การมาถึงของเครื่องซูเปอร์นินเทนโดก่อให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างนินเทนโดและเซก้า ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นสงครามคอนโซลที่ดุเดือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมเกมส์เกมคอนโซล เซก้าได้เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นโดยมุ่งหมายให้เครื่องเมกะไดรฟ์ของตนมีเกมส์เกมที่เจาะกลุ่มตลาดที่เป็นผู้ใหญ่กว่า และดีไซน์และเน้นความ"เท่ห์" ยอดขายของเครื่องซูเปอร์นินเทนโดและเมกะไดรฟ์เสมอกันในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1992 <ref>[http://archive.is/20120604150552/findarticles.com/p/articles/mi_m3092/is_n11_v31/ai_12243994 16-bit games take a bite out of sales - computer games]</ref> โดยที่ไม่มีใครเป็นผู้นำตลาดอย่างถาวรเป็นเวลาหลายปี จนในที่สุดนินเทนโดก็เป็นผู้ชนะ สามารถครอบครองตลาดเครื่องเกมคอนโซลของประเทศสหรัฐอเมริกาไว้ได้<ref>[http://www.pcworld.com/printable/article/id,128295/printable.html A Brief History of Game Consoles]</ref>
== SNES-CD ==
เมื่อยุคของสื่อบันทึกข้อมูลด้วย CD-ROM มาถึง ทางนินเทนโดได้ให้ความสนใจกับสื่อบันทึกชนิดใหม่นี้ จนเมื่อบริษัทคู่แข่งอย่างเซก้า ได้ออกอุปกรณ์เสริมที่ทำให้เครื่องเมกะไดรฟ์เล่นเกมส์เกมจากCDได้ที่ชื่อ SEGA-CD ขึ้นมา ทางนินเทนโดจึงมีความต้องการพัฒนาอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่น CD ของตนขึ้นมาบ้าง ทางนินเทนโดได้ติดต่อกับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำอย่าง[[โซนี่]]และฟิลิปในการร่วมทุนกันพัฒนาอุปกรณ์เสริมดังกล่าว แต่การร่วมทุนพัฒนากับทั้ง 2 บริษัทต่างก็ประสบความล้มเหลวทั้งคู่ นินเทนโดจึงจึงหันไปทุ่มเทความสนใจให้กับการพัฒนาเครื่องเกมส์เกมรุ่นใหม่ที่ใช้ตลับอย่างเครื่อง[[นินเทนโด 64]]แทน แต่การเข้าร่วมทุนพัฒนาที่ไม่สำเร็จนี้ได้เป็นจุดกำเนิดเครื่องเกมส์เกมคอนโซลยุคใหม่ 2 เครื่อง บริษัทโซนี่ได้เอาสิ่งที่เหลือจากการพัฒนาที่ล้มเหลวมาพัฒนาต่อเป็นเครื่อง[[เพลย์สเตชัน]] ส่วนทางฟิลิปก็ได้พัฒนาเครื่อง [[CD-I]] ขึ้นมา<ref>[http://www.n-sider.com/contentview.php?contentid=231 Sony to Play Games]</ref>