'''เสือโคคำฉันท์''' เริ่มด้วยบทไหว้ครู ไหว้เทวดา และบทเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกเสือกับลูกโคที่พระฤๅษีได้เกริ่นกล่าวถึงชุบให้เป็นมนุษย์ โดยให้ชื่อลูกเสือว่า"พหลวิไชย"
ส่วนลูกเสือได้ให้ชื่อว่า "คาวี"
ลูกเสือกับลูกโคเดินทางร่อนเร่กลางป่าจนได้ผ่านหน้าสำนักของฤๅษี
ฤๅษีเห็นผิดวิสัยของสัตว์โลก ที่เสือกับวัวไม่ควรอยู่ใกล้กัน จึงได้เอ่ยถามและได้ความมาว่า
ที่ลูกเสือกับลูกโคมาอยู่ด้วยกันฉันพี่น้องนั้น ลูกเสือบอกกับฤๅษีว่า
วันหนึ่งแม้ของมันออกไปล่าสัตว์ในป่าปล่อยให้มันต้องหิวโหย
บังเอิญมีแม่โคกับลูกโคได้ผ่านมา มันจึงได้ขอกินนมจากแม่วัวแต่แม่วัวได้ปฏิเสธ
ลูกโคจึงได้บอกกับแม่วัวว่า ถ้าแม่โคไม่มึความเมตตาจักเป็นบาปแก่ตน และได้กล่าวอ้อนวอนแม่โค
หลังจากแม่โคให้นมเสร็จ ลูกเสือจึงได้เอ่ยปากชวนแม่โคกับลูกของมันมาอยู่ด้วยกันในป่าแห่งนั้น
และได้ทำสัตยาธิษฐานต่อเทวดาและเทพารักษ์ว่าถ้าคิดร้ายต่อแม่วัวและลูกของมัน ของให้ตัวลูกเสือเองมีอันเป็นไป
และได้ถือว่าแม่โคกับลูกเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แม่โคกับลูกก็ยินดีด้วยแต่ยังแคลงใจอยู่ว่าหากแม่เสือรู้เข้าจักเป็นภัยแก่ตัวเอง
แล้วลูกเสือก็ได้พาสองแม่ลูกไปซ่อนตัวอยู่ ณ ที่ไม่มีใครทราบ
พอถึงพลบค่ำ แม่เสือกลับมาจากการหากิน ลูกเสือได้ตรงเข้าไปต่อว่า และได้เล่าเรื่องคุณงามความดีของแม่โคที่ได้ให้นมกิน
และได้ขอร้องแม่ของมันว่าแม่จะรับปากมันไม่ให้ทำร้ายวัวทั้งสอง และแล้วแม่เสือตกลง
ลูกเสือจึงพาแม่ไปยังที่ซ่อน สองแม่ลูกเสือวัวก็ได้เป็นมิตรที่ดีต่อกัน ต่อมาแม่เสือลักลอบกินแม่วัว
เมื่อลูกเสือลูกวัวได้รู้ความจริงเข้าจึงเสียใจอย่างมาก ลูกเสือทำทีแสร้งออดอ้อนแม่ แล้วกัดคอทันทีที่แม่เสือเผลอ
ส่วนลูกโคก็ใช้เขาขวิดท้องจนแม่เสือตาย แล้วจึงออกเดินทางจนผ่านมาถึงอาศรมของฤๅษี
ฤๅษีได้ฟังความทั้งหมดแล้วก็เอ่ยชมถึงความมีกตัญญูของลูกเสือลูกวัว จึงได้ใช้มนตร์ชุบลูกวัวลูกเสือให้เป็นมนุษย์ และได้ให้ชื่อลูกเสือใหม่ว่า "พหลวิไชย" ส่วนลูกโคให้ชื่อ"คาวี"
|