ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จตุคามรามเทพ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ScorpianPK (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 2:
'''จตุคามรามเทพ''' หมายถึงเทพรักษาพระบรมธาตุ[[จังหวัดนครศรีธรรมราช]]สององค์ คือ '''ท้าวขัดตุคาม''' และ '''ท้าวรามเทพ''' ซึ่งเดิมในความเชื่อของ[[ศาสนาพราหมณ์]]เป็น[[เทพ]]ชั้นสูง และมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของ[[ประเทศไทย]] แต่เมื่อภูมิภาคแถบ[[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้|อุษาคเนย์]]นี้รับอิทธิพลของ[[พุทธศาสนา]]เข้ามา ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ จึงถูกเปลี่ยนสถานะเป็น[[เทวดา]]รักษาพระบรมธาตุและเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลเป็น '''ท้าวจตุคาม''' และสถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี [[พ.ศ. 2530]] เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา
 
== ความหมายและความเชื่อ ==
==ประวัติ==
ชาว[[นครศรีธรรมราช]]มีคติความเชื่อที่ว่า '''องค์จตุคาม''' คือ พระเสื้อเมือง '''จตุ''' หมายถึง สี่ คาม (คาม-มะ) '''เขตคาม''' หมายถึง อาณาเขตหรือบ้าน เมื่อรวมกันนัยความหมายที่มากกว่าความเป็นทิศทั้ง 4 ของบ้าน หรืออาณาเขต คือทิศทั้งสี่ซึ่งหมายถึงทิศที่มีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ดูแลอยู่ ความหมายของจตุคามจึงเป็น ตำแหน่งของผู้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศมีท้าวจตุมหาราช ปกป้องคุ้มครองดูแล พระเสื้อเมืองจึงมีความหมายที่ควรเป็นตำแหน่งๆหนึ่ง เพียงแต่ปราชญ์โบราณของเมืองสมมติขึ้นเป็นท้าวจตุคาม ผู้เป็นใหญ่ใน 4 ทิศ
เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัย[[อาณาจักรนครศรีธรรมราช]] มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า '''[[พระเจ้าจันทรภาณุ]]''' เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของ[[ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช]] เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า " ราชันดำแห่งทะเลใต้ " หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า " พญาพังพกาฬ " และต่อมาสำเร็จวิชา[[จตุคามศาสตร์]] และทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็น[[พระโพธิสัตว์]] เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง[[ภาพ:trr.gif|thumb|right|ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีรูปพระบรมธาตุอยู่ตรงกลาง]]
 
องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ที่หมายถึง[[พระนารายณ์]]อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือ[[เทวดา]] นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นสมมติเทพเมื่อองค์รามเทพเป็นพระทรงเมือง คำว่าทรงเมืองพ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมืองซึ่งก็คือเจ้าเมืองหรือ[[พระมหากษัตริย์]]
 
เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัย[[อาณาจักรนครศรีธรรมราช]] มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า '''[[พระเจ้าจันทรภาณุ]]''' เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของ[[ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช]] เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า " ราชันดำแห่งทะเลใต้ " หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า " พญาพังพกาฬ " และต่อมาสำเร็จวิชา[[จตุคามศาสตร์]] และทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็น[[พระโพธิสัตว์]] เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง[[ภาพ:trr.gif|thumb|right|ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีรูปพระบรมธาตุอยู่ตรงกลาง]] แต่หากเชื่อกันว่าจตุคามรามเทพคืออดีตกษัตริย์ศรีวิชัยแล้ว ดังเช่น[[พระเจ้าวิษณุราช]]ที่ปรากฏในหลักจารึกกรุงศรีวิชัย อยู่ในราว พ.ศ. 1318 ผู้สร้างพระบรมธาตุเมืองนครฯ จะดูขัดแย้งกันเพราะ เป็นยุคสมัยที่ห่างจากพระเจ้าจันทราภาณุ ก่อนถึง 400 ปี
 
พระบรมธาตุปรากฏชัดว่า มีสององค์ คือองค์จตุคามกับท้าวรามเทพ แต่ภายหลังได้รวมเป็นองค์จตุคามรามเทพเพียงองค์เดียว ก็มิได้ผิดจากหลักศาสตร์ของการสร้าง เฉกเช่นการอธิบายในหลักของตรีมูรติ ของศาสนาฮินดูที่เป็นการรวมกันของมหาเทพทั้ง 3 พระองค์ ดังนั้น จตุคามรามเทพ จึงหมายถึง ดวงพระวิญญาณแห่งอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าผู้มาสถิตย์เป็นผู้คุ้มครองดูแลบ้านเมืองทั้งสี่ทิศทรงฤทธิ์อำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยบารมีธรรม 10 ประการ แห่งพระโพธิสัตว์ ผู้มีความเมตตาต่อมนุษย์ผู้ทุกนาม เป็นพระเทวราชโพธิสัตว์
 
จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับเทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
 
เส้น 16 ⟶ 23:
 
ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัยที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาแทนความหมายต่าง ๆ
 
==ประวัติ==
ในการจัดสร้างรูปเคารพขององค์จตุคามรามเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นครั้งแรกในรูปแบบพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราพญาราหู มีแวดล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ตรงกลางมีรูปของเทวรูปประทับนั่ง 2 เศียร 4 กร ทรงเครื่องอาวุธ และผู้สร้างในสมัยนั้นก็ให้ความหมายไว้ว่าคือรูปจำลองสมมติของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนขององค์จตุคามรามเทพกษัตรย์แห่งศรีวิชัย
 
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ทางโหราศาสตร์เกิดสุริยคราสพาดผ่านประเทศไทย ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวไปทั่วประเทศในเรื่องของพระราหูกินเมือง ประชาชนต่างก็หาวัตถุมงคลหาเครื่องรางของขลังมาแขวนติดตัวเพื่อแก้เคล็ดและสะเดาะเคราห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ลงประวัติการสร้างทำให้มีคนรู้จักบ้าง จึงได้มีการเช่าหากันไปในบางส่วน
 
[[ภาพ:P7_001.jpg|thumb|200px|right|นายสนธิกำลังโบกธง[[สีดำ]]รูปพญาชิงชัย ในการชุมนุมที่[[ลานพระบรมรูปทรงม้า]] คืนวันที่ [[4 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2549]]]]
และใน[[การขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี]]ของ[[พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย]]นั้น นาย[[สนธิ ลิ้มทองกุล]]หนึ่งในแกนนำได้ใช้จตุคามรามเทพเป็นสัญลักษณ์และกำลังใจในการชุมนุมด้วย
เส้น 38 ⟶ 51:
* นิตยสาร Positioning ฉบับเดือน มิถุนายน 2550 หน้า 166
* [http://www.suriyunjuntra.com/main.html ความจริงและความลับ ที่ไม่เคยมีใครรู้ จตุคามรามเทพ]
* วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์,เรื่องลึกแต่ไม่ลับกับจตุคามรามเทพ ISBN 978-974-8218-17-5
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==