ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เทวสถานโบสถ์พราหมณ์"

เมื่อเดินเข้ามาจากประตูทางเข้า จะมี[[เทวสถาน|เทวาลัย]]ขนาดเล็ก เป็นที่ประดิษฐานเทวรูป [[พระพรหม]] (พระผู้สร้าง) ซึ่งตั้งอยู่กลางบ่อน้ำ สร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2515 ภายใน[[เทวสถาน]] จะมี[[เทวสถาน|โบสถ์]]อยู่ 3 หลัง คือ<ref name="ประวัติ"/>

#* '''สถาน[[พระศิวะ|พระอิศวร]] (โบสถ์ใหญ่ อยู่ด้านหลัง[[เทวสถาน|เทวาลัย]][[พระพรหม]])''' ก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนไม่มีพาไล [[เทวสถาน|โบสถ์]]หลังนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าหลังอื่นทุกหลัง หลังคาทำชั้นลด 1 ชั้น หน้าบันด้านหน้ามี[[เทวรูป]][[ประติมากรรม|ปูนปั้นนูนต่ำ]] รูป[[พระศิวะ|พระอิศวร]] ([[พระศิวะ) ปารวตี|พระแม่อุมา]] และเครื่องมงคลรูปสังข์ กลศ กุมภ์ อยู่ในวิมาน ใต้รูปวิมานมีปูนปั้นเป็นรูปเมฆและโคนันทิ หน้าบันด้านหลังไม่มีลวดลาย ภายในสถาน[[พระศิวะ|พระอิศวร]] มีเทวรูป [[พระศิวะ|พระอิศวร (พระศิวะ) ทำด้วยสำริด]] ประทับยืน ปางประทานพร โดยยกพระหัตถ์ทั้ง 2 ข้าง และยังมี[[เทวรูป]]ขนาดกลางอีก 31 สามสิบเอ็ดองค์ ประดิษฐานในเบญจา (ชุกชี) ถัดไปด้านหลังเบญจา มีเทวรูป [[ศิวลึงค์ 2 ]]สององค์ ทำด้วยหินสีดำ ด้านหน้าเบญจามีชั้นลด ประดิษฐาน[[เทวรูป]] [[พระพรหม 3 ]]สามองค์ [[พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล)|พระราชครูวามเทพมุนี]]เป็นผู้สร้าง เมื่อพุทธศักราช 2514 มี และ[[พระสรัสวดี]] 1 องค์ (พระแม่สุรัสวดี หรือ สรัสวตี นี้ นายลัลลาล ประสาททวยาส ชาวอินเดียเป็นผู้ถวาย เมื่อประมาณ 20 ปี มานี้) สองข้างแท่นลด มี[[เทวรูป ]][[พระศิวะ|พระอิศวร]]ทรงโคนันทิ และ [[พระปารวตี|พระอุมา]]ทรงโคนันทิ ทางด้านซ้ายมือเป็นศิลปะปูนปั้นโบราณมีมาแล้วก่อนสมัยรัชกาลที่ประดิษฐาน[[เทวรูป]][[แห่นางดาน|นางกระดาน]]สามองค์สำหรับใช้ในการ[[พระราชพิธีตรียัมพวาย 5ตรีปวาย]] ประกอบด้วย[[แห่นางดาน|นางกระดาน]][[พระแม่ธรณี|พระแม่ธรณี]](แผ่นซ้าย) [[แห่นางดาน|นางกระดาน]][[พระแม่คงคา|นางพระคงคา]](แผ่นกลาง) และ[[แห่นางดาน|กระดาน]][[พระอาทิตย์]] และ[[พระจันทร์]](แผ่นริม) ตรงกลางโบสถ์มีเสาลักษณะคล้ายเสาชิงช้า 2 ต้น สูง 2.50 เมตร สำหรับประกอบ พิธีช้าหงส์ใน[[พระราชพิธีตรียัมพวาย- ตรีปวาย]] ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนยี่ ([[พระศิวะ|พระอิศวร]] พระนาง[[พระปารวตี|พระอุมา]] [[พระพิฆเนศ|พระคเณศ]]) วันแรม 5 ค่ำ เดือนยี่ ([[พระวิษณุ|พระนารายณ์]]) และวันแรม 3 ค่ำ เดือนยี่ ([[พระพรหม]]) พิธีช้าหงส์ในวันแรม 1 ค่ำ และวันแรม 5 ค่ำ เดือนนั้น เป็นพิธีที่มีมาแล้วตั้งแต่สมัย[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช|รัชกาลที่ 1]] ส่วนในวันแรม 3 ค่ำ เป็นพิธีที่เพิ่งจัดให้มีขึ้นในรัชกาลปัจจุบันรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช]] ภายหลังจากที่[[พระราชครูวามเทพมุนี]] ได้จัดสร้าง[[เทวรูป]][[พระพรหม]]ถวายเนื่องในมหามงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 3 รอบ พระนักษัตร

# *'''สถาน[[พระพิฆเนศ|พระพิฆเนศวร]] (โบสถ์กลาง)''' สร้างด้วยอิฐถือปูน มีพาไลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง การก่อสร้างยังคงศิลปะอยุธยาที่สร้างโบสถ์ที่มีพาไล ตัวโบสถ์ไม่มีลวดลาย หลังคามีชั้นลด 1 ชั้น หน้าบันเรียบ ไม่มีรูป[[เทวรูป]]ปูนปั้นเหมือนสถาน[[พระศิวะ|พระอิศวร]] ภายในโบสถ์มี[[เทวรูป]][[พระพิฆเนศ|พระพิฆเนศวร 5 ]]ห้าองค์ ล้วนทำด้วยหิน คือ หินเกรนิต 1 องค์ หินทราย 1 องค์ หินเขียว 2 องค์ ทำด้วยสำริด 1 องค์ ประดิษฐานบนเบญจา ประทับนั่งทุกองค์

# '''สถาน[[พระวิษณุ|พระนารายณ์]] (โบสถ์ริม)''' สร้างด้วยอิฐถือปูน มีพาไลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง การก่อสร้างทำเช่นเดียวกับสถาน[[พระพิฆเนศ|พระพิฆเนศวร]] ภายในทำชั้นยกตั้งประดิษฐานบุษบก 3 หลัง หลังกลางจะประดิษฐานสามองค์เคียงกันประกอบด้วย[[เทวรูป]] [[พระนารายณ์ หรือ ลักษมี]](บุษบกองค์ซ้ายมือ)[[พระวิษณุ|พระนารายณ์]](บุษบกองค์กลาง) [[พระมเหศวรี]](บุษบกองค์ขวามือ) ทำด้วยปูน ประทับยืน ตรงกลางโบสถ์มีเสาลักษณะคล้ายเสาชิงช้าขนาดย่อม สำหรับประกอบพิธีช้าหงส์

นอกจากนี้ยังมี '''หอเวทวิทยาคม''' อยู่ภายในโบสก์พราหม์อีกด้วย[[เทวสถาน|โบสถ์พราหมณ์]]อีกด้วย ซึ่งจัดเป็นห้องสมุดเฉพาะกิจ เก็บรวบรวมสรรพวิชาการต่างๆ เกี่ยวกับวรรณคดี พิธีกรรม ประวัติศาสตร์ทาง[[ศาสนาพราหมณ์]] [[โหราศาสตร์]] วัฒนธรรมประเพณี และยังเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา บำเพ็ญกุศล แสดงพระธรรมเทศนา ปาฐกถา อภิปรายสนทนา และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกันตามโอกาสอันควร หอเวทวิทยาคมแห่งนี้เป็นศูนย์ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และรวบรวมสรรพวิทยาการด้านประเพณีและพิธีกรรมแห่งหนึ่งใน[[ประเทศไทย]] เปิดให้ประชาชนเข้าไปค้นคว้าเพื่อศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ[[ศาสนาพราหมณ์]]-[[ศาสนาฮินดู|ฮินดู]]