ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามปฏิวัติอเมริกา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1:
{{Infobox military conflict
|conflict= สงครามปฏิวัติ
|image=
|caption=
|date= 19 เมษายน ค.ศ. 1775 – 3 กันยายน ค.ศ. 1783 ({{Age in years and days|1775|4|19|1783|9|3}})
|place= [[ทวีปอเมริกาเหนือ]]ตะวันออก, [[ยิบรอลตาร์]], [[หมู่เกาะแบลีแอริก]], [[อเมริกากลาง]];<br>อาณานิคมในครอบครองฝรั่งเศส ดัตช์และอังกฤษใน[[อนุทวีปอินเดีย]]และที่อื่น;<br>
น่านน้ำชายฝั่ง[[ยุโรป]], [[ทะเลแคริบเบียน]], [[มหาสมุทรแอตแลนติก]]และ[[มหาสมุทรอินเดีย|อินเดีย]]
|result=[[สนธิสัญญาปารีส (ค.ศ. 1783)]]
บรรทัด 46:
เยอรมันเสียชีวิต 7,554 นาย
}}
{{ใช้ปีคศ}}
'''สงครามปฏิวัติ
สงครามนี้มีจุดกำเนิดจากการต่อต้านภาษีบางชนิดและพระราชบัญญัติซึ่งชาวอเมริกันจำนวนมากอ้างว่าไม่ชอบธรรมและมิชอบด้วยกฎหมาย การประท้วงของแพทริอัต (Patriot) ลุกลามเป็นการคว่ำบาตร และในวันที่ 16 ธันวาคม 1773 พวกเขา[[กรณีการเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน|ทำลายการส่งสินค้าชา]]ในท่าบอสตัน รัฐบาลบริเตนตอบโต้โดยปิดท่าบอสตัน แล้วผ่านมาตรการโดยมุ่งลงโทษอาณานิคมที่เป็นกบฏ แพทริอัตสนองโดย[[Suffolk Resolves|ซัฟฟอล์กรีซอฟส์]] (Suffolk Resolves) คือ การสถาปนารัฐบาลเงาซึ่งกำจัดการควบคุมมณฑลจากคราวน์นอกบอสตัน สิบสองอาณานิคมตั้ง[[สภาภาคพื้นทวีป]]เพื่อประสานงานการต่อต้าน และสถาปนาคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ซึ่งยึดอำนาจชะงัด
ความพยายามยึดยุทโธปกรณ์อเมริกันของบริเตนในเดือนเมษายน 1775 นำสู่การยุทธ์อย่างเปิดเผยระหว่างกำลังคราวน์และทหารอาสาสมัครแพทริอัต ทหารอาสาสมัครเดินหน้าล้อมกำลังบริติชในบอสตัน บังคับให้ต้องอพยพนครในเดือนมีนาคม 1776 สภาภาคพื้นทวีปตั้ง[[จอร์จ วอชิงตัน]]ให้บังคับบัญชาทหารอาสาสมัคร ต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีปที่เพิ่งตั้ง ตลอดจนประสานงานหน่วยทหารอาสาสมัครของรัฐ ในเวลาเดียวกับ[[การทัพบอสตัน]] ความพยายามบุกครองควิเบกของอเมริกาและปลุกการกบฏต่อพระมหากษัตริย์บริติชล้มเหลวโดยสิ้นเชิง วันที่ 2 กรกฎาคม 1774 สภา[[คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา|ลงมติสนับสนุนเอกราช]]อย่างเป็นทางการ โดยออกคำประกาศในวันที่ 4 กรกฎาคม
[[ราชอาณาจักรฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]], [[ราชอาณาจักรสเปน|สเปน]] และ[[สาธารณรัฐดัตช์]]ล้วนจัดหาเสบียง เครื่องกระสุนและอาวุธอย่างลับ ๆ ให้แก่กองทัพปฏิวัติเริ่มตั้งแต่ต้น ค.ศ. 1776 หลังอังกฤษประสบความสำเร็จในตอนต้น สงครามเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่แน่นอน ฝ่ายอังกฤษใช้ความเหนือกว่าทางทะเลยึดและครอบครองนครชายฝั่งของอเมริกา ขณะที่ฝ่ายกบฏยังควบคุมแถบชนบทเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นที่ซึ่งประชากรกว่า 90% อาศัยอยู่ ยุทธศาสตร์ของอังกฤษอาศัยการระดมทหารอาสาสมัครที่จงรักภักดี แต่อังกฤษไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ การรุกรานของอังกฤษจากแคนาดาสิ้นสุดลงด้วยการจับกองทัพอังกฤษเป็นเชลยที่ยุทธการซาราโตกาใน ค.ศ. 1777 ชัยชนะของอเมริกาครั้งนั้นโน้มน้าวให้ฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามอย่างเปิดเผยในต้น ค.ศ. 1778 ซึ่งทำให้กำลังทางทหารของทั้งสองฝ่ายสมดุล สเปนและสาธารณรัฐดัตช์ พันธมิตรของฝรั่งเศส เข้าสู่สงครามกับอังกฤษภายในอีกสองปีถัดมา ซึ่งคุกคามจะรุกรานบริเตนใหญ่และทดสอบความเข้มแข็งทางทหารของอังกฤษอย่างรุนแรงด้วยการทัพในยุโรป การมีส่วนร่วมของสเปนส่งผลให้กองทัพอังกฤษในเวสต์ฟลอริดาถอนตัวออก ซึ่งเป็นการทำให้ปีกด้านใต้ของอเมริกาปลอดภัย
การมีส่วนร่วมของฝรั่งเศสพิสูจน์แล้วว่ามีผลชี้ขาด<ref>Greene and Pole, ''A companion to the American Revolution'' p 357</ref> แต่ก็ทำลายเศรษฐกิจของฝรั่งเศสเช่นกัน<ref>Jonathan R. Dull, ''A Diplomatic History of the American Revolution'' (1987) p. 161</ref> ชัยชนะทางทะเลของฝรั่งเศสในเชซาพีคบีบให้กองทัพอังกฤษที่สองยอมจำนนที่การล้อมยอร์กทาวน์ใน ค.ศ. 1781 ใน ค.ศ. 1783 สนธิสัญญาปารีสยุติสงครามและยอมรับอธิปไตยของสหรัฐอเมริกาเหนือดินแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับ[[แคนาดา]]ทางเหนือ [[ฟลอริดา]]ทางใต้ และ[[แม่น้ำมิสซิสซิปปี]]ทางตะวันตก<ref>Dull, ''A Diplomatic History of the American Revolution'' ch 18</ref><ref>Lawrence S. Kaplan, "The Treaty of Paris, 1783: A Historiographical Challenge," ''International History Review,'' Sept 1983, Vol. 5 Issue 3, pp 431-442</ref>
== อ้างอิง ==
|