ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นโปเลียนที่ 2"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 46:
เชื้อพระวงศ์โบนาปาร์ตพระองค์ต่อมาที่ได้ขึ้นเสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ปกครองฝรั่งเศสก็คือเจ้าชายหลุยส์-นโปเลียน พระราชโอรสใน[[หลุยส์ โบนาปาร์ต|พระเจ้าหลุยส์ที่ 1 แห่งฮอลล์แลนด์]] พระอนุชาในจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2395 โดยใช้พระนามว่า [[จักรพรรดินโปเลียนที่ 3]]
<!--▼
===พระชนม์ชีพในออสเตรีย===
ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ. 2357 เป็นต้นมา เจ้าชายนโปเลียนทรงใช้พระชนม์ชีพอยู่ในออสเตรียและทรงเป็นที่รู้จักในพระนาม "ฟรันซ์" ซึ่งเป็นชื่อที่ทรงได้รับมาเป็นชื่อที่สอง ในปี พ.ศ. 2361 ทรงได้รับสถาปนาพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งไรช์ชตัดท์ ซึงเป็นอิสริยยศที่ได้รับสืบทอดมาจากพระราชอัยกา (ตา) ฝ่ายพระราชมารดา [[จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1]] เจ้าชายนโปเลียนทรงได้รับการศึกษาจากครูผู้สอนจากกองทัพ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2363 เจ้าชายนโปเลียนทรงสำเร็จการศึกษาในชั้นประถมศึกษาและเริ่มเข้ารับการฝึกทางทหาร ทรงเรียนรู้[[ภาษาเยอรมัน]] [[ภาษาอิตาลี]] และ[[คณิตศาสตร์]] เช่นเกียวกับการฝึกทางกายภาพขั้นสูง และในปี พ.ศ. 2366 ทรงเข้ารับราชการทหารอย่างเป็นทางการด้วยวัย 12 ชันษา หลังจากที่ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักเรียนายร้อยทหารแห่งกองทัพออสเตรีย ซึ่งจากคำบอกเล่าของคณาจารย์ผู้ฝึกสอน พระองค์ทรงมีบุคคลิกที่เฉลียวฉลาด จริงจัง และมุ่งมั่น นอกจากนี้ยังทรงมีรูปร่างที่สูงใหญ่ ด้วยวัย 17 พรรษา ทรงสูงเกือบ {{convert|6|ft|cm}}
ทั้งนี้พระกรณียกิจด้านการทหารของพระองค์สร้างความกังวลและความชื่นชมแก่บรรดาพระมหากษัตริย์ในทวีปยุโรปรวมถึงผู้นำของฝรั่งเศส และยังเปิดโอกาสความเป็นไปได้ว่าพระองค์จะนิวัติกลับสู่ฝรั่งเศสอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทรงไม่ได้รับพระราชานุญาตให้ข้องเกี่ยวกับการเมือง แต่ทรงถูกเสนาบดีแห่งจักรวรรดิ (ตำแหน่งเทียบเท่านายกรัฐมนตรี) เคลเมินส์ ฟอน เมทเทอร์นิช ใช้พระองค์เป็นข้อต่อรองกับฝรั่งเศสเพื่อความได้เปรียบของออสเตรียแทน เมทเทอร์นิชเกรงกลัวว่าเชื้อพระวงศ์โบนาปาร์ตจะกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง ถึงขนาดที่ว่าไม่อนุญาตให้เจ้าชายนโปเลียนได้มีโอกาสเปลี่ยนที่ประทับไปยังภูมิภาคที่มีสภาพอากาศอบอุ่นกว่าอย่าง[[อิตาลี]]เลย นอกจากนี้พระอัยกาของพระองค์ยังทรงปฏิเสธคำกราบบังคมทูลขอพระราชานุญาตไปปฏิบัติกรณียกิจด้านการทหารเพื่อร่วมปราบปรามกลุ่มกบฏในอิตาลีอีกด้วย<ref>[http://www.biography.com/people/napoleon-ii-21272987#life-in-austria ''Napoleon II Biography'']</ref>
[[ไฟล์:Herzog von Reichstadt auf dem Totenbett.jpg|thumb|left|242px|Portrait on his death bed, engraved by [[Franz Xaver Stöber]]]]▼
จากการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาบุญธรรม นายพลอาดัม อัลเบิร์ท ฟอน ไนพ์แพร์ก และการเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่าพระมารดาของพระองค์มีพระบุตรก่อนการเสกสมรสซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายกับเจ้าชายอาดัม 2 พระองค์ เจ้าชายนโปเลียนจึงทรงห่างเหินกับพระมารดามากขึ้นเรื่อย ๆ และทรงรู้สึกว่าพระราชวงส์ออสเตรียของพระองค์กำลังยื้อยุดพระองค์เอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งนี้พระองค์ได้ตรัสกับพระสหาย นายพลอันทอน ฟอน พรอเคช-โอสเทิน ว่า "ถ้าหาก[[โฌเซฟีน เดอ โบอาร์แน|พระนางโฌเซฟีน]]เป็นพระราชมารดาของเรา พระราชบิดาก็คงจะไม่ต้องถูกฝัง ณ เกาะ[[เซนต์เฮเลนา]] และเราก็คงไม่ต้องประทับอยู่ที่เวียนนา พระราชมารดาของเรา (พระนางมารี หลุยส์) มีพระจริยวัตรที่เมตตาแต่อ่อนแอ พระนางทรงมิใช่พระชายาอันคู่ควรของพระราชบิดา"<ref>Markham, Felix, ''Napoleon'', p. 249</ref>
▲<!--
▲[[ไฟล์:Herzog von Reichstadt auf dem Totenbett.jpg|thumb|
[[File:Napoleon II Tomb.jpg|thumb|right|250px|Tomb of Napoleon II at [[Les Invalides]], Paris]]
In 1831, Franz was given command of an Austrian battalion, but he never got the chance to serve in any meaningful capacity. In 1832, he caught [[pneumonia]] and was bedridden for several months. His poor health eventually overtook him and on July 22, 1832, Franz died of [[tuberculosis]] at [[Schönbrunn Palace]] in [[Vienna]].<ref>Altman, Gail S. Fatal Links: The Curious Deaths of Beethoven and the Two Napoleons (Paperback). Anubian Press (September 1999). ISBN 1-888071-02-8</ref> He left no issue, thus the Napoleonic claim to the throne of France was taken over by his cousin, Louis-Napoléon Bonaparte, who later successfully restored the empire as [[Napoleon III]].
|