งรวมถึงการจัดตั้ง "[[Volksgemeinschaft|ประชาคม]]" (people's community) โดยมีเชื้อชาติเป็นพื้นฐาน [[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] ผู้เป็นทั้ง[[นายกรัฐมนตรีเยอรมนี|นายกรัฐมนตรี]]และ[[Führer|ประมุข]] (Führer) ได้ประกาศ[[การคว่ำบาตรกิจการชาวยิวโดยนาซี|คว่ำบาตรกิจการของชาวยิวทั่วประเทศ]]เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1933 และตรา[[Law for the Restoration of the Professional Civil Service|กฎหมายฟื้นฟูราชการวิชาชีพ]] (Law for the Restoration of the Professional Civil Service) เมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1933 เพื่อห้าม[[เชื้อชาติอารยัน|ผู้มิใช่อารยัน]]รับราชการหรือประกอบวิชาชีพทางนิติศาสตร์ หนังสือซึ่งมองว่า "ไม่เป็นเยอรมัน" (un-German) เป็นต้นว่า บรรดาที่ชาวยิวเป็นผู้แต่งนั้น ก็สั่งให้[[การเผาหนังสือโดยนาซี|เผาทำลาย]]ทั่วประเทศในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1933 ทั้งมีการกลั่นแกล้งรังแกพลเมืองยิวอย่างหนักหน่วง มีการปราบปรามอย่างแข็งขัน ปลดความเป็นพลเมืองและสิทธิพลเมือง จนที่สุดก็กำจัดชาวยิวออกจากสังคมเยอรมันโดยสิ้นเชิง