ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เดวิด โบอี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 29:
ถึงแม้ว่าจะออกผลงาน[[อัลบั้ม]]และ[[ซิงเกิล]]มามากมายในช่วงแรก ๆ เดวิด โบอีก็มาสะดุดหูสะดุดตาสู่สาธารณะครั้งแรกใน[[ฤดูใบไม้ร่วง]]ในปี 1969 เมื่อซิงเกิล "[[Space Oddity]]" ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก[[โครงการอะพอลโล]] ขึ้นชาร์ทซิงเกิลในสหราชอาณาจักรติดท็อป 5 หลังจากนั้นในช่วงเวลา 3 ปีที่เขาทดลองงานใหม่ ๆ เขาออกผลงานอีกครั้งในปี 1972 ในช่วงของเพลง[[แกลมร็อก]] กับอัลบั้มแห่งสีสัน ''Ziggy Stardust'' มีซิงเกิลฮิต "Starman" และอัลบั้ม ''The Rise and Fall of Ziggy Stardust and the Spiders from Mars''
 
ในปี 1975 โบอีประสบความสำเร็จครั้งแรกทางฝั่ง[[อเมริกา]] กับซิงเกิลอันดับ 1 "Fame" จากอัลบั้มฮิต ''Young Americans'' ที่เขาอธิบายว่าเป็นแนว "พลาสติกโซล" มีดนตรีเปลี่ยนแปลงครั?้งครั้งใหญ่ที่เมินกลุ่มผู้ชื่นชอบในสหราชอาณาจักร<ref>Carr & Murray (1981): pp.68-74</ref> เขาทั้งสับสนในความคาดหวังจาก[[ค่ายเพลง]]และกลุ่มคนฟังในอังกฤษ ในการทำผลงานเพลงในแบบน้อยชิ้น ในชุด ''Low'' ที่ผลงานที่ร่วมกับ[[ไบรอัน อีโน]] (ต่อมาร่วมงานกัน 3 ชุด) ผลงานทดลองของเขาที่เป็นที่ถกเถียงกันที่เรียกกันว่า "Berlin Trilogy" อันประกอบด้วยอัลบั้ม Low, ''"Heroes"'' และ ''Lodger'' ทั้ง 3 อัลบั้มติดท็อป 5 ในสหราชอาณาจักร
 
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรด้านยอดขายในปลายยุค 1970 โบอีมีซิงเกิลอันดับ 1 ใน[[สหราชอาณาจักร]]ในปี 1980 กับซิงเกิล "Ashes to Ashes" ที่บรรจุอยู่ในอัลบั้ม '' Scary Monsters (and Super Creeps)'' เขาร่วมกับ''ควีน'' ในซิงเกิลอันดับ 1 "Under Pressure" และออกอัลบั้มในปี 1983 ชุด ''Let's Dance'' ที่มีซิงเกิลฮิต "Let's Dance", "China Girl", และ "Modern Love"