ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศตุรกี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
อาหารของชาวตุรกี อาหารหลักของชาวตุรกี จะมีที่ทำมาจากแป้ง และเนื้อสัตว์และย่าง
บรรทัด 286:
 
=== อาหาร ===
'''อาหารของชาวตุรกี '''
{{โครง-ส่วน}}
 
                        อาหารหลักของชาวตุรกี จะมีที่ทำมาจากแป้ง และเนื้อสัตว์และย่าง  อาหารที่ทำจากแป้งสาลี
 
๑) Ekmek ขนมปังธรรมดา  ขนมปังประเภทนี้มักจะทำเป็นรู ปเรียวมนด้านบนมีรอยปริของขนมปัง   เป็นอาหารหลักของคนตุรกีที่นิยมบริโภคทั่วไป  โดยจะรับประทานพร้อมกับอาหารคาวต่างๆแบบเดียวกับที่คนไทยนิยมรับประทานข้าว กับอาหารต่างๆ
 
๒) Pide ขนมปังแผ่นเรียบ  เป็นขนมปังที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศมุสลิม
 
๓) Simit ขนมปังที่ทำเป็นรูปวงแหวนโรยงา  ขนมปังประเภทนี้จัดเป็นอาหารว่างยอดนิยมของชาวตุรกี  โดยจะมีคนแบกใส่ถาดเดินขายอยู่ทั่วไป  คนขายมักจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ  แต่ก็มีรสชาติดีโดยเฉพาะตอนที่ทำเสร็จใหม่ๆ Simit ที่ผลิตในกรุงอังการาจะมีรสชาติดีกว่าของเมืองอื่นๆ
 
๔)Manti  เป็นแป้งห่อไส้ต่างๆ รับประทานกับโยเกิร์ต  และเนยเหลว นอกจากอาหารที่ทำด้วยแป้งสาลีแล้ว  ข้าวก็เป็นธัญพืชอีกประเภทหนึ่งที่ชาวตุรกีนิยมรับประทาน  ไม่ใช่ข้าวสวยเปล่าๆ  อย่างที่คนไทยบริโภคกัน แต่เป็นข้าวคลุกกับเนย 
 
อาหารประเภทย่าง
 
            อาหารประเภทเนื้อย่าง  หรือที่เรียกรวมๆกันว่า “Kebab” เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวเติร์ก  เนื่องจากปรุงง่ายเหมาะสำหรับชนเร่ร่อน  ที่อาศับในกระโจมและมีการก่อไฟนอกกระโจม  ในตุรกี  เนื้อย่างที่ใช้มี ๓ ประเภทคือ  ไก่ วัว และแกะ อาหารประเภทเนื้อย่างมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท  ประเภทที่ชาวต่างประเทศมักจะรู้จักคุ้นเคยได้แก่ Sis Kebab และ Doner Kebab เนื้อย่างทั้งสองประเภทนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารของชาวกรีก  คือเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นๆและนำไปเสียบกับไม้หรือเหล็กเพื่อนำไปย่าง เนื้อที่นำมาโปะทับกันเนก้อนใหญ่เสียกับแกนเหล็กแล้วนำไปย่างในเครื่องย่าง ที่หมุนได้  เนื้อส่วนที่ย่างสุกแล้วจะถูกนำมาเฉือนนำไปรับประทานกับขนมปัง
 
            ร้านชายอาหารประเภทเนื้อย่างหรือที่เรียกว่า “ Kebabci” มีอยู่ด้วยกัน๒ ประเภทใหญ่ๆ  คือร้านแบบ “ lahmacun” จะขายอาหารที่ทำด้วยแป้งแผ่นเรียบกับเนื้อ  กับร้านที่เรียกว่า “Adana”   ซึ่งเป็นชื่อจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีที่มีชื่อ เสียงในเรื่องการทำเนื้อย่าง
 
            มีข้อสังเกตุอีกอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของชาวตุรกีคือจะไม่ ค่อยเห็นการขายอาหารตามริมฟุตบาทโดยใช้รถเข็นหรือแผงลอย  อย่างในประเทศแถบเอเชีย  ในประเทศตุรกี  ถ้าจะกินอาหารก็ต้องเดินเข้าร้านอาหาร  จะไม่มีการมาประกอบอาหารจำหน่ายและนั่งกินกันข้างถนน  เข้าใจวว่าในอดีตอาจจะเคยมีอยู่บ้างเหมือนกัน  แต่ได้เลิกไปเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานยุโรป 
 
อาหารประเภทที่มีผัก
 
            อาหารประเภทที่มีผักแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ ผักสด ผักที่นำมาปรุงด้วยน้ำมันโอลีฟและผักที่นำมาใช้ห่อหรือยัดไส้ หรือที่เรียกว่า “ Dolma” หากเป็นการยัดไส้ ไส้ข้างในจะเป็นเนื้อ  ผักที่นำมายัดไส้ส่วนมากจะได้แก่  มะเขือยาว มะเขือเทศ และพริกเม็ดใหญ่ แต่หากเป็นการห่อไส้ ไส้ที่อยู่ข้างในจะเป็นข้าวที่มีการปรุงรสและผสมมาแล้วอย่างดี  ผักที่นิยมมาใช้ห่อข้าวได้แก่ กะหล่ำปลีและใบองุ่น 
 
อาหารทะเล
 
            ประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีทะเลล้อมรอบถึง ๔ ทะเล อาหารทะเลจึงไม่น่าจะเป็ฯของหายากในประเทศนี้  แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า  อาหารทะเลที่มีขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทปลา  สัตว์ทะเลอื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์ที่มีกระดอง ปู จะหารับประทานได้ยากมาก  กุ้งและหอยพอจะหาซื้อรับประทานได้บ้างแต่ก็มีราคาแพง  ชาวตุรกีส่วนใหญ่ไม่นิยมรับประทานสัตว์ที่มีกระดองทั้งนี้อาจเป็นเพราะความ เชื่อในทางศาสนา  ปลาจึงเป็นสัตว์ทะเลที่ยอดนิยมของชาวตุรกี ประมาณร้อยละ  ๗๐ ของปลาที่ชาวตุรกีนิยมบริโภคเป็นปลาทะเล  ปลาทะเลยอดนิยมของชาวตุรกีได้แก่ปลา “Hamsi” ซึ่งเป็นปลาขนาดเล็กจับได้ในทะลดำในฤดูหนาว ในประเทศตุรกีปลาจะชุกชุม  เนื่องจากฝูงปลาจะพากันอพยพหนีหนาวจากทางตอนเหนือขงทะเลดำลงมาทางใต้เข้า ใกล้ชายฝั่งตุรกี  ซึ่งเป็นช่วงที่ปลากำลังโตได้ที่พอดี  ในฤดูร้อนปลาจะหารับประทานได้น้อย  ร้านขายปลาส่วนใหญ่จึงมักหยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากไม่ค่อยมีปลาขาย การปรุงอาหารประเภทปลาของชาวตุรกีจะมีเพียง ๒ ประเภทเท่านั้น คือการทอด และปิ้งธรรมดาๆ 
 
ขนมหวาน 
 
            ขนมหวานของตุรกีมีหลายประเภท  แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลกและเป็นที่ชื่นชอบของบุคคลทั่วไปโดย เฉพาะเด็กๆ  ได้แก่ “เตอร์กิชดีไลท์” ซึ่งจะทำเป้นก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆคลุกกับแป้งสีขาวหรือมะพร้าว  มีรสหวานจัด ขนมหวานอีกประเภทหนึ่งที่มีชื่อเสียงของตุรกีคือ “Baklava” ซึ่งแต่กสาขาย่อยออกไปอีกหลายประเภท  ขนมของตุรกีที่มีรสหวานจัด  สำหรับคนไทยอาจจะกล่าวได้ว่า หวานชนิดแสบได้แสบคอ ขนมตุรกีนิยมทานกับน้ำชา  หรือกาแฟ  นอกจากจะมีรสชาติที่หวานมากของน้ำตาลแล้ว  ขนมหวานบางประเภทยังมีส่วนผสมของนมแพะด้วย  สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะคุ้นกับนมแพะอาจจะไม่ค่อยชอบกลิ่น  นอกจากขนมหวานมนตระกูล“Baklava”แล้วขนมหวานอีกประเถทหนึ่ง  ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในตุรกีคือ “Lokma” ซึ่งเป็นแป้งที่นำไปทอดในน้ำมันแล้วนำมาแช่ในน้ำเชื่อม  
 
ขนมหวานเตอร์กิซดีไลท์
 
 คงไม่มีขนมหวานชนิดไหนเลื่องชื่อเท่าขนมชนิดนี้ของตุรกีที่รู้จัก ไปทั่วโลก หรือที่เรียกภาษาตุนกีว่า “ โลคุม” ซึ่งมีรูปร่างคล้ายลูกเต๋าคลุกอยู่ในแป้งสีขาว  เนื้อของขนมลักษณะเหนียวใส  มีรสหวานจัด  มักนิยมรับประทานกับชาหรือกาแฟ ขนมชนิดนี้มีกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๗๗๗  โดยฝีมือของพนักงานทำขนมหวานในราชสำนักของออตโตมันชื่อ Haci Bekir เข้าใจว่านายผู้นี้คงได้แนวคิดในการประดิษฐ์ขนมชนิดนี้จากขนมชนิดหนึ่ง   ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ขนมดังกล่าวนี้เป็นขนมที่นิยมบรโภคกันในแถบตะวันออกกลางโดยหลักฐานกล่าวถึง ขนมชนิดนี้ ในศตวรรษ ๑๔
 
ขนมที่นายผู้นี้คิดดัดแปลงประดิษฐ์ขึ้นในตอนแรกเรียกว่า “rahat ul – hulkum” ซึ่งมีความหมายในภาษาอารบิคว่าความเบิกบานสำหรับลำคอ ขนมชนิดนี้ได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วในจักรวรรดิออตโตมันและประเทศอื่นๆ   ในเวลาต่อมา  นักเดินทางชาวอังกฤษผู้หนึ่งซึ่งได้เดินทางมานครอิสตันบลูในศตวรรษที่ ๑๘ ได้มีโอกาสทดลองรับประทานขนมชนิดนี้และรู้สึกชอบมากจึงได้ตั้งชื่อขนมว่า Turkish delight  นาย Haci ได้ส่งขนมที่ตนเองประดิษฐ์ขึ้นไปเข้าประกวดในยุโรปในปี ค.ศ ๑๘๗๓ และได้รับรางวัล
 
ในเรื่องของอาหารคนตุรกีค่อนข้างจะมีอนุรักษ์นิยมสูงพอสมควร  คือไม่ค่อยชอบรับประทานอาหารต่างชาติที่ตนเองไม่คุ้นเคย  อาหารที่ชาวตุรกีรับประทานจึงมีรูปแบบที่ตายตัว  ไม่ค่อยมีการเปลียนแปลงหรือปรับปรุง  ตามประวัติอาหารของชาวตุรกีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในศตวรรษที่ ๑๘ และ ๑๙ หลังจากนั้น  อาหารของชาวตุรกีค่อนข้างจะคงที่  ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลัง ๑๐ ปีที่ผ่านมา  ไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งตำบลใด ในภาคใดของตุรกีรูปแบบจะไม่มีการแตกต่างกันเลย  นอกจากนี้ในช่วงฤดูถือศีลอดของชาวมุสลิม  อาหารจะมีขายคึกคักมากเป็นพิเศษกว่าช่วงปกติ  ไม่ว่าจะเป็นในตลาดสด  หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต  ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่า  ในช่วงฤดูถือศีลอดคนตุรกีทั่วไปอาจจะบริโภคอาหารมากขึ้นกว่าปกติด้วยซ้ำ
 
  '''กาแฟตุรกี '''
 
'''          '''กาแฟ ตุรกีเป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ  มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไปโลกกาแฟมีถิ่นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย   ในสมัยโบราณเรีกว่า  อะบิสซิเนีย  ตามตำนานเล่าว่า  คนเลี้ยงแพะสังเกตพบว่า  เวลาที่แพะกินผลไม้จากต้นไม้ชนิดหนึ่งเข้าไปจะรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น มาทันที  จึงได้ไปบอกกับนักบวชในศาสนาผู้หนึ่งชื่อ Shazili นักบวชผู้นี้ได้ทดลองนำเมล็ดจากต้นไม้ดังกล่าวมาต้มดื่มดู  ปรากฏว่า  เมื่อดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาโดยทันที  ในศตวรรษที่ ๑๕ ข้าหลวงออตโตมันประจำเยเมน  ชื่อ Ozdemir Pasha ได้เมล้ดพืชดังกล่าวจากเอธิโอเปียไปเพาะขยายพันธุ์ในเยเมน  ทำให้เยเมนกลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่สำคัญในเวลาต่อมา  อย่างไรก็ดี  เนื่องจากปริมาณความต้องการกาแฟได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆกาแฟที่ผลิตได้จาก เยเมนจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ  ภายหลังที่โคลัมบัสได้ค้นพบทวีปอเมริกา  ได้มีการนำพันธุ์ไปเพาะขยายพันธุ์ในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งมีอุณหภูมิที่เหมาะสม   ทำให้กาแฟขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
 
            กาแฟถูกนำเข้ามายังเยเมน  และได้ถูกเผยแพ่ต่อไปยังประเทสยุโรปอื่นๆ  ตามประวัติเล่าว่า  ภายหลังที่ออตโตมันไม่ประสบความสำเร็จในการตีกรุงเวียนนาครั้งที่ ๒  ในปี ค.ศ. ๑๖๘๓   กองทหารออตโตมันได้ทิ้งกระสอบบรรจุเมล็ดกาแฟ  จำนวนหลายร้อยถุงไว้นอกกำแพงกรุงเวียนนา  ทหารออสเตรียได้ไปพบจึงนำไปเผาทำลาย  นายทหารคนหนึ่ง ชื่อ kolschizky ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นครอิสตันบลูได้กลิ่นกาแฟที่กำลังถูกเผา  จึงนำกาแฟที่เหลือรอดจากการถูกเผาไฟไปเผยแพร่ให้ชาวออสเตรเลียรู้จัก  และได้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของชาวออสเตรเลียและชาวยุโรปอื่นๆ
 
            ในสมัยออตโตมัน  กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในราชสำนักและของประชาชนทั่วไป  ชาวตุรกีเรียกกาแฟว่า “Kahve” ซึ่งสันนิษบานว่า  อาจจะมาจากชื่อของที่ราบสูง “Kaffa” ในประเทสเอธิโอเปีย  หรืออาจจะมาจากคำในภาษาแอฟริกาว่า “Kahve” ซึ่งมีความหมายว่าไวน์  ในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ ๔ กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ยอดนิยมในราชสำนัก  ถึงกับมีการแต่งตั้งพนักงานประจำทำหน้าที่เตรียมกาฟถวายสุลต่าน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า  หากพระราชมารดาของสุลต่านต้องการจะแนะนำนางพระกำนัลคนใหม่ให้สุลต่านได้ รู้จัก  ก็จะโปรดให้นางพระกำนัลคนนั้นนำกาแฟไปถวายแด่สุลต่าน เพื่อเป็นการแนะนำตัว
 
            กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมแพนชร่หลายมากขึ้นในหมู่ชาวตุรกี ทั่วไปการดื่มกาแฟนอกจากจะเพื่อความสำราญส่วนตัวแล้ว  ยังเป็นกิจกรรมทางสังคมที่สำคัญ และได้นำไปสู่ประเพณีการทำนายโชคชะตาจากถ้วยกาแฟตุรกี  ซึ่งเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรี  วิธีการทำนาย  คือ  เมื่อดื่มกาแฟหมดถ้วยแล้ว  ผู้ดื่มจำคว่ำถ้วยกาแฟตุรกี  ซึ่งเป็นถ้วยขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๒ นิ้ว และกล่าวคำอธิษฐาน “kahve pir, kalbime gir, kalbimden Cik, fincana gir” ซึ่งมีความหมายว่าขอให้กาแฟเข้าไปสู่หัวใจของข้าพเจ้า  แล้วกลับออกมา  และเข้าไปในถ้วยกาแฟ หมอดูจะทำการเปิดถ้วยกาแฟ  เพื่อดูคราบกาแฟในถ้วย โดยจะกล่าวคำว่า “Neyse halin Ciksin falin” ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าหวังว่าโชคชะตาของคุณจะปรากฏอยู่ในถ้วยใบนี้
 
=== สถาปัตยกรรม ===