ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วันเอดส์โลก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ การแก้ไขแบบเห็นภาพ: สลับแล้ว
ย้อนการก่อกวน 1 ครั้งของ 58.10.140.202 (พูดคุย) ไปยังรุ่นโดย Tvcccp.ด้วย[[WP:iScript|...
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Red Ribbon.svg|thumb|200px|ริบบิ้นสีแดง สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก]]
เอ่ยชื่อโรคเอดส์ หลายคนก็คงจะถอยกันเป็นแถบ เพราะโรคเอดส์ คือคนที่ติดเชื้อ เอชไอวี ซึ่งเชื้อเอชไอวีไม่สามารถแพร่สู่กันได้โดยการติดต่อในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางการกอด หรือการสัมผัสมือที่เป็นการทักทาย การใช้ห้องน้ำร่วมกัน การใช้เตียงนอนร่วมกัน การใช้อุปกรณ์หรือช้อนเพื่อรับประทานอาหารหรือการใช้รถแท็กซี่ร่วมกัน
[[ไฟล์:Condom on Obelisk, Buenos Aires.jpg|thumb|left|200px|ถุงยางอนามัยยาว 67 เมตร ถูกสวมกับอนุสาวรีย์[[โอเบลิสก์]] ที่[[ประเทศอาร์เจนตินา]] ในการรณรงค์วันเอดส์โลก ปี พ.ศ. 2548]]
ความหมายของวันเอดส์โลก
 
'''วันเอดส์โลก''' (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ ซึ่งได้คร่าชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้ไปกว่า 25 ล้านคนแล้วทั่วโลก
เชื้อเอชไอวี คือเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ซึ่งหากใครที่มีโอกาสติดเชื้อนี้เข้าไป จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ โรคเอดส์ ซึ่งเมื่อเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ เพราะเชื้อเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายซึ่งเมื่อเจอโรคแทรกซ้อนจะทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด
โรคเอดส์ในประเทศไทย
 
==แหล่งข้อมูลอื่น==
วันเอดส์โลก ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ ซึ่งได้มีการกำหนดให้ วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ และป้องกันเกี่ยวกับโรคเอดส์ ซึ่งได้คร่าชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์นี้ไปกว่า 25 ล้านคนทั่วโลกแล้ว ซึ่งโรคเอดส์นับได้ว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงอย่างมาก แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถคิดค้นยามารักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ให้หายขาด ทำให้องค์การอนามัยโลกต้องหาทางรณรงค์เพื่อให้ประเทศต่างๆ ได้ตระหนักถึงอันตรายของโรคนี้ โดยการกำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก
*[http://guru.sanook.com/pedia/topic/วันเอดส์โลก/ ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์และประวัติความเป็นมาของ วันเอดส์โลก]
วันที่จัดกิจกรรมวันเอดส์โรค
[[หมวดหมู่:เอดส์]]
 
[[หมวดหมู่:วันตระหนักด้านสุขภาพ]]
วันที่จัดกิจกรรมวันเอดส์โรค คือวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี
{{โครง}}
ปฏิทินวันเอดส์โลก
 
วันเอดส์โลก พ.ศ.2550 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2550 / วันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีกุน
วันเอดส์โลก พ.ศ.2551 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2551 / วันจันทร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีชวด
วันเอดส์โลก พ.ศ.2552 ตรงกับ วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2552 / วันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีฉลู
วันเอดส์โลก พ.ศ.2553 ตรงกับ วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2553 / วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีขาล
วันเอดส์โลก พ.ศ.2554 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2554 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีเถาะ
วันเอดส์โลก พ.ศ.2555 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2555 / วันเสาร์ แรม ๓ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีมะโรง
วันเอดส์โลก พ.ศ.2556 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2556 / วันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีมะเส็ง
วันเอดส์โลก พ.ศ.2557 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2557 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีมะเมีย
วันเอดส์โลก พ.ศ.2558 ตรงกับ วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2558 / วันอังคาร แรม ๖ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีมะแม
วันเอดส์โลก พ.ศ.2559 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2559 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๒ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีวอก
วันเอดส์โลก พ.ศ.2560 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2560 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีระกา
ประวัติวันเอดส์โลก
 
ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา มีผู้ป่วยโรคเอดส์เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งๆที่เมื่อก่อนโรคเอดส์ ก่อตัวขึ้นในบางส่วนของโลกและเป็นอยู่ในหมู่ชนบางกลุ่มเท่านั้นแต่ในปัจจุบันมีการตรวจพบโรคนี้ทั่วโลก ซึ่งโรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ.2524
 
จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นในประเทศไทยปี พ.ศ.2527 จนถึงปี พ.ศ.2533 แม้รัฐบาลจะประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์แต่ก็ยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบและให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
ซึ่งย้อนไปเมื่อ ปี พ.ศ.2524 มีการพบโรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง กับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ และทำให้เสียชีวิตในที่สุด และหากมีโรคแทรกซ้อน ก็จะทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทย มีพฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกา เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอเมริกา พบว่าปอดอักเสบ แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้มีการตื่นตัวเรื่องโรคเอดส์ และจากนั้นก็มีการแพร่เชื้อมาอีกหลายต่อหลายคน ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งแม้จะมีผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ให้เห็น จนกระทั่งผลร้ายแรง และไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่กระนั้น ก็ยังมีผู้คนยอมเสี่ยงแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั่งได้รับเชื้อนี้
กิจกรรมวันเอดส์โลก
 
สถานการณ์ของโรคเอดส์กลับแพร่กระจาย มากขึ้นและกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อโรคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าโรคนี้เกิดเฉพาะในกลุ่มรักร่วมเพศ หรือกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดที่ใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นร่วมกัน แต่ในปัจจุบันโรคนี้ได้แพร่กระจายเข้าไปในกลุ่มอื่นๆ ด้วย การจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเป็นการรณรงค์และให้ความรู้ และการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องโรคเอดส์ตามมา
 
จัดนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์
การจัดนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์รวมถึงการจัดบอร์ด การรณรงค์โรคเอดส์ การสัมมนา ในเรื่อวิชาการความรู้ เกี่ยวกับ โทษของโรคเอดส์ และสาเหตุ รวมถึงการป้องกันให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์
 
จัดกีฬา ต้อต้านโรคเอดส์
การจัดกีฬาต้อต้านโรคเอดส์ เพื่อให้ทุกคน หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ และห่างไกลโรคร้าย และห่างไกลสิ่งที่จะทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเอดส์ได้
 
กิจกรรมรณรงค์โรคเอดส์
กิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมบริการปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อHIV เกมส์ และถามตอบปัญหาอื่นๆมากมาย กรมอนามัย แจกถุงยางฟรี พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ เผยแพร่ข่าวสาร การให้ความรู้ การป้องกันเกี่ยวกับโรคเอดส์
 
เผยแพร่ข้อมูลในวันเอดส์โรค
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นและสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องปลอดภัย และทำการเสริมสร้างและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากขึ้นในสังคมทุกระดับ โดยจัดให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ เพื่อให้นักเรียนและประชาชนทั่วไปสามารถปฏิบัติตนในการดูแลตนเองและทราบถึงวิธีการดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากโรคเอดส์
 
วัยรุ่นและเยาวชนไทยในวัยเรียนสมัยนี้ ขาดการรักนวลสงวนตัว กล้าได้ กล้าเสีย มากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง ดังนั้น ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียน สังคม มีหน้าที่ดูแล สอดส่องพฤติกรรมของนักเรียน และส่งเสริมให้นักเรียนได้รับความรู้ การปฏิบัติตนในการดูแลตนเอง และหาทางป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง
ข้อระวังในการติดื้อ เอชไอวี และการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเอดส์
 
โรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่ กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้
 
การรับเชื้อ
การรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชายการใช้ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ และความไม่พร้อมในการตั้งครรภ์ได้ การใช้ถุงยางอนามัยจึงเป็นวิธีการป้องกันที่ง่ายและได้ผล
 
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทั้งชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือชายกับหญิง จะเป็นช่องทางธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติก็ตาม ล้วนมีโอกาสเสี่ยงต่อการติด โรคเอดส์ ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน และผู้ที่รับเลือดโดยตรงอย่าง การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
 
จากแม่สู่ลูก
ทารกมีโอกาสติดเชื้อเอดส์จากแม่โดยติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูก เพราะแม่มีเชื้อเอดส์ และถ่ายทอดให้ทารก ในขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด และภายหลังคลอด ปัจจุบันมีวิธีป้องกันการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก โดยการทานยาต้านไวรัสในช่วงตั้งครรภ์ จะสามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ควรตรวจเลือดก่อนแต่งงาน
 
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
หากรู้จักป้อกัน ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการมีคู่ครองเพียงคนเดียว และไม่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง จะช่วยป้องกันโรคเอดส์ได้เป็นอย่างดี หรือหากพลาดไปแล้ว ควรหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ รวมถึงการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
 
โรคเอดส์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีแล้วก็จะทำให้มีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตอยู่ได้นาน เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของเชื้อเอชไอวีต้องใช้ยาหลายๆ ตัว และนอกจากนี้แล้วสิ่งที่ดีที่สุด คือการทำจิตใจให้สบาย ออกกำลังกายอย่างถูกต้องและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ทำงานหนักจนเกินไปและ พักผ่อนให้เพียงพอ
แนวทางการส่งเสริมกิจกรรมวันเอดส์โลก
 
การจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ทุกวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2531 ซึ่งเป็นวันเอดส์โลก ซึ่งถือเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายต่างๆ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ และมีมาตรการในการป้องกันตนเองที่ถูกต้องและสามารถนำไปปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตราย
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์ จึงต้องมีการส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
 
จัดกิจกรรมการต่อต้านโรคเอดส์
เพราะแนวโน้มการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น จากพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย อัตราการใช้ถุงยางอนามัยต่ำและระดับความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ต่ำ การจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์ จึงควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ เอชไอวี
 
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์
การเพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกัน และมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง การป้องกันเรื่องการท้องก่อนวัยเรียน และการป้องกันเรื่องการมีเพศสัม พันธ์อย่างถูกวิธี
 
ห่วงใยผู้ป่วยโรคเอดส์ ไม่ให้เหมือนถูกทอดทิ้ง
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์ ด้วยการจัดกิจกรรมการเยี่ยมผู้ป่วย ที่เป็นโรคเอดส์ การบริจาคของ และการทำกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์อย่างไม่รังเกียจ เพื่อสร้างเป็นขวัญและกำลังใจ ให้ผู้ป่วยโรคเอดส์ได้มีแรงใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ ควรมีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก จะเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
จากนั้นได้มีการจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ให้เป็นวันเอดส์โลก (World Aids Day) เพื่อเป็นวันจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์พร้อมเพรียงกันทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายว่า
 
เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคติดต่อของโรคเอดส์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้มีมาตรการการป้องกันโรคเอดส์ให้มากขึ้นในสังคม ทุกชนชั้น
เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้าน และป้องกันการติดเชื้อเอดส์
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและ ห่วงใยต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และ ผู้ติดเชื้อเอดส์
เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างถูกต้อง และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
คำขวัญวันเอดส์โลก
 
คำขวัญวันเอดส์โลกล่าสุดใน พ.ศ. 2555 คือ Getting to zero : เอดส์ ลดแล้ว…ลดอีก
 
สัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก
 
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์วันเอดส์โลก
สัญลักษณ์ของ วันเอดส์โลก คือ โบว์สีแดง (Red Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ของวันเอดส์โลก ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV-positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์ทั้งหลาย
 
โรคเอดส์เกิดขึ้นได้อย่างไร???
 
โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS : Acquired immune Deficiency Syndrome) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิว โนเดฟีเซียนซี ไวรัส (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ที่เราเรียกกันว่า เชื้อเอชไอวี ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันโรค และเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่ายกายไม่สามารถคุ้มกันโรคต่างๆได้ จะทำให้ร่างกายเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและ หนักทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่โรคที่จะแทรกซ้อนเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ได้แก่ วัณโรค ปอดบวม เชื้อในระบบโลหิต เป็นต้น
 
ทั้งนี้เมื่อเราเข้าใจถึงความน่ากลัวของโรคเอดส์แล้ว ทำให้กลุ่มคนที่รับเชื้อเอชไอวีมานั้น ถูกรังเกลียดจากสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากกลัวการติดเชื้อ แต่ความจริงแล้วโรคเอดส์นั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ โดยการติดเชื้อนั้นจะต้องติดกันเฉพาะที่แบบจริงๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 หลักใหญ่ๆ ได้แก่
 
การได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย โดยการรับเชื้อนั้นจะต้องมีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้ติดโรคเอดส์ได้ ได้แก่ เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด เป็นต้น
เชื้อที่ติดต่อนั้นจะต้องมีคุณภาพและ แข็งแรงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากรับเชื้อในทางน้ำลาย น้ำตา ซึ่งอยู่สภาพที่น้ำเป็นกรด เป็นด่าง จะทำให้เชื้อไม่แข็งแรง และไม่ติดต่อกันนั้นเอง
ต้องเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการสัมผัสส่งต่อเชื้อได้โดยตรง เช่น การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกันหรือ การมีเพศสัมพันธ์กัน โดยกรณีฝ่ายชายติดเชื้อจะส่งผ่านให้ฝ่ายหญิงทางเยื่อบุช่องคลอดหรือ กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อจะส่งผ่านทางปลายเปิดของอวัยวะเพศชาย
กลุ่มคนผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี (โรคเอดส์)
 
ผู้ที่ใช้บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอดส์ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 84% ของผู้ติดเชื้อเอดส์มาจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้กระบอก เข็ม หรือสิ่งเสพติดร่วมกัน
ผู้ที่รับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วยเอดส์ หรือการรับเลือดในขณะการผ่าตัด
ทารกติดเชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก (กรรมพันธุ์)
แนวทางการป้องกัน โรคเอดส์
 
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่ครองเพียงคนเดียว ไม่ใช่บริการทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยง
ตรวจร่างกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้นในเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวันเอดส์โลก อยากเขิญขวนให้มาร่วมกันเป็นส่วงหนึง่ที่ช่วยให้เกิดการแพร่เชื้อโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์กันอย่างต่อเนื่อง กันนะครับ
 
วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
วันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
เหลียวหลังวันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
เหลียวหลังวันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
เหลียวหลังวันเอดส์โลก (World AIDS Day) วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
 
 
 
HIV ย่อมาจาก human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวีจะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
 
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
 
โรคเอดส์พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จากการศึกษาย้อนหลัง พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
ในปี พ.ศ. 2526 Luc Montagnier ชาวฝรั่งเศส สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Lymphadenopathy Assoiciated Virus หรือ LAV และในเวลาใกล้เคียงกัน Robert Gallo นายแพทย์ชาวอเมริกันก็สามารถแยกเชื้อจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วย และตั้งชื่อว่า Human T cell Lymphotropic Virus Type III หรือ HTL V III ต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อชนิดเดียวกันนี้และตั้งชื่อว่า AIDS related virus จากการศึกษาในเวลาต่อมา พบว่าเชื้อทั้ง 3 ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อตัวเดียวกันจึงตกลงตั้งชื่อให้เป็นสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
 
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ.2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ในปี พ.ศ.2527 ประเทศไทยเริ่มมีโรคเอดส์เกิดขึ้นตามรายงานครั้งแรก และในช่วง ปี พ.ศ. 2527จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
 
 
 
และเพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัยของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
 
1. เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อและการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์
 
2. เพื่อสร้างเสริมและสนับสนุนให้มีมาตรการการป้องกันให้มากยิ่งขึ้นในสังคมทุกระดับ
 
3. เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมต่อต้านต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
4. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ
 
5. เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
 
ในทุกวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี ทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันเอดส์โลก เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้ให้ความเห็นใจและห่วงใยต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย ตลอดจนให้ทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ อันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การขยายตัวของโรคนี้ลดน้อยลง โดยในปีนี้ได้มีคำขวัญวันเอดส์โลกว่า “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์ และเพศสัมพันธ์”
 
เหลียวหลัง