ประวัติศาสตร์ไทใหญ่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสงคราม ภาษาไทใหญ่กลายเป็นภาษาต้องห้าม ที่รัฐบาลพม่าสั้งห้ามทำการเรียนการสอนเด็ดขาดใครเปิดสอนก็จะถูกจับขังคุก การเรียนการสอนภาษาไทใหญ่เมื่อสิบกว่าก่อน ต้องอาศัยแอบเรียนภายในวัดเท่านั้น ไม่มีการสอบวัดผลอะไร เด็กๆที่ไปเรียนกับพระที่วัดก็สามารถอ่านออกเขียนได้เท่านั้นเทียบกับปัจจุบันที่เราจะเห็นคนไทใหญ่ใช้ภาษาไทใหญ่หลากหลายในโลกโซเซีบล จนการเรียนประวัติศาสตร์ของชาวไทใหญ่กลายเป็นวิชาต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยอังกฤษปกครอง อิทธิพลทางวัฒนธรรมของพม่าในไทใหญ่จึงมีมาก ซึ่งเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์และการเมือง<ref name=hb-95>{{cite book | title=A History of Burma | page=95 | publisher=Cambridge University Press | location=New York and London | year=1967 | author=Maung Htin Aung | authorlink=Htin Aung}}</ref> กล่าวคือเมื่อพม่ามีอิทธิพลทางการปกครองก็จะเกณฑ์ให้เจ้าฟ้าไทใหญ่ส่งลูกชายและลูกสาวไปเมืองหลวงพม่า เจ้าหญิงเจ้าชายเหล่านี้จึงได้รับวัฒนธรรมพม่ามา และนำกลับมาเผยแพร่แก่ประชาชนไทใหญ่ในรูปแบบของ[[ภาษา]] [[ดนตรี]] [[นาฏศิลป์]] และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ<ref name=app-108>{{cite book | title=History of Burma | author=Lt. Gen. Sir Arthur P. Phayre | year=1967 | pages=108–109 | edition=2 | publisher=Susil Gupta | location=London}}</ref> เช่น เกิดความนิยมว่า วรรณคดีที่ไพเราะซาบซึ้งควรมีคำพม่าผูกผสมผสานกับคำไท<ref>‘Mae Sai Evacuated as Shells Hit Town’, Bangkok Post, 12 May 2002</ref><ref>‘Mortar Rounds Hit Thai Outpost, 2 Injured’, Bangkok Post, 20 June 2002, p.1</ref>
== ภาษา ==
ภาษาไทใหญ่เป็นภาษาเก่าแก่ มีมาร่วม 2,000 ปี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คู่กับวิถีชีวิตของชาวไทใหญ่มาช้านาน เป็นวิชาเลือกหนึ่งภายในรัฐ เจ้าขุนสามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมรัฐฉานในอดีต เคยออกสำรวจคนไทใหญ่ในรัฐฉาน สหภาพพม่า พบว่ามีคนไทใหญ่พูดภาษาไทใหญ่มากมาย ประมาณได้กว่า 12 ล้านคนหลายแห่ง แต่ไม่มีจำนวนที่แน่นอน เพราะยากแก่การสำรวจคนไทใหญ่เหล่านั้นจะเรียกตนเองว่าเป็นพม่า พูดภาษาพม่า แต่งกายเป็นพม่า<ref>{{cite web |url=http://www.ethnologue.com/show_language.asp?code=shn |title=Shan: A language of Myanmar |accessdate=2006-12-02 |work=Ethnologue }}</ref>