ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภิกษุณี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Karaniyametta (คุย | ส่วนร่วม) เพิ่มข้อมูล การอุปสมบทภิกษุณีสายเถรวาทที่ศรีลังกา |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ห้ามคัดลอก |
||
บรรทัด 1:
{{issues|ต้องการอ้างอิง=yes|ปรับภาษา=yes|ไม่เป็นกลาง=yes|จัดรูปแบบ=yes|ล้าสมัย=yes<!--ไม่อัปเดตหลาย ๆ เรื่อง เช่น การเข้าชื่อแก้ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ขอให้ยอมรับภิกษุณีในไทย เป็นต้น-->}}
{{พุทธศาสนา}}
'''ภิกษุณี''' (
ภิกษุณี หรือ ภิกษุณีสงฆ์ จัดตั้งขึ้นโดยพระบรมพุทธานุญาต ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ[[พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี]] โดยวิธีรับคุรุธรรม 8 ประการ ในคัมภีร์[[เถรวาท]]ระบุว่าต่อมาในภายหลังพระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตวิธีการอุปสมบทภิกษุณีให้มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น จนศีลของพระภิกษุณีมีมากกว่าพระภิกษุ โดยพระภิกษุณีมีศีล 311 ข้อ ในขณะที่พระภิกษุมีศีลเพียง 227 ข้อเท่านั้น เนื่องจากในสมัย
▲'''ภิกษุณี''' ([[บาลี]]: ''ภิกฺขุณี''; [[สันสกฤต]]: ''ภิกฺษุณี''; [[ภาษาจีน|จีน]]: 比丘尼) เป็นคำใช้เรียกนักบวชหญิง ในพระ[[พุทธศาสนา]] คู่กับ [[ภิกษุ]] ที่หมายถึงนักบวชชายในพระพุทธศาสนา คำว่า ภิกษุณี เป็นศัพท์ที่มีเฉพาะใน[[พระพุทธศาสนา]] โดยเป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้เรียกนักบวชหญิงในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ไม่ใช้เรียกนักบวชในศาสนาอื่น
▲ภิกษุณี หรือ ภิกษุณีสงฆ์ จัดตั้งขึ้นโดยพระบรมพุทธานุญาต ภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือ[[พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี]] โดยวิธีรับคุรุธรรม 8 ประการ ในคัมภีร์[[เถรวาท]]ระบุว่าต่อมาในภายหลังพระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตวิธีการอุปสมบทภิกษุณีให้มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น จนศีลของพระภิกษุณีมีมากกว่าพระภิกษุ โดยพระภิกษุณีมีศีล 311 ข้อ ในขณะที่พระภิกษุมีศีลเพียง 227 ข้อเท่านั้น เนื่องจากในสมัย[[พุทธกาล]]ไม่เคยมี[[ศาสนา]]ใดอนุญาตให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นนักบวชมาก่อน และการตั้งภิกษุณีสงฆ์ควบคู่กับภิกษุสงฆ์อาจเกิดข้อครหาที่จะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อการประพฤติพรหมจรรย์และพระพุทธศาสนาได้ หากได้บุคคลที่ไม่มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นนักบวช
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ปรากฏว่ามีการตั้งวงศ์ภิกษุณีเถรวาทขึ้นใน[[ประเทศไทย]] อย่างไรก็ตามในประเทศพุทธเถรวาทที่เคยมี{{fn|2}}หรือไม่เคยมีวงศ์ภิกษุณีสงฆ์ในปัจจุบัน{{fn|3}} ต่างก็นับถือกันโดยพฤตินัยว่าการที่[[อุบาสิกา]]ที่มีศรัทธาโกนศีรษะนุ่งขาวห่มขาว ถือปฏิบัติศีล 8 ([[อุโบสถศีล]]) ซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า [[แม่ชี]] เป็นการผ่อนผันผู้หญิงที่ศรัทธาจะออกบวชเป็นภิกษุณีเถรวาท แต่ไม่สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีเถรวาทได้<ref>'''เทวประภาส มากคล้าย เปรียญ.'''. เอกสาร : ''เอกสารแนะนำวัดคุ้งตะเภา''. [[อุตรดิตถ์]] : [[วัดคุ้งตะเภา]], 2549.</ref> โดยส่วนใหญ่แม่ชีเหล่านี้จะอยู่ในสำนักวัดซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากกุฎิสงฆ์
ภิกษุณีสาย
ปัจจุบันมีการพยายามรื้อฟื้นการบวชภิกษุณีในฝ่ายเถรวาท โดยทำการบวชมาจากภิกษุณีมหายาน และกล่าวว่าภิกษุณีฝ่ายมหายานนั้น สืบวงศ์ภิกษุณีสงฆ์มาแต่ฝ่ายเถรวาทเช่นกัน<ref>[http://www.thaibhikkhunis.org/index.php?option=com_content&task=blogsection&id=5&Itemid=21 บทความ ''ภิกษุณีมีไม่ได้ - วาทกรรมที่ต้องตรวจสอบ'' จากเว็บไซต์ '''วัตรทรงธรรมกัลยาณี''' ]</ref> แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายมหายานมีการบวชภิกษุณีสืบวงศ์มาโดยมิได้กระทำถูกตาม[[พระวินัยปิฎก]]เถรวาท และมีศีลที่แตกต่างกันอย่างมากด้วย ทำให้มีการไม่ยอมรับภิกษุณี (เถรวาท) ใหม่ ที่บวชมาแต่มหายานว่า มิได้เป็นภิกษุณีที่ถูกต้องตามพระวินัยปิฎกเถรวาท และมีการยกประเด็นนี้ขึ้นเป็นข้ออ้างว่าพระพุทธศาสนาจำกัดสิทธิสตรีด้วย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะพระพุทธเจ้าได้อนุญาตให้มีภิกษุณีที่นับเป็นการเปิดโอกาสให้มีนักบวชหญิงเป็นศาสนาแรกในโลก เพียงแต่การสืบทอดวงศ์ภิกษุณีได้สูญไปนานแล้ว จึงทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถบวชสตรีเป็นภิกษุณีตามพระวินัยเถรวาทได้
เส้น 16 ⟶ 14:
[[ไฟล์:Bhikkhuni.jpg|thumb|150px|left|ภาพวาดพระ[[พุทธประวัติ]] ตอนพระนางปชาบดีโคตมีทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี]]
[[ไฟล์:Bhikkhuni 01.jpg|left|thumb|150px|รูปหล่อ'''พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี''' วัดเทพธิดาราม สมัย[[รัตนโกสินทร์]]ตอนต้น]]
ต่อมา
▲ในสมัย[[พุทธกาล]]นั้น แรกเริ่มเดิมที [[สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า]]ไม่ทรงอนุญาตให้มีภิกษุณีได้ เนื่องจากเห็นว่าจะทำให้อายุของพระพุทธศาสนาไม่ยั่งยืน<ref>[http://www.84000.org/one/2/00.html ความหมายและความเป็นมาของภิกษุณีในเว็บไซต์ 84000.org]</ref>
ดังนั้นภิกษุณีที่ทรง[[อุปสมบท]]ให้องค์แรกได้แก่
▲ต่อมา '''[[พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี]]''' ผู้เป็นพระน้านางและพระมาตุจฉา หรือพระมารดาเลี้ยงของ[[เจ้าชายสิทธัตถะ]] ท่านได้มีศรัทธาอยากออกบวชจึงทูลอ้อนวอนขอบวชต่อพระพุทธเจ้าถึงสามครั้งสามครา แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งพระอานนท์ได้ทูลขอให้ พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาต โดยมีเงื่อนไขว่า พระนางปชาบดีโคตมีจะต้องรับเอา[[ครุธรรมแปดประการ]] (แปลว่าข้อปฏิบัติที่หนักและทำได้ยาก) ไปปฏิบัติ
▲ดังนั้นภิกษุณีที่ทรง[[อุปสมบท]]ให้องค์แรกได้แก่ '''พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี''' ซึ่งบวชเป็น'''ภิกษุณีรูปแรกในโลก'''ด้วยการรับ '''ครุธรรมแปดประการ''' (ท่านเป็นรูปเดียวที่บวชด้วยวิธีเช่นนี้)
ต่อมาพระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ในการรับผู้ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุณี และวางวินัยของภิกษุณีไว้มากมาย เพื่อกลั่นกรองผู้ที่ประสงค์จะบวชและมีศรัทธาจริง ๆ <ref>[http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/010267.htm เหตุผลของพระพุทธองค์ในการเข้มงวดวินัยในภิกษุณี.ลานธรรมเสวนา]</ref>เช่น ภิกษุณี เมื่อบวชแล้วต้องถือศีลถึง '''311 ข้อ''' มากกว่าพระภิกษุ<ref>[http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_page/ พระไตรปิฏก เล่มที่ ๓ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุณีวิภังค์ '''ต้นวินัยบัญญัติ ๓๑๑ ข้อ ของภิกษุณี''']</ref> ซึ่งถือศีลเพียง '''227 ข้อ''' (วินัยของภิกษุณีที่มีมากกว่าพระภิกษุ เพราะผู้หญิงมีข้อปลีกย่อยในการดำรงชีวิตมากกว่าผู้ชาย เช่น ต้องมีผ้ารัดถัน (ผ้ารัดอก) ซึ่งผู้ชายไม่จำเป็นต้องมี เป็นต้น) <ref>[http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=3&A=6526&w=%C3%D1%B4%B6%D1%B9 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ สิกขาบทวิภังค์ ปาจิตติยวรรค ที่ ๙ ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๓]</ref>
เส้น 36 ⟶ 33:
== การสูญวงศ์ของภิกษุณีฝ่ายเถรวาท ==
[[ไฟล์:BuddhistMonk01a.jpg|thumb|150px|ปัจจุบันผู้หญิงผู้ศรัทธาออกบวชในฝ่าย[[เถรวาท]]นิยมโกนหัวนุ่งขาวห่มขาวถือ[[ศีลอุโบสถ]]บวชเป็น [[แม่ชี]] แทน]]
ก่อนที่ภิกษุณี
จาก[[ประเทศศรีลังกา]] ภิกษุณีสงฆ์ได้ไปสืบสายไว้ใน[[จีน]] [[ไต้หวัน]] และอื่น ๆ อีกมาก จนกระทั่ง[[พุทธศาสนา]]ที่อินเดียและศรีลังกาเสื่อมลงลงไปในช่วงหลัง ทำให้ภิกษุณีฝ่ายเถรวาทซึ่ง'''มีศีลและข้อปฏิบัติที่ยุ่งยาก'''ไม่สามารถรักษาวงศ์ของภิกษุณีเถรวาทไว้ได้ จึงทำให้'''ไม่มีผู้สืบทอดการบวชเป็นภิกษุณีสายเถรวาทในปัจจุบัน'''
== การพยายามรื้อฟื้นภิกษุณีสายเถรวาทในปัจจุบัน ==
ในปัจจุบัน มีความเชื่อว่ายังมีภิกษุณีสาย[[เถรวาท]]เหลืออยู่ และอ้างหลักฐานยืนยันว่าภิกษุณีทางสาย[[มหายาน]] [[วัชรยาน]]นั้นสืบสายไปจากภิกษุณีสายเถรวาท โดยถือกันว่าหากภิกษุณีสายเถรวาทสืบสายไปเป็นมหายานได้ (ภิกษุณีจากลังกาไปบวชให้คนจีน) ภิกษุณีมหายานก็สืบสายมาเป็นเถรวาทได้เช่นกัน
[[ไฟล์:Dhammananda09.jpg|left|thumb|150px|ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้บวชเป็นภิกษุณี (เถรวาท) หลายรูป โดยบวชมาจากคณะ
ในกรณีนี้เคยมีประเด็นถกเถียงอยู่ช่วงหนึ่งว่าปัจจุบันนี้สามารถบวชภิกษุณีได้หรือไม่ มีข้อสรุปจากทางพระสงฆ์ฝ่ายเถรวาทว่าพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้มีการบวชเป็นภิกษุณีได้ก็ต่อเมื่อบวชต่อสงฆ์ทั้ง 2 ฝ่าย คือต้องบวชทั้งฝ่ายพระภิกษุสงฆ์ และฝ่ายภิกษุณีสงฆ์เป็นการลง[[ญัตติจตุตถกรรมวาจา]]ทั้งสองฝ่าย จึงจะสามารถเป็นภิกษุณีได้ ดังนั้นในเมื่อภิกษุณีสงฆ์เถรวาทได้เสื่อมสิ้นลงไม่มีผู้สืบต่อ จึงทำให้ใน'''''ปัจจุบันไม่สามารถทำการบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณีฝ่ายเถรวาทได้ ''''' การที่มีข้ออ้างว่าสายมหายานสืบสายวงศ์ภิกษุณีสงฆ์ไปก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะการสืบสายทางมหายานมี'''ข้อวินัยและการทำสังฆกรรมบวชภิกษุณีที่ไม่ถูกต้องกับพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท'''
ปัจจุบันศรีลังกาพยายามฟื้นฟูภิกษุณีสงฆ์ จนมีหลายร้อยรูป ที่เมือง[[ไทย]]เองก็มีคนบวชเป็นภิกษุณีหลายรูปแล้วเช่นกัน แต่คณะสงฆ์ไทยไม่ยอมรับเป็นภิกษุณีสงฆ์เพราะสาเหตุดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
== ดูเพิ่ม ==
{{วิกิซอร์ซ|1=ประกาศห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิงเป็นบรรพชิต ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๗๑|2=ประกาศห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิงเป็นบรรพชิต ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2471}}
* [[ภิกษุ]]
* [[พระสงฆ์]]
เส้น 76 ⟶ 59:
{{รายการอ้างอิง}}
* [[พระธรรมกิตติวงศ์
เส้น 83 ⟶ 66:
* [http://www.84000.org/ 84000 พระธรรมขันธ์]
{{พุทธบริษัท}}
[[หมวดหมู่:ภิกษุณี| ]]
[[หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ]]
|