ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อ็องรี มาติส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 22:
===อิทธิพล===
ต่อมาในปี ค.ศ.1897 มาติสเริ่มต้นศึกษาแนวคิดของศิลปินสมัยลัทธิประทับใจ [[พอล เซซาน]]เป็นศิลปินที่อิทธิพลต่อมาติสอย่างมาก โดยเขายกย่องว่าผลงานของเซซานมีความโดดเด่นโดยเฉพาะเรื่องของการใช้สี ซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดมวลปริมาตรที่มีความหนาแน่น โดยมาติสได้เขียนไว้ในบันทึกใจความว่า “ผลงานของเซซานอยู่บนรากฐานในพลังของเส้นและสี” นอกจากเซซานแล้วยังมีศิลปินกลุ่มอื่นที่เขาให้ความสนใจได้แก่ กลุ่มนีโอ-ลัทธิประทับใจ ศิลปินคนสำคัญในยุคนี้เช่น โกแกงและซีญัค มาติสกล่าวว่า “กลุ่มนีโอ-ลัทธิประทับใจในกรรมวิธีการแต้มสีเป็นจุด เท่ากับเป็นการทำลายเอกภาพของสี เขาต้องการสร้างงานศิลปะให้มีการเคลื่อนไหว ไม่ใช่ดูนิ่งเหมือนพวกลัทธิประทับใจได้กระทำ และไม่ได้เป็นเครื่องบันทึกธรรมชาติที่ผ่านไปเฉยๆเฉย ๆดังเช่นที่ศิลปินลัทธิประทับใจทำ” บันทึกที่กล่าวมาล้วนอยู่ในบทความเรื่อง ‘คำให้การของจิตรกร’ ซึ่งมาติสตีพิมพ์ในวารสารเลอกรังค์รีวิวเมื่อปี ค.ศ.1908
 
ภายหลังในปี ค.ศ.1899 มาติสได้พบเดอแรงและวลามิงค์ ซึ่งเป็นศิลปินที่นำไปสู่การเกิดกลุ่ม
บรรทัด 34:
[[ไฟล์:Henri matisse.jpg|left|thumb|ภาพเหมือนตนเองในเสื้อลายทาง (ค.ศ. 1906)]]
====แนวคิดของศิลปินคติโฟวิสต์===
กลุ่มคติโฟวิสต์เชื่อว่าศิลปะสร้างผลงงานโดยการแสดงออกถึงความรู้สึกภายในด้วยเส้นและสี สามารถแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการแสดงออกถึงอารมณ์ของศิลปิน โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งที่ตาเห็น แต่คำนึงถึงความรู้สึกและประสบการณ์ของศิลปินที่เกิดขึ้นโดยตรง ซึ่งเป็นการคัดค้านตอบโต้แนวความคิดของกลุ่มอิมเพลสชันนิสต์ ซึ่งวาดตามสิ่งที่ตาเห็น แต่สิ่งที่ศิลปินกลุ่มคติโฟวิสต์นั้นได้สร้างผลงานจิตรกรรมแนวใหม่ขึ้นมา คือ มีรูปทรงอิสระ ใช้สีที่ตัดกันรุนแรง พวกเขาสร้างขึ้นตามสัญชาตญาณแห่งการแสดงออกอย่างเต็มที่ ผลงานที่ปรากฏจะให้ความรู้สึกสนุกสนานในลีลาของรอยแปรง จังหวะของสิ่งต่างๆต่าง ๆ มีอารมณ์จินตนาการและภาพลักษณ์แปลกแยกออกไปจากการวาดของพวกอิมเพลสชันนิสต์ ซึ่งจะเล่นแต่เรื่องของสี แสง และบรรยากาศตามสภาพที่เป็นอยู่ในธรรมชาติ กลุ่มคติโฟวิสต์ได้นำลีลาของเส้นมาสังเคราะห์ใช้ใหม่ เช่นการตัดเส้นรอบนอกของสิ่งต่างๆต่าง ๆ เพื่อเน้นให้เด่นชัดดัดแปลงรูปทรงที่ไม่จำเป็นให้มีรูปแบบเรียบง่าย ต้องการแสดงทั้งรูปทรงและแสงไปพร้อมๆพร้อม ๆ กัน สีที่จิตรกรกลุ่มนี้นิยมใช้เป็นอย่างมาก ได้แก่ สีเขียว สีส้ม สีน้ำเงิน สีแดงของอิฐ และสีม่วง พวกเขาใช้สีดังกล่าวนี้ให้ตัดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่ประสานกันได้อย่างเป็นเอกภาพ ผลที่ออกมาของภาพบางภาพดูนุ่มนวลและเด่นชัด แนวคิดของกลุ่มคติโฟวิสต์นี้ จังหวะและลีลาของสีนั้นจะทำหน้าที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด สีจะมีความสำคัญมากกว่าเรื่องของวิชาทัศนียภาพและเรื่องรูปทรง
จิตรกรคนสำคัญอื่นๆ ของลัทธิคติโฟวิสต์ได้แก่ โมรีซ วลามิงค์(Maurice Vlaminck), อังเดร เดอแรง(Andre Derain), ยอร์จ รูโอลท์(Georges Roualt) เป็นต้น
ความเคลื่อนไหวของศิลปินกลุ่มคติโฟวิสต์เกิดขึ้นและหมดความนิยมลงในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ผลของความคิดนี้กลับไปผูกพันคล้ายคลึงกับคตินิยมทางศิลปะอีกแบบหนึ่งซึ่งเรียกว่า เอกซเพรสชันนิสม์หรือกลุ่มสำแดงอารมณ์ ซึ่งเจริญในประเทศ[[เยอรมนี]] และต่อมาทั้งสองกลุ่มนี้กลายเป็นต้นเค้าทำให้เกิดศิลปะกลุ่มนิยมนามธรรมไปในที่สุด
จิตรกรคนสำคัญอื่นๆอื่น ๆ ของลัทธิคติโฟวิสต์ได้แก่ โมรีซ วลามิงค์ (Maurice Vlaminck), อังเดรอ็องเดร เดอแรงอแร็ง (Andre Derain), ยอร์จฌอร์ฌ รูโอลท์โอ (Georges RoualtRouault) เป็นต้น
ความเคลื่อนไหวของศิลปินกลุ่มคติโฟวิสต์เกิดขึ้นและหมดความนิยมลงในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ผลของความคิดนี้กลับไปผูกพันคล้ายคลึงกับคตินิยมทางศิลปะอีกแบบหนึ่งซึ่งเรียกว่า เอกซเพรสชันนิสม์หรือกลุ่มสำแดงพลังอารมณ์ ซึ่งเจริญในประเทศ[[เยอรมนี]] และต่อมาทั้งสองกลุ่มนี้กลายเป็นต้นเค้าทำให้เกิดศิลปะกลุ่มนิยมนามธรรมไปในที่สุด
===ผลงาน===
====ด้านจิตรกรรม===
ในด้านงานจิตรกรรมมาติสได้ผลิตงานออกมาเรื่อยๆเรื่อย ๆ งานของเขาถือเป็นผู้นำของการเคลื่อนไหวทางศิลปะในลักษณะ Fauvistโฟวิสต์ เขามีนิทรรศการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1901 และมีนิทรรศการเดี่ยวในปีค.ศ. 1904 การใช้สีสันสดใสชัดเจนของเขาโดดเด่นจนเป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด
การเสื่อมลงของการเคลื่อนไหวทางศิลปะในลักษณะ Fauvist ในปีค.ศ. 1906 มิได้มีผลกับชื่อเสียงของมาติส งานของเขาก้าวหน้าไปไกลกว่าและผลงานชั้นดีที่เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1901 ถึง ค.ศ. 1912
เส้น 55 ⟶ 52:
มาติส ประสบความสำเร็จในชั่วชีวิตเขาในฐานะจิตรกร ประติมากร และช่างพิมพ์ ปัจจุบันภาพเขียนของมาติส มีค่าสูงถึง 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2002 ประติมากรรม Reclining Nude I (Dawn) ของเขาขายได้ 9.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติที่สูงสำหรับ ประติมากรรมของศิลปินคนหนึ่ง
 
มาติสเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ที่เมืองนิส ประเทศเทศฝรั่งเศส
==อ้างอิง==