ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระนางติโลกจุฑาเทวี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 4:
ติโลกจุฑาเทวีมีเชื้อสาย[[ไทลื้อ]] บุรพชนเป็นเจ้านายจาก[[สิบสองพันนา]]<ref name="สรัสวดี">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552, หน้า 228</ref> แต่เดิมพระองค์สนองพระเดชพระคุณเป็นนางสนมของพญาแสนเมืองมา และเป็นนางรับใช้คอยถวายงานแด่[[พระนางยสุนทราเทวี|ยสุนทราเทวี]]ผู้มีพระราชอำนาจสูง หลังการสวรรคตของ[[พญากือนา]] และสืบราชสมบัติของพญาแสนเมืองมาที่ขณะนั้นมีพระชันษา 13 ปี<ref name="แม่ญิงล้านนา"/> ยสุนทราเทวีได้เป็นผู้กำหนดว่าจะให้ใครเป็นอัครมเหสีของพระราชโอรสผู้ขึ้นครองราชย์ ซึ่งทรงเลือกติโลกจุฑาเทวีเป็นพระสุณิสา<ref>เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ''ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ''. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559, หน้า 48</ref> โดยมีพระมหาสวามีรูปหนึ่งมาทำนายทายทักว่าติโลกจุฑาเทวีจะได้ขึ้นเป็นมเหสีด้วย<ref name="แม่ญิงล้านนา">{{cite web |url= http://www.sri.cmu.ac.th/~maeyinglanna/main2/main5.php |title= พระนางติโลกจุฑาเทวี |author=|date=| work= สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |publisher= |accessdate= 13 พฤศจิกายน 2559}}</ref> ดังปรากฏใน ''พื้นเมืองเชียงใหม่'' ความว่า<ref>อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และเดวิด เค วัยอาจ (ปริวรรต). ''ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่''. กรุงเทพฯ : ตรัสวิน, 2543, หน้า 70-71</ref>
 
<blockquote>"...ทีนี้จักจาด้วยแม่เจ้าราชบุตรสามฝั่งแกนก่อนแล ดังนางผู้นี้เป็นเชื้อท้าว มีรูปโฉมอันงามผ้ง เป็นสาวนางสนมอยู่ใช้สอยมหาเทวีแม่เจ้าแสนเมืองมา ยังมีในวัน 1 นางผู้นั้นเอาผ้าเช็ดหน้ามหาเทวีออกตาก หันนกจอกตัว 1 มากรายหน้านาง 7 บาทย่าง ลูนนั้นมหาเทวีใช้นางเอาจังหันไปส่งสวามีพุทธญาณ วัดเชียงยืน นางบอกเหตุอันตนได้หันนกจอกนั้นย่างมาหานั้นแก่มหาสวามี มหาสวามีจึงว่า ดูรา นางอุบาสิกามึงอย่าบอกแก่ใผ มึงจักได้เป็นเทวีดั่งมหาเทวีบัดนี้บ่อย่าชะแลว่าอั้น ถัดนั้นมหาเทวีใช้นางไปหาเจ้าแสนเมืองมาลูกแห่งตน เจ้าแสนเมืองมาก็เอานางไปอยู่นอนทวย นางจึงทรงคัพภได้ 3 เดือน มหาเทวีหันหลาก จึงถามว่านางทรงคัพภลูกใผว่าอั้น นางบอกว่าข้าทรงคัพภกับเจ้าเหนือหัวลูกแม่เทวีแลว่าอั้น มหาเทวีจึงแต่งอุ้มส่งหื้อนางไปเป็นเมียเจ้าแสนเมืองมาลูกแห่งตน [...] เสนาทังหลายอภิเสกเจ้าราชบุตรสามฝั่งแกน อายุได้ 13 ปี เป็นพญาในปีรวงไส้ สกราชได้ 763 ตัว เดือน 8 เพ็ง เม็งวัน 6 ไทยกดสะง้า เจ้าเป็นพญาแล้ว นางผู้แม่ก็ได้เป็นมหาเทวีชื่อว่า ติโลกจุฑาเทวี..."</blockquote>
 
พระองค์ได้ประสูติการ[[พญาสามฝั่งแกน]] พระราชโอรส ขณะที่เสด็จกลับจากสิบสองพันนา พอเดินทางถึงพันนาฝั่งแกนก็มีประสูติพระราชโอรสที่นั่น พญาสามจึงมีสร้อยพระนามว่า "ฝั่งแกน"<ref name="สรัสวดี"/> ภายหลังเมื่อพระราชโอรสมีพระชันษาได้ 13 ปี จึงได้สร้างวัด ณ สถานที่ที่พระราชโอรสประสูติโดยตั้งชื่อวัดนั้นว่า วัดเพิง<ref name="แม่ญิงล้านนา"/>
 
หลังการเสด็จสวรรคตของพญาแสนเมืองมา และการครองราชย์ของพญาสามฝั่งแกน พระองค์มีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกครองอาณาจักรร่วมกับพระราชโอรส<ref name="มังราย">{{cite web |url= http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=1970 |title= จารึกกษัตริย์ราชวงศ์มังราย |author=|date=| work= ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์มหาชน) |publisher= |accessdate= 13 พฤศจิกายน 2559}}</ref> และปรากฎใน ''พื้นเมืองเชียงใหม่'' ความว่า

<blockquote>"...เสนาทังหลายอภิเสกเจ้าราชบุตรสามฝั่งแกน อายุได้ 13 ปี เป็นพญาในปีรวงไส้ สกราชได้ 763 ตัว เดือน 8 เพ็ง เม็งวัน 6 ไทยกดสะง้า เจ้าเป็นพญาแล้ว นางผู้แม่ก็ได้เป็นมหาเทวีชื่อว่า ติโลกจุฑาเทวี..."</blockquote>

ถือว่าพญาสามฝั่งแกนจึงได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากทั้งติโลกจุฑาเทวี พระราชชนนี และยสุนทราเทวี พระอัยยิกาที่ยังทรงพระชนม์ในขณะนั้น<ref>เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. ''ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย : ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ''. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559, หน้า 51</ref> พระองค์และพระราชโอรสได้สืบทอดพระราชปณิธานของพญาแสนเมืองมาที่จะสร้างเจดีย์หลวงเพื่ออุทิศถวายแด่พญากือนาที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จ ติโลกจุฑาเทวีที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จึงทรงรับเป็นแม่กองงานบัญชาการการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ใช้ระยะเวลา 5 ปีจึงแล้วเสร็จ พร้อมกับสร้างวิหารหลวง หล่อพระอัฏฐารส และพระอัครสาวกซ้ายขวา ณ วัดเจดีย์หลวงด้วย<ref name="แม่ญิงล้านนา"/>
 
== เชิงอรรถ ==