ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหม เวชกร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 22:
เหม เวชกร เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2446 ที่ตำบลพระราชวัง อำเภอและจังหวัดพระนคร เป็นบุตรของ[[หม่อมราชวงศ์หุ่น ทินกร]] กับ[[หม่อมหลวงสำริด พึ่งบุญ]] ครั้นพ่อกับแม่แยกทางกันจึงไปอยู่กับ[[หม่อมราชวงศ์แดง ทินกร]] ผู้เป็นลุง ทำให้มีโอกาสพบและเป็นผู้ช่วยให้กับ [[คาร์โล ริโกลี]] จิตรกรชาวอิตาเลียน ที่เขียนภาพบนเพดานโดมใน[[พระที่นั่งอนันตสมาคม]] และเป็นคนสอนให้หัดวาดเส้น และลวดลายต่างๆ จิตรกรชาวอิตาเลียนรู้สึกชอบพอในอัธยาศัยและฝีมือของเหมมาก ถึงขนาดชักชวนให้ไปเรียนต่อทางศิลปะที่อิตาลี โดยคุณลุงผู้อุปการะในเวลานั้นได้ตอบอนุญาตแล้ว แต่เมื่อความรู้ถึงบิดา กลับให้คนมาลักพาตัวไปเสียก่อนถึงวันเดินทาง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาไม่ได้พบหน้า ม.ร.ว.แดง ผู้เป็นลุงอีกเลย
 
ชีวิตในวัยรุ่นของเขา นับเป็นช่วงเวลาที่ตกยากที่สุด ทั้งพ่อและแม่ ที่ต่างผลัดกันแย่งยื้อตัวเขาไว้ ก็ไม่มีใครได้เลี้ยงดูจริงจัง ตามประวัติกล่าวว่าเขาเคยเรียนที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ และอัสสัมชันอัสสัมชัญ แต่ก็คงได้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ จากนั้นเหมต้องกลายเป็นคนซัดเซพเนจรไปหลายที่ แม้แต่นามสกุล "เวชกร" ที่ใช้มาตลอดชีวิต ก็เป็นนามสกุลของครอบครัวขุนประสิทธิ์เวชกร (แหยม เวชกร) อดีตแพทย์ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเคยให้การอุปถัมภ์เขาไว้ครั้งหนึ่ง<ref>http://http://www.sarakadee.com/feature/2000/10/hem.htm</ref>
ช่วงที่ชีวิตผกผัน เหม เวชกร ต้องเร่ร่อนไปทำงานหลายอย่าง นับแต่เป็นนายท้ายเรือโยงขึ้นล่องแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นช่าง[[เครื่องจักรไอน้ำ]] แล้วผันตัวไปเป็นช่างเครื่องในงานสร้าง[[เขื่อนพระรามหก]] เมื่อเข้ากรุงเทพมาเป็นช่างเขียนในกรมตำราทหารบก กระทรวงกลาโหม และพร้อมกับมีอาชีพเสริมด้วยการเล่นดนตรีไทย งานเล่นดนตรีคลอประกอบการฉายหนังเงียบในโรงภาพยนตร์ แต่ต่ออาชีพนักดนตรีเริ่มฝืดเคือง เริ่มงานเขียนปกนวนิยาย เป็นงานหลักหาเลี้ยงชีพ ปลายปี [[พ.ศ. 2478]] เหม เวชกรและเพื่อนได้ร่วมกันเปิดสำนักพิมพ์ ‘เพลินจิตต์’ พิมพ์นิยายราคาถูก ปกเป็นภาพเขียนฝีมือของเหม พิมพ์สอดสีสวยงาม ราคา 10 สตางค์