ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าช็องโจแห่งโชซ็อน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Beersongphon (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Beersongphon (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{small=yes}}
{{ปรับภาษา}}
{{เพิ่มต้องการอ้างอิง}}
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
| ชื่อ = พระเจ้าช็องโจแห่งโชซ็อน
| native_name =
| native_language =
| ภาพ = ไฟล์:PortraitKing of JeongjoJeongJo of Joseon.jpg|King JeongJo of Joseon
| ภาพกว้าง = 250px
| คำบรรยาย = พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้าช็องโจแห่งโชซ็อนมหากษัตริย์แห่งโชซ็อน
| พระราชลัญจกร =
| พระลัญจกร =
| พระบรมนามาภิไธย = อีลี ซันซาน (이산, 李祘)<!--วิกิพีเดียใช้หลักการทับศัพท์ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดูที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/112/7.PDF -->
| พระนามาภิไธย =
| พระปรมาภิไธย = '''พระเจ้าช็องโจจองโจ'''
| พระนาม =
| พระนามเดิม =
เส้น 30 ⟶ 29:
| ฐานันดร =
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์โชซ็อน|โชซ็อน]]
| ครองราชย์ = 2710 เมษายนมีนาคม ค.ศ. 1776 – 1828 สิงหาคมมิถุนายน ค.ศ. 1800
| ทรงราชย์ =
| บรมราชาภิเษก =
| ราชาภิเษก =
| ระยะครองราชย์ =
| ระยะเวลาครองราชย์ = {{อายุปีและวัน|1776|0403|2710|1800|0806|1828}}
| รัชกาลก่อนหน้า = [[พระเจ้าย็องโจยองโจ]]
| รัชกาลถัดไป = [[พระเจ้าซุนโจ]]
| รัชกาลถัดมา =
เส้น 50 ⟶ 49:
| พระบรมศพ =
| พระศพ =
| พระราชสมภพ = {{วันเกิดbirth date|1752|1009|2822}}<br/>[[พระราชวังชังเกียงกุงวังชางเกียงกุง]]
| วันพระราชสมภพ =
| ราชสมภพ =
เส้น 60 ⟶ 59:
| ราชสมภพที่ =
| ประสูติที่ =
| สวรรคต = {{วันตายและอายุdeath date and age|17521800|1006|28|18001752|0809|1822|พรรษา}}<br>[[พระราชวังชังเกียงกุงวังชางเกียงกุง]]
| วันสวรรคต =
| สิ้นพระชนม์ =
เส้น 77 ⟶ 76:
| พระราชบิดา = [[องค์ชายรัชทายาทซาโด]]
| พระบิดา =
| พระราชมารดา = [[ฮเย-กย็องกุงฮเยกยองกุง|พระนางฮเย-กย็องฮเยกยอง]]
| พระมารดา =
| พระอัครมเหสี =
| พระมเหสี = [[พระมเหสีฮโยอึย]]
| พระสนม = [[พระสนมอึยพิน แห่งตระกูลซ็องซอง|พระสนมอึยบิน ตระกูลซอง]]<br/>[[พระสนมว็อนบินวอนบิน จากตระกูลฮง แห่งพงซันซาน|พระสนมว็อนบินวอนบิน ตระกูลฮง]]<br/>พระสนมฮวาบิน ตระกูลยุน<br/>[[พระสนมซุกกี จากตระกูลพักปาร์ค|พระสนมซูบิน ตระกูลพักปาร์ค]]
| พระชายา =
| ชายา =
เส้น 106 ⟶ 105:
| mrborn = Yi San
}}
[[ไฟล์:Pilgukhwado.jpg|thumb|right|ภาพดอกไม้ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของ [[พระเจ้าช็องโจจองโจ]]]]
'''พระเจ้าช็องโจจองโจ''' (28 ตุลาคม{{เกาหลี|정조|ฮันจา=正祖|MC2000=Jeongjo|MR=Chǒngjo}} ค.ศ. 1752 — 18 สิงหาคม- ค.ศ. 1800) เป็นพระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 22 แห่งราชอาณาจักรโชซ็อน (ค.ศ. 1776–1776 - ค.ศ. 1800) ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณประโยชน์ที่สุดแห่งอาณาจักรโชซ็อนคู่กับพระอัยกาคือ [[พระเจ้าย็องโจยองโจ]] รัชสมัยของพระเจ้าช็องโจเป็นสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและสังคมของเกาหลี ทรงสนับสนุนวิทยาการสมัยใหม่และทรงมีโครงการใหญ่มากที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่ฮวาซ็องฮวาซอง โดยทรงสร้างป้อมขนาดใหญ่ คือ [[ป้อมฮวาซ็องฮวาซอง]]
 
'''พระเจ้าช็องโจ''' (28 ตุลาคม ค.ศ. 1752 — 18 สิงหาคม ค.ศ. 1800) เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 22 แห่งราชอาณาจักรโชซ็อน (ค.ศ. 1776–1800) ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณประโยชน์ที่สุดแห่งอาณาจักรโชซ็อนคู่กับพระอัยกาคือ [[พระเจ้าย็องโจ]] รัชสมัยของพระเจ้าช็องโจเป็นสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและสังคมของเกาหลี ทรงสนับสนุนวิทยาการสมัยใหม่และทรงมีโครงการใหญ่มากที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่ฮวาซ็อง โดยทรงสร้างป้อมขนาดใหญ่ คือ [[ป้อมฮวาซ็อง]]
 
== องค์ชายรัชทายาทซาโด ==
พระเจ้าช็องโจมีพระอัตชีวประวัติค่อนข้างละเอียดในหนังสือ ''บันทึกในความเงียบ'' (한중록, 閑中錄) ของพระราชมารดา<ref>JaHyun Kim Haboush, ''The Memoir of Lady Hyegyong: The Autobiographical Writings of a Crown Princess of Eighteenth-Century Korea''.</ref> ([[ฮเย-กย็องกุง|พระชายาฮเยบิน ตระกูลฮง]]) โดยพระเจ้าช็องโจ ประสูติเมื่อปี [[ ค.ศ. 1752]] พระนามว่า '''อี ซัน''' (Yi san) เป็นพระโอรสของ [[องค์ชายรัชทายาทซาโด]] (사도세자, 思悼世子) และ[[ฮเย-กย็องกุง|พระชายาฮเยบิน ตระกูลฮง]] พระเจ้าช็องโจมีพระเชษฐา คือ พระนัดดารัชทายาทอึยโซ (의소세손, 懿昭世孫) ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปก่อนพระเจ้าช็องโจประสูติหกเดือน พระเจ้าช็องโจได้รับแต่งตั้งเป็นพระนัดดารัชทายาท (왕세손, 王世孫) เมื่อปี ค.ศ. 1759 จากพระเจ้าย็องโจ
 
พระเจ้าช็องโจมีพระอัตชีวประวัติค่อนข้างละเอียดในหนังสือ ''บันทึกในความเงียบ'' (한중록, 閑中錄) ของพระราชมารดา<ref>JaHyun Kim Haboush, ''The Memoir of Lady Hyegyong: The Autobiographical Writings of a Crown Princess of Eighteenth-Century Korea''.</ref> ([[ฮเย-กย็องกุงฮเยคยองกุง|พระชายาฮเยบิน ตระกูลฮง]]) โดยพระเจ้าช็องโจ ประสูติเมื่อปี [[ ค.ศ. 1752]] พระนามว่า '''อี ซันซาน''' (Yi san) เป็นพระโอรสของ [[องค์ชายรัชทายาทซาโด]] (사도세자, 思悼世子) และ[[ฮเย-กย็องกุงฮเยคยองกุง|พระชายาฮเยบิน ตระกูลฮง]] พระเจ้าช็องโจมีพระเชษฐา คือ พระนัดดารัชทายาทอึยโซ (의소세손, 懿昭世孫) ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปก่อนพระเจ้าช็องโจประสูติหกเดือน พระเจ้าช็องโจได้รับแต่งตั้งเป็นพระนัดดารัชทายาท (왕세손, 王世孫) เมื่อปี [[ค.ศ. 1759]] จากพระเจ้าย็องโจยองโจ
พระราชบิดา คือ องค์ชายรัชทายาทซาโด เกิดมีอาการทางพระสติไล่เข่นฆ่าผู้คน จนถูกพระเจ้าย็องโจลงพระอาญาปลดจากตำแหน่งและขังไว้ในกล่องไม้เจ็ดวันสิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ. 1762 โดยเหตุการณ์สำเร็จโทษองค์ชายรัชทายาทซาโดนั้นทำให้เกิดการแตกแยกในหมู่ขุนนาง คือ ฝ่ายที่เห็นชอบกับการสำเร็จโทษขององค์ชายรัชทายาทยาทซาโด เรียกว่า '''ฝ่ายพย็อกพา''' (벽파, 僻派) และฝ่ายที่ไม่เห็นชอบกับการสำเร็จโทษองค์ชาย และควรจะคืนตำแหน่งและเกียรติยศให้ดังเดิม เรียกว่า '''ฝ่ายชิพา''' (시파, 時派) และเหตุการณ์นี้ยังทำให้ความชอบธรรมในราชบัลลังก์ของพระนัดดารัชทายาทเสื่อมลงเพราะเป็นพระโอรสของอาชญากร พระเจ้าย็องโจจึงทรงให้พระนัดดารัชทายาทไปเป็นพระโอรสบุญธรรมของ [[องค์ชายรัชทายาทฮโยจัง]] (พระปิตุลาที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว) เมื่อปี ค.ศ. 1764
 
พระราชบิดา คือ องค์ชายรัชทายาทซาโด เกิดมีอาการทางพระสติไล่เข่นฆ่าผู้คน จนถูกพระเจ้าย็องโจลงยองโจลงพระอาญาปลดจากตำแหน่งและขังไว้ในกล่องไม้เจ็ดวันสิ้นพระชนม์เมื่อปี [[ค.ศ. 1762]] โดยเหตุการณ์สำเร็จโทษองค์ชายรัชทายาทซาโดนั้นทำให้เกิดการแตกแยกในหมู่ขุนนาง คือ ฝ่ายที่เห็นชอบกับการสำเร็จโทษขององค์ชายรัชทายาทยาทซาโด เรียกว่า '''ฝ่ายพย็อกพาพยอกพา''' (벽파, 僻派) และฝ่ายที่ไม่เห็นชอบกับการสำเร็จโทษองค์ชาย และควรจะคืนตำแหน่งและเกียรติยศให้ดังเดิม เรียกว่า '''ฝ่ายชิพา''' (시파, 時派) และเหตุการณ์นี้ยังทำให้ความชอบธรรมในราชบัลลังก์ของพระนัดดารัชทายาทเสื่อมลงเพราะเป็นพระโอรสของอาชญากร พระเจ้าย็องโจยองโจจึงทรงให้พระนัดดารัชทายาทไปเป็นพระโอรสบุญธรรมของ [[องค์ชายรัชทายาทฮโยจังฮโยจาง]] (พระปิตุลาที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว) เมื่อปี [[ค.ศ. 1764]]
 
ในปี [[ค.ศ. 1775]] พระเจ้าย็องยองโจทรงแต่งตั้งให้พระนัดดารัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนท่ามกลางการต่อต้านจากขุนนางฝ่ายพย็อกพาพยอกพา ได้แก่ ฮงอินฮัน (홍인한, 洪璘漢 น้องชายของ ฮงพงฮัน บิดาของพระนางฮเย-กย็องกุงฮเยกยองกุง) และ ช็อง ฮู-กย็อมจองฮูกยอม (정후겸, 鄭厚謙) แต่พระนัดดารัชทายาทก็ได้รับการสนับสนุนจาก [[ฮงกุกย็องฮงกุกยอง]] (홍국영, 洪國榮) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสำคัญและมีอำนาจมากในเวลาต่อมา
 
== รัชสมัย ==
วังเซซนครองราชย์ใน[[พ.ศ. 17762319]] เป็นพระเจ้าช็องโจ ในพิธีราชาภิเษก ตรัสว่า
 
{{quote|อ้า ข้าคือพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทซาโด กษัตริย์องค์ก่อน (พระเจ้าย็องโจยองโจ) ให้ข้าเป็นพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทฮโยจังฮโยจาง เพราะทรงคิดว่าความชอบธรรมของพระราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ}}<ref>Jae Un-Kang, Jae Eun-Kang. ''The land of scholars: two thousand years of Korean Confucianism''.</ref>
 
พระเจ้าช็องโจทรงมีความมุ่งมั่นที่จะลบล้างมลทินของพระราชบิดาและให้มีเกียรติยศสมกับเป็นพระราชบิดาของกษัตริย์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของขุนนางฝ่ายพย็อกพาพยอกพา องค์ชายรัชทายาทซาโดเมื่อสิ้นพระชนม์มีพระสุสานชื่อว่า ''ซูอึนมโย'' (수은묘, 垂恩墓) ที่เมืองย็องจูยองจู ซึ่ง"มโย" เป็นพระสุสานระดับไม่สูงนัก ใน คในค.ศ. 1776 พระเจ้าช็องโจจึงทรงเลื่อนขั้นพระสุสานของพระราชบิดาเป็น ''ย็องอูว็อนยองอูวอน'' (영우원, 永祐園) รวมทั้งพระชายาฮเยบิน พระราชมารดา เป็น พระนาง ''ฮเย-กย็องกุงฮเยกยองกุง'' (혜경궁, 惠慶宮) มีฐานะเทียบเท่าพระพันปี แต่พระเจ้าช็องโจก็ทรงไม่สามารถยกพระเกียรติยศของพระราชบิดาและมารดาแท้ ๆแท้ๆ ได้มากกว่านี้ ขณะที่พระราชบิดาบุญธรรมที่พระเจ้าช็องโจไม่เคยพบองค์เลย คือ องค์ชายรัชทายาทฮโยจังฮโยจาง กลับได้รับการแต่งตั้งเป็น พระเจ้าจินจง (진종, 眞宗) และใน ค.ศ. 1777 พระเจ้าช็องโจก็ทรงเปลี่ยนพระนามของพระราชบิดาใหม่ เป็น องค์ชายรัชทายาทจังฮ็อนฮอน (장헌세자, 莊獻世子) เพราะ "ซาโด" พระนามเดิมนั้นแปลว่า "คิดถึงหาด้วยความอาลัย"
 
[[ไฟล์:정조.jpg|thumbnail|พระเจ้าจองโจ|140px]]รัชสมัยของพระเจ้าช็องโจเริ่มต้นด้วยการนองเลือด พระเจ้าช็องโจด้วยคำแนะนำของฮงกุกย็องฮงกุกยองกำจัดกลุ่มอำนาจเก่าในรัชสมัยของพระอัยกา คือ ขุนนางฝ่ายพย็อกพาพยอกพา ซึ่งส่วนมากมาจากตระกูลฮงแห่งพงซันฮงแห่งพงซาน ซึ่งเป็นตระกูลของพระราชมารดา ฮงอินฮัน ช็อง ฮู-กย็อมจองฮูกยอม และขุนนางพย็อกพยอกพาทั้งหลายถูกเนรเทศและประหารชีวิตใน ค.ศ. 1776 ในวันครบรอบพิธีราชาภิเษกหนึ่งปี ใน คในค.ศ. 1777 เกิดการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าช็องโจแต่ไม่สำเร็จ และเป็นการกระทำของฮงซังบอม (홍상범, 洪相範) เพื่อนำองค์ชายอึนจอน (은전군, 恩全君) พระอนุชาต่างพระราชมารดาของพระเจ้าช็องโจขึ้นบัลลังก์แทน เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ทรงไม่ไว้วางพระทัยตระกูลฮงมากไปอีก ทำให้พระเจ้าช็องโจทรงตัดสินใจเนรเทศฮงพงฮัน (홍봉한, 洪鳳漢) บิดาของพระนางฮเย-กย็องกุงฮเยกยองกุงและพระอัยยิกาแท้ ๆแท้ๆ รวมทั้งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์เองไปใน ค.ศ. 1777
 
พระเจ้าช็องโจทรงสานต่อนโยบายเพื่อความสมานฉันท์ (탕평책, 蕩平策) ของพระอัยกา<ref>Michael J. Seth. ''A concise history of Korea: from the neolithic period through the nineteenth century''.</ref> แต่แทนที่จะห้ามไม่ให้มีการแบ่งฝ่ายพระเจ้าช็องโจทรงยอมรับการแบ่งฝ่ายของขุนนางและทรงอุปถัมภ์ขุนนางแต่ละฝ่ายอย่างเท่าเทียมเพื่อมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอำนาจมากจนเกินไป หลังจากที่กำจัดขุนนางตระกูลฮงออกไปแล้ว ขุนนางฝ่ายโนนนพย็อกยอกพาตระกูลคิมก็ขึ้นามีอำนาจ ได้แก่ คิมควีจู (김귀주, 金龜柱 พระเชษฐาของ[[พระมเหสีช็องซุนจองซุน]]) และคิมจงซู (김종수, 金鍾秀) แต่ไม่นานพระเจ้าช็องโจก็ทรงตัดสินพระทัยล้มขุนนางฝ่ายโนนนออกจากอำนาจด้วยคำแนะนำของฮงกุกย็องใน ฮงกุกยองในค.ศ. 1779 คิมควีจูถูกเนรเทศ พระเจ้าช็องโจทรงสนับสนุนขุนนางฝ่ายโซนนให้ขึ้นมาคานอำนาจกับฝ่ายโนนน ทำให้ฝ่ายโนนนซึ่งเหลือคิมจงซูเป็นผู้นำกลายเป็นฝ่ายต่อต้านพระราชอำนาจของพระเจ้าช็องโจ
 
[[ไฟล์: Juhamnu, Changdeokgung - Seoul, Korea.JPG|thumb|คยูจังกัก หรือ จูฮัมมู ใน[[พระราชวังชังด็อกวังชางด๊อก]]]]
พระเจ้าช็องโจทรงตั้งหอสมุดหลวง หรือ ''คยูจังกัก'' (규장각, 奎章閣) เมื่อ ค.ศ. 1776 ไว้สำหรับเป็นที่เก็บตำราและเป็นสถานศึกษาของบัณฑิตอายุน้อยอย่างใกล้ชิดพระองค์ ซึ่งเป็นการสร้างฐานสนับสนุนของพระองค์เองในภายภาคหน้า
 
ในรัชสมัยของพระเจ้าช็องโจ ฮงกุกย็องฮงกุกยอง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์มาตั้งแต่สมัยที่เป็นพระนัดดารัชทายาทนั้น เรืองอำนาจมาก ทูลสิ่งใดพระเจ้าช็องโจจะทรงเชื่อเสมอ ฮงกุกย็องฮงกุกยองส่งน้องสาวของตนเองมาเป็นพระสนมของพระเจ้าช็องโจ คือ พระสนมว็อนบินวอนบิน ตระกูลฮง (원빈 홍씨, 元嬪 洪氏) เมื่อ ค.ศ. 1778 และรับเอาองค์ชายซังกเย (상계군, 常溪君 พระโอรสขององค์ชายอึนนอน) มาเป็นพระโอรสบุญธรรมของพระเจ้าช็องโจและพระสนมว็อนบินวอนบิน ปรากฏว่าพระสนมว็อนวอนบินเสียชีวิตไปใน ค.ศ. 1779 ฮงกุกย็องฮงกุกยองเชื่อว่าน้องสาวของตนเสียชีวิตด้วยการวางยาพิษจากพระมเหสีฮโยอึย (효의왕후, 孝懿王后) จึงวางแผนลอบปลงพระชนม์พระมเหสีเพื่อแก้แค้นแต่ถูกจับได้ คิมจงซูจึงถือโอกาสทำการแก้แค้นเช่นกันโดยการทูลยุยงให้พระเจ้าช็องโจว่าฮงกุกย็องช็องโจว่าฮงกุกยองวางแผนจะก่อการกบฏยกองค์ชายซังกเยขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน ฮงกุกย็องฮงกุกยองถูกเนรเทศไปเมื่อ ค.ศ. 1780 และเสียชีวิตใน ค.ศ. 1781
พระเจ้าช็องโจทรงตั้งหอสมุดหลวง หรือ ''คยูจังกัก'' (규장각, 奎章閣) เมื่อ ค.ศ. 1776 ไว้สำหรับเป็นที่เก็บตำราและเป็นสถานศึกษาของบัณฑิตอายุน้อยอย่างใกล้ชิดพระองค์ ซึ่งเป็นการสร้างฐานสนับสนุนของพระองค์เองในภายภาคหน้า
 
ใน คในค.ศ. 1782 พระเจ้าช็องโจมีพระโอรสกับพระสนมอึยบิน ตระกูลซ็องซอง (의빈 성씨, 宜嬪 成氏) แต่เดิมนั้นพระสนมอึยบินมีพระนามว่า ซงย็อนซงยอน หรืองซ็องซงย็อนงซองซงยอน และทรงแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ก็สิ้นพระชนม์ไปใน ค.ศ. 1786 ด้วยโรคหัด ซึ่งปีเดียวกับพระสนมอึยบินสิ้นพระชนม์ด้วยโรคเนื้อร้าย ได้รับพระนามว่า องค์ชายรัชทายาทมุนฮโย (문효세자, 文孝世子) และมีพระนามจริงว่า ซ็องจาซองจา ต่อมาใน ค.ศ. 1790 พระเจ้าช็องโจก็มีพระโอรสกับพระสนมซูบิน ตระกูลพักปาร์ค (수빈 박씨, 綏嬪 朴氏) แต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาท (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็น [[พระเจ้าซุนโจ]])
ในรัชสมัยของพระเจ้าช็องโจ ฮงกุกย็อง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์มาตั้งแต่สมัยที่เป็นพระนัดดารัชทายาทนั้น เรืองอำนาจมาก ทูลสิ่งใดพระเจ้าช็องโจจะทรงเชื่อเสมอ ฮงกุกย็องส่งน้องสาวของตนเองมาเป็นพระสนมของพระเจ้าช็องโจ คือ พระสนมว็อนบิน ตระกูลฮง (원빈 홍씨, 元嬪 洪氏) เมื่อ ค.ศ. 1778 และรับเอาองค์ชายซังกเย (상계군, 常溪君 พระโอรสขององค์ชายอึนนอน) มาเป็นพระโอรสบุญธรรมของพระเจ้าช็องโจและพระสนมว็อนบิน ปรากฏว่าพระสนมว็อนบินเสียชีวิตไปใน ค.ศ. 1779 ฮงกุกย็องเชื่อว่าน้องสาวของตนเสียชีวิตด้วยการวางยาพิษจากพระมเหสีฮโยอึย (효의왕후, 孝懿王后) จึงวางแผนลอบปลงพระชนม์พระมเหสีเพื่อแก้แค้นแต่ถูกจับได้ คิมจงซูจึงถือโอกาสทำการแก้แค้นเช่นกันโดยการทูลยุยงให้พระเจ้าช็องโจว่าฮงกุกย็องวางแผนจะก่อการกบฏยกองค์ชายซังกเยขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน ฮงกุกย็องถูกเนรเทศไปเมื่อ ค.ศ. 1780 และเสียชีวิตใน ค.ศ. 1781
 
ใน ค.ศ. 1782 พระเจ้าช็องโจมีพระโอรสกับพระสนมอึยบิน ตระกูลซ็อง (의빈 성씨, 宜嬪 成氏) แต่เดิมนั้นพระสนมอึยบินมีพระนามว่า ซงย็อน หรืองซ็องซงย็อน และทรงแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ก็สิ้นพระชนม์ไปใน ค.ศ. 1786 ด้วยโรคหัด ซึ่งปีเดียวกับพระสนมอึยบินสิ้นพระชนม์ด้วยโรคเนื้อร้าย ได้รับพระนามว่า องค์ชายรัชทายาทมุนฮโย (문효세자, 文孝世子) และมีพระนามจริงว่า ซ็องจา ต่อมาใน ค.ศ. 1790 พระเจ้าช็องโจก็มีพระโอรสกับพระสนมซูบิน ตระกูลพัก (수빈 박씨, 綏嬪 朴氏) แต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาท (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็น [[พระเจ้าซุนโจ]])
 
== วิทยาการสมัยใหม่และการปฏิรูป ==
เกาหลีในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้เกิดกระแสของหลักปรัชญาอย่างใหม่ที่เน้นการประยุกต์ใช้ปฏิบัติได้จริง เรียกว่า ''ชิลฮัก'' (실학, 實學) ซึ่งตรงกันข้ามกับหลักปรัชญาขงจื้อใหม่ (성리학, 性理學) ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อหลักของชาวเกาหลีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ซึ่งยึดติดกับพิธีกรรมและเป็นนามธรรมมากจนเกินไป พระเจ้าช็องโจมีพระสมัญญานามว่า ทรงเป็น "กษัตริย์ชิลฮัก" เพราะทรงสนพระทัยในปรัชญาอย่างใหม่นี้ และทรงอุปถัมภ์นักปราชญ์และขุนนางจำนวนมากในลัทธินี้ โดยเฉพาะในคยูจังกัก ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของขุนนางที่จะมีส่วนในการปฏิรูปของพระเจ้าช็องโจ
 
วิทยาการชิลฮักในรัชสมัยของพระเจ้าช็องโจมีสำนักกลุ่ม คือ สำนัก''ซ็องโฮซองโฮ'' (성호, 星湖) ก่อตั้งโดย อีลีอิก (이익, 李瀷) ขุนนางฝ่ายใต้ซึ่งในสมัยพระเจ้าย็องโจยองโจได้นำวิทยาการตะวันตก หรือ ''ซอฮัก'' (서학, 西學) ที่รับมาผ่านทางประเทศจีนมาประยุกต์เข้ากับหลักปรัชญาขงจื้อในศาสตร์การบริหารจัดการอาณาจักร ขุนนางฝ่ายใต้หลังจากที่หมดอำนาจทางการเมืองในรัชสมัยของพระเจ้าซุกจงได้หันหาวิทยาการตะวันตกหรือแม้แต่คริสต์ศาสนา สังเคราะห์แนวคิดหลักปรัชญาอย่างใหม่ขึ้นมา อีกสำนักคือ สำนักอุดรนิยม (북학, 北學) เป็นลัทธิซึ่งนำแบบอย่างมาจากจีนราชวงศ์ชิง ชื่นชมว่ามีความรุ่งเรืองทางการค้าและวัฒนธรรม<ref>http://www.koreaaward.com/kor/history/155</ref> แม้ว่าตั้งแต่เสียเอกราชให้กับราชวงศ์ชิงเป็นต้นมาชาวเกาหลีส่วนใหญ่จะดูแคลนชาวแมนจู นักปราชญ์สำนักนี้ก็คือขุนนางฝ่ายโนนนนั่นเอง แต่เป็นโนนนชิพา มีฮงแดยง (홍대용, 洪大容) ในรัชสมัยของพระเจ้าย็องโจยองโจเป็นผู้ริเริ่มลัทธิ<ref>http://www.koreaaward.com/kor/history/157</ref> เดินทางไปยังประเทศจีนและบันทึกความเจริญมาเป็นตัวอย่างให้อาณาจักรโจซ็อนนำมาเป็นแบบอย่าง
 
พระเจ้าช็องโจทรงอุปถัมป์ขุนนางจากทั้งสองสำนักนี้ มาเป็นที่ปรึกษาประจำพระองค์ โดยทรงชุบเลี้ยงไว้ที่ ''คยูจังกัก'' ได้แก่ แชเจกง (채제공, 蔡濟恭) อีลีกาฮวันฮวาน (이가환, 李家煥) และช็องยักย็องจองยัคยอง (정약용, 丁若鏞) จากสำนักซ็องโฮซองโฮ พักจีว็อนพัคจีวอน (박지원, 朴趾源) พักเจกาพัคเจกา (박제가, 朴齊家) และอีด็อกมูลีดอกมู (이덕무, 李德懋) จากสำนักอุดรนิยม
 
ถึงแม้ว่าจะมีนักปราชญ์จากสำนักซ็องซองโฮจำนวนหนึ่งได้หันไปเข้ารีตคริสต์ศาสนา แต่ทางสายหลักของสำนักนี้ยังยืนกรานที่จะยึดมั่นในลัทธิขงจื้อและประณามคริสต์ศาสนาว่าเป็น "ลัทธินอกรีต" ใน คในค.ศ. 1791 แชเจกงหัวหน้าคยูจังกักได้เสนอให้พระเจ้าช็องโจกระทำการกวาดล้างคริสต์ศาสนา เป็นครั้งแรกของประเทศเกาหลี เรียกว่า การสังหารหมู่ชาวคริสต์ปีชินแฮ (신해박해, 辛亥迫害) ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าช็องโจทรงตัดสินพระทัย นำขุนนางฝ่ายใต้ขึ้นมามีอำนาจแทนขุนนางฝ่ายโนนนและโซนน และทรงร่วมกับขุนนางฝ่ายใต้ออกแผนการปฏิรูปออกมามากมาย ได้แก่ การจัดตั้งการค้าเสรี (신해통공, 辛亥通共) ยกเลิกระบบการให้สัมปทานและให้ทุกคนสามารถค้าขายสิ่งใดก็ได้อย่างเสรี และการอนุญาตให้บุตรขุนนางที่เกิดแต่อนุภรรยาสามารถเข้ารับราชการได้<ref>Kim Sung-Yun. ''Tangpyeong and Hwaseong: The Theory and Practice of Jeongjo's Politics and Hwaseong''.</ref> เป็นการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติทางสังคมที่มีมาหลายร้อยปี และพระเจ้าช็องโจยังทรงดำริที่จะยกเลิกระบบทาสทั้งทาสของราชสำนักและทาสของขุนนาง
 
[[ไฟล์:Hwaseong2.jpg|thumb|left|200px|เมืองฮวาซ็องฮวาซอง สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1796]]
ในช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้าช็องโจ ช่วงเวลาที่ขุนนางฝ่ายใต้มีอำนาจ เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปอย่างรุนแรงของพระเจ้าช็องโจจนเป็นที่ต่อต้านของขุนนางฝ่ายโนนนพย็อกพายอกพา ขุนนางฝ่ายโนนนรุ่นใหม่นำโดย ชิมฮวันจีฮวานจี (심환지, 沈煥之) รวบรวมขุนนางฝ่ายอนุรักษนิยมคอยจะคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่พระเจ้าช็องโจทรงปรารถนา ที่ร้ายแรงที่สุดคือใน ค.ศ. 1794 ทรงให้ตรวจสอบการถือครองที่ดินใหม่ทั้งประเทศและทรงวางแผนจะสร้างเมืองฮวาซ็องฮวาซอง (화성, 華城) ไว้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่และเป็นพระสุสานแห่งใหม่ของพระราชบิดา ออกแบบโดย ช็องยักย็องจองยัคยอง ซึ่งสามารถประดิษฐ์เครื่องจักรเครื่องมือในการก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีของเกาหลีอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลังจากใช้เวลาสองปีเมืองฮวาซ็องฮวาซองก็เสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1796 พระเจ้าช็องโจประทานรางวัลแก่ราษฏรที่ย้ายไปยังเมืองฮวาซ็องฮวาซองและไม่ต้องเสียภาษีไปห้าปี
 
พระเจ้าช็องโจทรงย้ายไปประทับที่เมืองฮวาซ็องฮวาซองเป็นส่วนใหญ่ โดยทรงจัดพิธีแซยิดให้กับพระราชมารดาพระนางฮเย-กย็องฮเยกยองกุงอย่างใหญ่โตเป็นการประเดิมใน ค.ศ. 1795 และทรงย้ายพระสุสานขององค์ชายรัชทายาทจังฮ็อนฮอนมาไว้ที่เมืองฮวาซ็องฮวาซอง พระราชทานชื่อสุสานใหม่ว่า ''ฮย็อนยุงว็อนฮย็อนยุงวอน'' (현륭원, 顯隆園) พระเจ้าช็องโจทรงมีแผนการพัฒนาเมืองฮวาซ็องฮวาซองอีกมากมาย แต่ก็สวรรคตไปเสียก่อนใน ค.ศ. 1800 องค์ชายรัชทายาทขึ้นครองราชสมบัติต่อ เป็น พระเจ้าซุนโจ (순조, 純祖) พระสุสานของพระเจ้าช็องโจมีนามว่า ''ค็อนนึงคอนนึง'' (건릉, 健陵)
ในช่วงปลายรัชสมัยของพระเจ้าช็องโจ ช่วงเวลาที่ขุนนางฝ่ายใต้มีอำนาจ เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปอย่างรุนแรงของพระเจ้าช็องโจจนเป็นที่ต่อต้านของขุนนางฝ่ายโนนนพย็อกพา ขุนนางฝ่ายโนนนรุ่นใหม่นำโดย ชิมฮวันจี (심환지, 沈煥之) รวบรวมขุนนางฝ่ายอนุรักษนิยมคอยจะคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่พระเจ้าช็องโจทรงปรารถนา ที่ร้ายแรงที่สุดคือใน ค.ศ. 1794 ทรงให้ตรวจสอบการถือครองที่ดินใหม่ทั้งประเทศและทรงวางแผนจะสร้างเมืองฮวาซ็อง (화성, 華城) ไว้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่และเป็นพระสุสานแห่งใหม่ของพระราชบิดา ออกแบบโดย ช็องยักย็อง ซึ่งสามารถประดิษฐ์เครื่องจักรเครื่องมือในการก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีของเกาหลีอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลังจากใช้เวลาสองปีเมืองฮวาซ็องก็เสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1796 พระเจ้าช็องโจประทานรางวัลแก่ราษฏรที่ย้ายไปยังเมืองฮวาซ็องและไม่ต้องเสียภาษีไปห้าปี
 
พระเจ้าช็องโจทรงย้ายไปประทับที่เมืองฮวาซ็องเป็นส่วนใหญ่ โดยทรงจัดพิธีแซยิดให้กับพระราชมารดาพระนางฮเย-กย็องกุงอย่างใหญ่โตเป็นการประเดิมใน ค.ศ. 1795 และทรงย้ายพระสุสานขององค์ชายรัชทายาทจังฮ็อนมาไว้ที่เมืองฮวาซ็อง พระราชทานชื่อสุสานใหม่ว่า ''ฮย็อนยุงว็อน'' (현륭원, 顯隆園) พระเจ้าช็องโจทรงมีแผนการพัฒนาเมืองฮวาซ็องอีกมากมาย แต่ก็สวรรคตไปเสียก่อนใน ค.ศ. 1800 องค์ชายรัชทายาทขึ้นครองราชสมบัติต่อ เป็น พระเจ้าซุนโจ (순조, 純祖) พระสุสานของพระเจ้าช็องโจมีนามว่า ''ค็อนนึง'' (건릉, 健陵)
 
== ปัญหาภายในฝ่ายใน ==
ในช่วงเริ่มต้นที่พระองค์เริ่มขึ้นครองราชได้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและได้เกิดการจลาจลขึ้น ในช่วงแรกได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นพระราชาผู้ปกครองด้วยความโหดร้าย แต่ในภายหลังผ่านการปกครองของพระองค์ไปได้ระยะหนึ่งของพระองค์ ทำให้ประชาชนทำใประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น
ในศตวรรษที่ 18 ได้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้น โดยสืบค้นพบว่า เป็นพ่อค้าจากต้าชิงที่ปล่อยเงินกู้ และนำลูกหนี้ไปค้าทาส ทำให้เกิดปัญหากับเมืองต้าชิง จนถึงขั้นสงครามแต่ได้รับการช่วยเหลือจากพระสนมซ็องซองหรือพระสนมอึยบินเป็นตัวกลางช่วยสมานฉันและยังทรงแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคนั้น โดยการส่งออกสินค้าไปยังจีน
 
ในศตวรรษที่ 18 ได้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ขึ้น โดยสืบค้นพบว่า เป็นพ่อค้าจากต้าชิงที่ปล่อยเงินกู้ และนำลูกหนี้ไปค้าทาส ทำให้เกิดปัญหากับเมืองต้าชิง จนถึงขั้นสงครามแต่ได้รับการช่วยเหลือจากพระสนมซ็องหรือพระสนมอึยบินเป็นตัวกลางช่วยสมานฉันและยังทรงแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคนั้น โดยการส่งออกสินค้าไปยังจีน
 
== สิ้นพระชนม์และมรดก ==
การสวรรคตของพระเจ้าช็องโจทำใหพัฒนาการของประเทศเกาหลีทุกอย่างหยุดชะงักลง ด้วยการที่พระเจ้าซุนโจขึ้นครองราชย์เมื่อยังทรงพระเยาว์ทำให้พระอัยยิกาคิม หรือพระมเหสีช็องซุนจองซุน (정순왕후, 貞純王后 พระมเหสีของพระเจ้าย็องโจยองโจ) เป็นผู้สำเร็จราชการตามกฎมณเฑียรบาล พระอัยยิกาคิมทรงนำขุนนางฝ่ายโนนนตระกูลคิมขึ้นมามีอำนาจและกวาดล้างขุนนางฝ่ายใต้อย่างทารุณ และมองว่าการปฏิรูปทุกประเภทเป็นการกบฏ เมืองฮวาซ็องฮวาซองจึงถูกทิ้งร้าง อาณาจักรโชซ็อนให้อีกห้าสิบปีข้างหน้าจะมีแต่การแก่งแย่งอำนาจและการกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม สมัยแห่งความรุ่งเรืองของเกาหลีที่มีมาแต่รัชสมัยของพระเจ้าย็องโจยองโจจึงจบลง
 
== พระนามเต็ม ==
'''สมเด็จพระราชา ช็องจงช็องโจ แทโจคยองชอน คย็องช็อน มย็องโดมยองโด ฮงด็อก ฮย็อนโม มุนซ็องนซอง มูรยอล ซ็องอินซองอิน ชังจางฮโย แห่งเกาหลี'''
 
== พระราชวงศ์ ==
* พระราชบิดา: [[องค์ชายรัชทายาทซาโด]] (사도세자, 1735–1762) ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็น พระเจ้าชังจางโจ
* พระราชมารดา: [[ฮเย-กย็องกุงฮเยคยองกุง|พระนางฮ็อนคย็องฮอนคยอง]] พระพันปีหลวง ตระกูลฮง แห่งพุงซันซาน (헌경왕후 홍씨, 1735–1815)
* พระมเหสี: [[พระมเหสีฮโยอึย|สมเด็จพระราชินีฮโยอึย]] ตระกูลคิม แห่ง ช็องพุงชองพุง (효의왕후 김씨, 1753–1821)
* พระสนม
** [[พระสนมอึยพิน แห่งตระกูลซ็องซอง|พระสนมอึยบิน]] ตระกูลซ็องซอง แห่งชังนย็องชางนยอง (의빈 성씨, 1753–1786)
** [[พระสนมว็อนบินวอนบิน จากตระกูลฮง แห่งพงซันซาน|พระสนมว็อนบินวอนบิน]] ตระกูลฮง]] แห่งพงซันพุงซาน (원빈 홍씨, 1766–1779)
** พระสนมฮวาบิน ตระกูลยุน แห่งนัมว็อนนัมวอน (화빈 윤씨, 1765–1824)
** [[พระสนมซุกกี จากตระกูลพักปาร์ค|พระสนมซูบิน ตระกูลพักปาร์ค]] แห่งบันนัม (현목수비 박씨, 1770–1822)
* พระโอรส
** [[องค์ชายรัชทายาทมุนฮโย,]] อี,ลีซุน (문효세자, 1782-1786) มกุฎราชกุมารแห่งโชซ็อนพระราชโอรสของพระสนมอึยบิน ตระกูลซ็องซอง แห่งชังนย็องชางนยอง
** [[พระเจ้าซุนโจ|องค์ชายอีลีคง]] (이공세자, 1790 - 1834) พระราชโอรสของพระสนมซูบิน ตระกูลพักปาร์ค แห่งบันนัม
** [[องค์ชายซังกเย]], อี,ลีดัม (상계군, 1769-1786) พระราชโอรสบุญธรรมของพระสนมว็อนบินวอนบิน ตระกูลฮง แห่งพุงซันซาน
* พระธิดา
** องค์หญิงไม่ปรากฏพระนาม (1784 - ?) พระราชธิดาของพระสนมอึยบิน ตระกูลซ็องซอง แห่งชังนย็องชางนยอง
** องค์หญิงไม่ปรากฏพระนาม (1781 - ?) พระราชธิดาของพระสนมฮวาบิน ตระกูลยุน แห่งนัมว็อนนัมวอน
** องค์หญิงซุกซ็อน (숙선옹주, 1793 - 1836) พระราชธิดาของพระสนมซูบิน ตระกูลพักปาร์ค แห่งบันนัม
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{commonscat|Jeongjo of Joseon|พระเจ้าช็องโจแห่งโชซ็อน}}
* [http://ehs.suwon.ne.kr/ Official site of Hwaseong Fortress]
 
{{เริ่มกล่อง}}
{{สืบตำแหน่ง
| รูปภาพ = Coat_of_arms_of_Joseon_Korea.gif
| ก่อนหน้า = [[พระเจ้าย็องโจยองโจ]]
| ตำแหน่ง = พระราชาแห่งราชอาณาจักรโชซ็อน
| ปี = [[พ.ศ. 1776–18002319]] - [[พ.ศ. 2343]]
| ถัดไป = [[พระเจ้าซุนโจ]]
}}{{จบกล่อง}}
เส้น 198 ⟶ 190:
{{กษัตริย์ราชวงศ์โชซ็อน}}
{{เรียงลำดับ|จ}}
{{lifetimebirth|1752|1800}}
{{death|1800}}
 
 
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2295]]
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์โชซ็อน]]