ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดินโปเลียนที่ 1"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ "บรูแมร์" → "บรูว์แมร์" ด้วยสจห.
บรรทัด 76:
== ก่อรัฐประหาร ==
[[ไฟล์:Bonapatre et le consulat.jpg|280px|thumb|นโปเลียนก่อรัฐประหาร]]
{{บทความหลัก|รัฐประหาร 18 บรูแมร์บรูว์แมร์}}
เมื่อนายพลนโปเลียนเดินทางกลับมาถึงกรุงปารีส เขาได้เข้าพบปะสนทนากับ[[ตัลเลย์ร็อง]] ผู้ดำรงตำแหน่ง [[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ]] นักการเมืองผู้มีประสบการณ์ และผู้รู้เกมการเมืองเป็นอย่างดี เขาได้ช่วยเตรียมการก่อรัฐประหาร โค่นล้ม[[ระบอบปกครองโดยคณะมนตรี]] ที่กำลังอ่อนแอและประชาชนเกลียดชัง โดยการโน้มน้าวผู้แทนราษฎรเลือกรัฐบาลใหม่ บีบให้หัวหน้าคณะรัฐบาลเดิมลาออก แล้วเลือกหัวหน้ารัฐบาลใหม่เข้ามาแทน ประกอบด้วยบุคคลสามคนที่ปราศจากมลทิน อันได้แก่ [[เอ็มมานูเอล โฌแซฟ ซีแยส์]] [[โรเฌ่ร์ ดือโกส์]] (สมาชิก[[คณะมนตรีแห่งการปฏิวัติ]]สองในจำนวนทั้งหมดห้าคน) และนโปเลียน ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจ ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ นับตั้งแต่เขายอมไปออกรบที่[[อียิปต์]] และกลับมาในฐานะวีรบุรุษ วัตถุประสงค์ของการก่อรัฐประหารครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้ฝ่ายปฏิรูปหัวก้าวหน้า (ที่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตรงข้ามกับพวกจาโคบังที่ยึดติดกับระบอบกษัตริย์) ว่าจะยังรักษาความมั่งคั่งไว้ได้ต่อไป และนโปเลียนที่เชื่อในระบอบสาธารณรัฐยอมก็เสี่ยงกับแผนการดังกล่าว เพราะมีกระแสจะนำ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 18 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าหลุยส์ที่ 18]] มาขึ้นครองราชย์และฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ ซึ่งหมายความว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ผ่านมานั้นไร้ผล
 
หลังจากที่ฝ่ายปฏิรูปหัวก้าวหน้าสามารถโน้มน้าวให้[[วุฒิสภา]]เห็นชอบกับการล้มล้าง[[ระบอบปกครองโดยคณะมนตรี]]ได้แล้ว แผนการของการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ [[9 พฤศจิกายน|18 เดือนบรูแมร์บรูว์แมร์]] [[พ.ศ. 2342]] (ค.ศ. 1799) (ตาม[[ระบบปฏิทินของสาธารณรัฐฝรั่งเศส]]) ประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ นโปเลียนจะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อรักษาความสงบในกรุงปารีสและใน[[รัฐสภา]] จากนั้นจึงจัดการโยกย้ายที่ทำการ[[รัฐสภา]]ไปยังเมือง[[แซงต์-กลูด์]] เพื่อไม่ให้เกิดการจลาจลในกรุงปารีสขณะก่อรัฐประหาร และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยอ้างเหตุผลว่าลัทธิ[[ฌาโกแบง]]กำลังเสี่ยงต่อภัยคุกคามถึงขั้นถูกล้มล้างได้ ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น นับตั้งแต่[[พ.ศ. 2332]] (ค.ศ. 1789) เป็นต้นมา รัฐสภาก็ถูกประชาชนชาวปารีสคุกคามมาโดยตลอด
 
เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในวันที่ [[10 พฤศจิกายน|19 เดือนบรูแมร์บรูว์แมร์]] ที่เมือง[[แซงต์-กลูด์]] ฝ่ายปฏิรูปหัวก้าวหน้าได้เตรียมการเกลี้ยกล่อมให้[[คณะมนตรีแห่งการปฏิวัติ]]ห้าคน ยกขบวนลาออกจากรัฐสภาแห่งชาติ รวมทั้งให้[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติห้าร้อยคน]]เลือกรัฐบาลใหม่ แต่แผนการดำเนินไปอย่างล่าช้าเนื่องจากแนวคิดนี้ไม่ได้รับฉันทามติจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะพวก[[ฌาโกแบง]]สองคนไม่ยอมลาออก นโปเลียนเฝ้ารอและตัดสินใจเข้าแทรกแซงในที่สุด
 
เขาได้นำกำลังทหารเข้าไปในห้องประชุมสมาชิก[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติห้าร้อยคน]] ที่กำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน และได้พยายามพูดโน้มน้าวให้สภาดังกล่าวยอมรับการโค่นล้มระบอบปกครองโดยมุขมนตรี แต่ไม่มีผู้แทนคนใดยอมรับฟัง การเข้าแทรกแซงดังกล่าวทำให้นโปเลียนถูกบังคับให้ลาออกจากรัฐสภาแห่งชาติ แต่สถานการณ์กลับตาลปัตรเมื่อมีผู้พยายามลอบแทงนโปเลียนในห้องประชุมสภา ฝ่ายได้เปรียบกลายเป็นฝ่ายนโปเลียนและ[[ลูเซียน โบนาปาร์ต]] น้องชายของนโปเลียนผู้ซึ่งเป็นผู้กุมบังเหียนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติห้าร้อยคนเอาไว้ ลูเซียนต้องการช่วยนโปเลียนจากสถานการณ์คับขัน จึงจัดการให้มีผู้ลอบแทงนโปเลียนเพื่อหาความชอบธรรมให้กองทัพเข้าแทรกแซง ภาพของผู้แทนที่โผล่มาจากทางหน้าต่างเพื่อลอบแทงนโปเลียนแพร่กระจายไปทั่ว นโปเลียนเป็นผู้ได้เปรียบในสถานการณ์นี้อย่างมาก เขาอ้างว่าถูกสมาชิกรัฐสภาใส่ร้ายว่าจะก่อรัฐประหารและเกือบจะถูกลอบสังหาร ทำให้เขาสามารถนำกองทัพเข้าบุกรัฐสภาที่เมืองแซงต์-กลูด และก่อรัฐประหารได้สำเร็จในที่สุด
 
แม้จะก่อรัฐประหารสำเร็จ แต่นโปเลียนก็ยังยึดติดกับรูปแบบการปกครองโดยกระบวนการทางกฎหมายอยู่ ในคืนวันที่ [[10 พฤศจิกายน|19 เดือนบรูแมร์บรูว์แมร์]] หลังก่อรัฐประหารสำเร็จ คณะผู้แทนยังคงอยู่ที่[[แซงต์-กลูด]]เพื่อลงมติเสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการสองชุดในการเตรียมร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แสดงให้เห็นได้ว่า นโปเลียนต้องการผลักดันให้มีระบอบการปกครอง ที่กิจการต่าง ๆ ของรัฐผ่านการลงมติจากคณะผู้แทนราษฎร
 
วันที่ [[11 พฤศจิกายน|20 เดือนบรูแมร์บรูว์แมร์]] [[กงสุล]]สามคนได้รับการแต่งตั้งให้บริหารประเทศ ได้แก่ นโปเลียน, [[เอ็มมานูเอล โฌแซฟ ซีแยส์]] และ[[โรเฌ่ร์ ดือโกส์]] นับเป็นจุดเริ่มต้นระบบการปกครองโดย[[คณะกงสุล]]
 
นโปเลียนได้ประกาศว่า ''"ประชาชนทั้งหลาย...การปฏิวัติยังคงยึดมั่นบนหลักการเดียวกันกับเมื่อมันได้เริ่มต้นขึ้น นั่นคือ การปฏิวัติสิ้นสุดลงแล้ว"''' "Citoyen,la Révolution est fixée aux principe qui l'avait commencée elle est finie!"''' '' ระบอบกงสุลได้ถูกจัดตั้งขึ้น เป็นระบอบการปกครองที่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือกงสุลสามคน ซึ่งอันที่จริงแล้ว มีเพียงกงสุลเอกเท่านั้นที่กุมอำนาจไว้อย่างแท้จริง ฝรั่งเศสเตรียมเข้าสู่ยุคใหม่ที่ประชาชนในชาติจะต้องฝากชะตาไว้ในมือของจักรพรรดิ