ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การกอบกู้เอกราชของเจ้าตาก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 6646658 สร้างโดย 1.47.8.76 (พูดคุย)
บรรทัด 2:
 
ราวปี [[พ.ศ. 2309]] ก่อนเสียกรุง พระยาตากได้นำทหารในบังคับบัญชาตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าไปทางด้านทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา เพื่อรวบรวมผู้คนและยุทธปัจจัยต่าง ๆ มาสู้รบกับกองทัพพม่าอีกครั้ง ในระหว่างนั้นยังได้ตั้งตนเป็นเจ้าเมื่อถึงเมืองระยอง เมื่อ ''เจ้าตาก'' เตรียมกำลังรบจนพร้อมสรรพแล้ว จึงได้เคลื่อนพลกลับไปยังกรุงศรีอยุธยาทางด้านปาก[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] เพื่อทำการขับไล่ทหารพม่าที่ยังคงเหลืออยู่ออกไปได้สำเร็จ
*
 
== เบื้องหลัง ==
{{ดูเพิ่มที่|การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง}}
ครั้นถึงวันที่ [[7 เมษายน]] [[พ.ศ. 2310]]{{Ref_label|A|I|none}} เวลาประมาณบ่ายสามโมง พม่าจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองตรงหัวรอที่ริม[[ป้อมมหาชัย]] และยิงปืนใหญ่ระดมเข้าไปในพระนคร จากบรรดาค่ายที่รายล้อมทุกค่าย พอเพลาพลบค่ำกำแพงเมืองตรงที่เอาไฟสุมทรุดลง เวลา 2 ทุ่ม แม่ทัพพม่ายิงปืนเป็นสัญญาณให้ทหารเข้าพระนครพร้อมกันทุกด้าน พม่าเอาบันไดปีนพาดเข้ามาได้ตรงที่กำแพงทรุดนั้นก่อน ทหารอยุธยาที่รักษาหน้าที่เหลือกำลังจะต่อสู้ พม่าก็สามารถเข้าพระนครได้ในเวลาค่ำวันนั้นทุกทาง<ref>จรรยา ประชิตโรมรัน. หน้า 169.</ref>
 
หลังจากกรุงแตกแล้ว กองทัพพม่าได้พักอยู่ถึงวันที่ [[6 มิถุนายน]] พ.ศ. 2310<ref>ขจร สุขพานิช. หน้า 270.</ref> ก่อนจะรวบรวมเชลยและทรัพย์สมบัติแล้วยกทัพกลับอาณาจักรพม่า พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินต่าง ๆ ซึ่งในบรรดาเชลยนั้นมี[[สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร]]ไปด้วย เนเมียวสีหบดีได้แต่งตั้งให้[[นายทองสุก|สุกี้]]เป็นนายทัพ คุมพล 3,000 คน ตั้งค่ายอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น คอยกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินตามกลับไปภายหลัง
 
หลังจากนั้น เพื่อความอยู่รอด ทำให้เกิดชุมนุมทางการเมืองในระดับต่าง ๆ ซึ่งเป็น ''"รัฐบาลธรรมชาติ"'' ขึ้นมาในท้องถิ่นทันที ส่วนรัฐบาลธรรมชาติซึ่งมีขนาดใหญ่เกิดจากการที่บรรดาเจ้าเมืองขนาดใหญ่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากนักได้ตั้งตนเป็นใหญ่ในเขตอิทธิพลของตน เรียกว่า "ชุมนุม" หรือ "ก๊ก" ซึ่งมีจำนวน 4-6 แห่งทีเดียว นับเป็นมหันตภัยร้ายแรงเมื่อไม่มีชุมนุมทางการเมืองใดจะกอบกู้เอกราชหรือฟื้นฟูชาติให้กลับคืนดังเดิม
 
== นโยบายทางการเมือง ==
พระยาตากได้ประกาศนโยบายรื้อฟื้นราชอาณาจักรอยุธยา ซึ่งมีความแตกต่างจากชุมนุมภายใต้ขุนศึกอื่น ๆ ที่เพียงแต่เป็นกลุ่มโจรที่ปล้นสะดมเพื่อรักษาความอยู่รอดท่านั้น กิตติศัพท์ดังกล่าวทำให้มีตระกูลขุนนางบางส่วนจากกรุงศรีอยุธยามาสวามิภักดิ์ด้วย<ref>นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). '''การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี'''. โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด. หน้า 130.</ref>
 
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังอาจมองได้ในอีกแง่หนึ่ง คือ พระยาตากได้ประกาศตนเป็นพระเจ้าแผ่นดินนับตั้งแต่ยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว ทำให้กองกำลังของพระยาตากเป็น "กลุ่มการเมืองติดอาวุธ"<ref>นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). '''การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี'''. โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด. หน้า 126-128.</ref> จึงแปลกต่างไปจากชุมนุมอื่น การกระทำเช่นนี้ทำให้ขุนนางระดับผู้น้อยเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อพระยาตากจำนวนหนึ่ง ส่วนขุนนางระดับสูงยังไม่เข้าร่วมด้วย เพราะมองเห็นว่ากลุ่มขอพระยาตากยังไม่น่าประสบความสำเร็จตามนโยบาย<ref>นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). '''การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี'''. โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด. หน้า 128.</ref>
 
== การตั้งตนเป็นใหญ่ ==
 
=== เส้นทางเดินทัพของพระยาตาก ===
 
[[ไฟล์:เส้นทางเดินทัพของพระเจ้าตาก.jpg‎ ‎|thumb|300px|left|เส้นทางเดินทัพของพระยาตาก]]
 
ในวันที่ [[3 มกราคม|3 มกราคม]] [[พ.ศ. 2309|พ.ศ. 2309]] ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจอ อัฐศก พระยาตากเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียทีแก่พม่า จึงตัดสินใจร่วมกับ[[พระยาพิชัยดาบหัก|พระยาพิชัย]] พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี พร้อมด้วยทหารกล้าราว 500 คน<ref>พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่า "ประมาณ 1000 เศษ"</ref> มีปืนเพียงกระบอกเดียว แต่ชำนาญด้านอาวุธสั้น<ref>พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร : คลังวิทยา,2511) หน้า 60.</ref> ยกกำลังออกจากค่ายวัดพิชัย และตีฝ่าวงล้อมทหารพม่าไปทางทิศตะวันออก มุ่งตรงไปยังบ้านโพธิ์สังหาร<ref>พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่า "บานโพสามหาว โพสาวหาร และโพสังหาร"</ref>
 
ขณะที่เนื้อความใน คำให้การขุนหลวงหาวัด เอกสารที่ใกล้เคียงกับยุคสมัยมากกว่าได้ระบุว่ามีราชโองการให้ "พระยาตาก" พระยาเพชรบุรีและหลวงสุรเสนีแต่งทัพเรือไปคอยดักสกัดทัพเรือพม่าที่วัดใหญ่ พระยาเพชรบุรีนำกำลังรุดเข้าตีทหารพม่าก่อนแต่กลับพ่ายแพ้ ตัวเองถูกสังหารในที่รบ "พระยาตาก หลวงสรเสนีถอยมาแอบดู หาช่วยหนุนไม่ แล้วไปตั้งอยู่ ณ วัดพิชัย"<ref>'''คำให้การขุนหลวงหาวัด'''(กรุงเทพฯ: จดหมายเหตุ,2544) หน้า 243-4</ref>
 
รุ่งเช้า ได้ต่อสู้กับกองทหารพม่าจนล้มตายและบางส่วนแตกหนีไป ก่อนเดินทางไปตั้งค่ายพักอยู่[[บ้านพรานนก]] ในขณะนั้นมีทหารพม่ากองหนึ่งซึ่งประกอบด้วยทหารม้าประมาณ 30 คน ทหารเดินเท้าประมาณ 200 คน เดินทางมาจากแขวงเมือง[[ปราจีนบุรี]]<ref>สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, [http://www.dld.go.th/lsra_ray/prajen.doc สภาพทั่วไปและข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตรของจังหวัดปราจีนบุรี]</ref> สวนทางมาพบทหารพระยาตากที่เที่ยวหาเสบียงอาหาร ทหารพม่าก็ไล่ตามมา แต่ถูกกลอุบาย "วงกับดักเสือ"<ref>ประกอบ โชประการ, '''มหาราชชาติไทย''' (กรุงเทพฯ : รวมการพิมพ์ 2523) หน้า 434.</ref> ถูกตีกระหนาบจนแตกหนีไป
 
พวกราษฎรที่หลบซ่อนพม่าอยู่ ทราบข่าวพระยาตากรบชนะพม่าก็พากันเข้ามาสมัครเป็นพรรคพวก พระยาตากจึงให้ราษฎรไปเกลี้ยกล่อมหัวหน้านายซ่องมาสวามิภักดิ์ และให้นำช้างม้าพาหนะและเสบียงอาหารมาด้วย นายซ่องทั้งหลายไม่ยอมอ่อนน้อมก็ถูกปราบปรามจนราบคาบริบพาหนะ ผู้คน ช้าง ม้า และศาสตราวุธได้เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าตากจึงยกกองทหารไปทาง[[นาเริง]] เมือง[[นครนายก]]<ref>กรมตำรากระทรวงธรรมการ, '''พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้าตากสิน) จุลศักราช 1128-1144'''. พิมพ์ครั้งที่ 4 ; พระนคร : โรงพิมพ์กรมตำรากระทรวงพระธรรมการ, 2472. หน้า 8.</ref> ผ่านด่านกบแจะ ข้ามลำน้ำ[[ปราจีนบุรี]] ไปตั้งพักอยู่ชายดงศรีมหาโพธิ์ ข้างฝั่งตะวันออก พม่าที่ตั้งทัพอยู่ปากน้ำเจ้าโล้ หรือปากน้ำโจ้โล้ เมือง[[ฉะเชิงเทรา]]<ref>สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, '''ไทยรับพม่า ฉบับรวมเล่ม''' หน้า 385 ว่า "ปากน้ำเจ้าโล้ ข้างใต้เมืองปราจีนบุรี"</ref>
 
พระยาตากได้ยกกองทัพผ่านเมืองฉะเชิงเทรา ชลบุรี แล้วจึงเดินทางต่อไปยังบ้านนาเกลือ แขวงเมือง[[บางละมุง]] เมื่อถึงเมือง[[ระยอง]] เจ้าเมืองระยองซึ่งได้ยินกิติศัพท์ของพระยาตากก็ยอมอ่อนน้อมเชิญให้เข้าเมือง นับตั้งแต่ได้ถอนตัวออกจากการป้องกันพระนครนั้น ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ก็สามารถยึดเมืองระยองเป็นที่มั่นได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่เหนือกว่า[[ชุมนุมสมัยธนบุรี|ชุมนุมอื่น ๆ]] ในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา<ref>กรมศิลปากร,ประชุมพงศาวดารภาคที่ 65 พงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์ พ.ศ. 2480 (พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพันเอก พระยาสิริจุลเสวก) </ref><ref>ศิลปวัฒนธรรม, [http://www.crma.ac.th/histdept/archives/articles/king-tak-to-the-east.htm เส้นทางเดินทัพ พระเจ้าตาก เลียบทะเลตะวันออก] 1 สิงหาคม 2546</ref>
 
การประกาศยึดเมืองระยองได้กระทำกลางทุ่งนาและไพร่พลจำนวนมาก พระยาตากได้ประทับ ณ บริเวณวัดลุ่มมหาชัยชุมพล หลังจากนั้น บรรดาแม่ทัพนายกองที่สวามิภักดิ์ ต่างพร้อมใจกันยกพระยาตากขึ้นเป็นผู้นำขบวนการกอบกู้แผ่นดิน และเรียกพระยาตากว่า ''เจ้าตาก'' นับตั้งแต่นั้นมา<ref>วัลลภา รุ่งศิริแสงรัตน์. (2546). บรรพบุรุษไทย: สมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 5</ref> ถึงแม้จะเป็นเสมือนผู้ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เจ้าตากก็ระวังตนมิได้คิดตั้งตัวเป็น[[กบฏ]] ให้เรียกคำสั่งว่าพระประศาสน์อย่างเจ้าเมืองเอกเท่านั้น
 
อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาได้ในวันที่ [[7 เมษายน|7 เมษายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] พม่าจุดไฟเผาเมืองจนวอดวาย [[พระเจ้ามังระ]] กษัตริย์พม่า มีพระบรมราชโองการให้จับพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์ และรวบรวมสมบัติทั้งหมดของอยุธยาส่งกลับไปพม่า ข่าวกรุงแตกได้แพร่กระจาย ขณะที่พระยาตากอยู่ที่เมือง[[ระยอง]] พระยาตากจึงได้ประกาศตนเป็นผู้นำในการที่จะฟื้นฟู[[พระพุทธศาสนา]] และกอบกู้กรุงศรีอยุธยาให้กลับรุ่งเรืองดังเดิม
 
พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวถึงคำพูดของพระยาตากไว้ตอนหนึ่งว่า<ref>กรมศิลปากร, '''พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา''' (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานบรรจุศพ คุณพ่อไต้ล้ง พรประภา วันที่ 4 กันยายน 2511) หน้า 603-604</ref>
 
{{คำพูด|ตัวเราคิดจะซ่องสุมประชาราษฎรในแขวงหัวเมืองให้ได้มาก แล้วจะยกกลับไปกู้กรุงให้คงคืนเป็นราชธานีดังเก่า แล้วจัดทำนุบำรุงสมณพราหมณาประชาราษฎร ซึ่งอนาถาหาที่พำนักมิได้ให้ร่มเย็นเป็นสุขานุสุข แล้วจะยอยกพระบวรพุทธศาสนาให้โชตนาการขึ้นเหมือนอย่างแต่ก่อน เราจะตั้งตัวเป็นเจ้าขึ้นให้คนทั้งหลายยำเกรงจงมาก ซึ่งจะก่อกู้แผ่นดินจึงจะสำเร็จโดยง่าย ท่านทั้งหลายจะเห็นประการใด|พระยาตาก}}
 
=== การยึดจันทบุรี ===
 
เจ้าตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้า[[บางกระจะ]] มุ่งยึด[[จันทบุรี]] เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ หากเจ้าตากต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่น เพื่อรวบรวมกำลังกลับมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า ''"เราจะตีเมืองจันทบุรีในค่ำวันนี้ เมื่อกองทัพหุงข้าวเสร็จแล้ว ทั้งนายไพร่ให้เททิ้งอาหารที่เหลือและต่อยหม้อเสียให้หมด หมายไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่ในเมืองเอาพรุ่งนี้ ถ้าตีเอาเมืองไม่ได้ในค่ำวันนี้ ก็จะให้ได้ตายเสียด้วยกันให้หมดทีเดียว"''<ref>ศรรวริศา เมฆไพบูลย์,ศิริโชค เลิศยะใส. ''NATIONAL GEOGRAPHIC ฉบับที่ 77 ธันวาคม 2550''. กรุงเทพฯ : อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน),หน้า 51.[[ISSN 1513-9840]]</ref>
 
ในวันเสาร์ที่ [[14 มิถุนายน|14 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] ครั้นถึงเวลา 19.00 น. เจ้าตากจึงได้สั่งให้ทหารไทยและจีนลอบเข้าไปอยู่ตามสถานที่ที่ได้วางแผนไว้แล้ว ให้คอยฟังสัญญาณเข้าตีเมืองพร้อมกัน จึงให้โห่ขึ้นให้พวกอื่นรู้ เมื่อเวลา 03.00 น. เจ้าตากก็ขึ้นคอช้างพัง[[คีรีบัญชร]] ให้ยิงปืนสัญญาณ พร้อมกับบอกพวกทหารเข้าตีเมืองพร้อมกัน<ref>จังหวัดตาก, '''ตากสินมหาราชานุสรณ์''' งานฉลองวันขึ้นปีใหม่ ปีที่ 22 พ.ศ. 2515 (พระนคร : มิตรสยาม 2514) หน้า 113.</ref> ส่วนเจ้าตากก็ไสช้างเข้าพังประตูเมืองจนทำให้บานประตูเมืองพังลง ทหารเจ้าตากจึงกรูกันเข้าเมืองได้ พวกชาวเมืองต่างพากันละทิ้งหน้าที่หนีไป ส่วนพระยาจันทบุรีก็พาครอบครัวลงเรือหนีไปยังเมือง[[บันทายมาศ]]<ref>กรมตำรากระทรวงธรรมการ, '''พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้าตากสิน) จุลศักราช 1128-1144'''. พิมพ์ครั้งที่ 4 ; พระนคร : โรงพิมพ์กรมตำรากระทรวงพระธรรมการ, 2472. หน้า 20-26.</ref> เจ้าตากตีเมืองจันทบุรีได้ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ตรงกับวันที่ [[15 มิถุนายน|15 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือน
 
หลังจากนั้น เจ้าตากได้เคลื่อนทัพไปยังเมือง[[ตราด]] พวกกรมการและราษฎรเกิดความเกรงกลัวต่างพากันมาอ่อนน้อมโดยดี ที่ปากน้ำเมืองตราดมีเรือสำเภาจีนมาทอดทุ่นอยู่หลายลำ เจ้าตากได้เรียกนายเรือมาพบ แต่พวกจีนนายเรือขัดขืนต่อสู้ เจ้าตากจึงนำกองเรือไปล้อมสำเภาจีนเหล่านั้น ได้ทำการต่อสู้กันอยู่ประมาณครึ่งวัน เจ้าตากก็ยึดสำเภาจีนไว้ได้หมด ได้ทรัพย์สินสิ่งของมาเป็นจำนวนมาก
 
== แผนปฏิบัติการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ==
 
หลังจากนั้น เจ้าตากได้เดินทางกลับจาก[[ตราด]]มาตั้งมั่นรวบรวมผู้คนอยู่ที่เมือง[[จันทบุรี]] เพื่อวางแผนปฏิบัติการรบเพื่อตีกรุงศรีอยุธยาคืนจากข้าศึก พร้อมกับสั่งให้ต่อเรือรบและรวบรวมเครื่องศัตราวุธและยุทธภัณฑ์ภายในเวลา 3 เดือน พร้อมกับฝึกไพร่พลให้พร้อมที่จะปฏิบัติการ
 
เมื่อสิ้นฤดูมรสุม ในเดือนตุลาคม [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เจ้าตากได้ยกกองทัพเรือจากจันทบุรีเข้ามาทางปาก[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] แล้วเข้าโจมตีข้าศึกที่เมือง[[ธนบุรี]] เมื่อเจ้าตากยึดเมืองธนบุรีและปราบนายทองอินได้แล้ว<ref>พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร:คลังวิทยา 2511) หน้า 98.</ref> จึงเคลื่อนทัพต่อไปที่กรุงศรีอยุธยา เข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ปราบพม่าจนราบคาบ จึงสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมา เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ [[6 พฤศจิกายน|6 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2310|พ.ศ. 2310]] เวลาประมาณ 13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังจากคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
 
== ปราบดาภิเษก ==
{{ดูเพิ่มที่|อาณาจักรธนบุรี}}
[[ไฟล์:ธนบัตร_20_บาท_แบบที่_12.jpg‎|thumb|300px|ภาพประธานด้านหลัง[[ธนบัตร 20 บาท]] แบบที่ 12 เป็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จำลองจากพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ สวนสาธารณะทุ่งนาเชย [[อำเภอเมืองจันทบุรี]] [[จังหวัดจันทบุรี]] ]]
 
หลังจากสร้างพระราชวังบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เมื่อทรงจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยพอสมควร บรรดาแม่ทัพ นายกอง ขุนนาง ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ตลอดทั้งสมณะพราหมณาจารย์และอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย จึงพร้อมกันกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ ณ วันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน จุลศักราช 1128 ซึ่งตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ทรงพระนามว่า ''พระศรีสรรเพชญ์'' หรือ ''สมเด็จพระบรมราชาที่ 4'' แต่เรียกขานพระนามของพระองค์ติดปากว่า ''สมเด็จพระเจ้าตากสิน'' หรือ ''สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี''
 
เดิมพระองค์ทรงคิดที่จะปฏิสังขรณ์พระนครศรีอยุธยาให้กลับคืนเป็นดังเดิม<ref>พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์, '''สามกรุง''' (พระนคร:คลังวิทยา 2511) หน้า 98.</ref> แต่แล้วหลังจากตรวจดูความพินาศของเมือง จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อพยพผู้คนและทรัพย์สินลงมาทางใต้ และตั้งราชธานีใหม่ขึ้นที่เมืองธนบุรี เรียกนามว่า '''กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร'''
 
ปรากฏว่าที่เมือง[[ลพบุรี]] มี[[พระบรมวงศานุวงศ์]]ของราชวงศ์อยุธยามาพำนักอยู่เป็นจำนวนมาก พระเจ้าตากจึงรับสั่งให้คนไปอัญเชิญมายังเมืองธนบุรี พระองค์ทรงขุดพระบรมศพของ[[พระเจ้าเอกทัศ]] ขึ้นมาถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี<ref>กรมตำรากระทรวงธรรมการ, '''พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้าตากสิน) จุลศักราช 1128-1144'''. พิมพ์ครั้งที่ 4 ; พระนคร : โรงพิมพ์กรมตำรากระทรวงพระธรรมการ, 2472. หน้า 23.</ref><ref>สุนทรภู่, '''นิราศสุนทรภู่ ตอน[[นิราศพระบาท]]''' (พระนคร:คุรุสภา 2519) หน้า 123-124.</ref>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]
* [[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]]
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
* [http://203.144.136.10/service/mod/heritage/king/taksin/taksin.htm หอมรดกไทย - งานกู้ชาติในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]