ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เฟรเดริก ชอแป็ง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ "โชแปง" → "ชอแป็ง" ด้วยสจห.
แก้ไขตัวสะกด และย่อความ
บรรทัด 2:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
[[ไฟล์:Chopin, by Wodzinska.JPG|thumb|250px|เฟรเดริก ชอแป็ง]]
'''เฟรเดริก ฟร็องซัว ชอแป็งโชแป็ง''' ({{lang-fr|Frédéric François Chopin}}, {{IPA-fr|​ʃɔ.pɛ̃|pron}}) หรือ '''ฟรือแดรึก ฟรันต์ซีเชก ชอแป็งโชแป็ง''' ({{lang-pl|Fryderyk Franciszek Chopin บางครั้งสะกดว่า Szopen}}) เป็นคีตกวีชาว[[โปแลนด์]] เกิดเมื่อวันที่ [[1 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2353]] (ค.ศ. 1810) เสียชีวิตเมื่อวันที่ [[17 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2392]] (ค.ศ. 1849) จากวัณโรคที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ชื่อที่บิดามารดาของเขาตั้งให้คือ "Fryderyk Franciszek Chopin" ต่อมาได้หันมาใช้ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสเมื่อเขาได้ตัดสินใจจากประเทศบ้านเกิดเป็นการถาวรเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุง[[ปารีส]] [[ประเทศฝรั่งเศส]]
 
== ประวัติ ==
ชอแป็งโชแป็งเกิดเมื่อวันที่ [[1 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2353]] (ตามบันทึกของสังฆมณฑลบอกว่าเป็นวันที่ 22 กุมภาพันธ์) ที่เมือง[[แชลาซอวาวอลา]] ({{lang|pl|Żelazowa Wola}}) ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศโปแลนด์ บิดาของเขาชื่อนีกอลา (Nicolas Chopin) เป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด พื้นเพมาจากเมืองมาแร็งวีล-ซูร์-มาดง (Marainville-sur-Madon) ใน[[แคว้นลอแรน]] มารดาเป็นชาวโปแลนด์ ชอแป็งโชแป็งเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุหกขวบ ([[พ.ศ. 2359]]) และแต่งเพลงแรกเมื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ ([[พ.ศ. 2360]]) และเปิดการแสดงต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่ออายุแปดขวบ ([[ค.ศ. 1818]]) ครูสอนดนตรีคนแรกของชอแป็งได้แก่โชแป็งได้แก่ [[วอยแชค ชึฟนือ]] ({{lang|pl|Wojciech Żywny}}) และหลังจากปี [[พ.ศ. 2369]] (ค.ศ. 1826) เขาได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนดนตรีแห่งกรุง[[วอร์ซอ]] ซึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดวิชาดนตรีจาก[[ยูแซฟ เอลส์เนอร์]] (Józef Elsner) เป็นหลัก
 
ในปี [[พ.ศ. 2373]] (ค.ศ. 1830) เขาได้จาก[[ประเทศโปแลนด์|โปแลนด์]]ประเทศบ้านเกิดเพื่อมาประกอบอาชีพนักดนตรีที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเขาได้ใช้ช่วงชีวิตที่เหลือพำนักอยู่ที่กรุงปารีสหรือไม่ก็ในบริเวณใกล้เคียง เขาตกหลุมรักสาวนางหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ ความรักที่เขามีต่อหล่อนเป็นแรงบันดาลใจในการประพันธ์เพลง "[[บัลลาด]]หมายเลข 1 โอปุสที่ 23" ที่แสนไพเราะ รวมถึงท่อนที่สองของ[[คอนแชร์โต]]หมายเลข 1 ระหว่างปี [[พ.ศ. 2381]] (ค.ศ. 1838) ถึง [[พ.ศ. 2390|2390]] (ค.ศ. 1847) เขาได้กลายเป็นชู้รักของ[[ฌอร์จ ซ็องด์]] (George Sand) นักประพันธ์นวนิยายชาวฝรั่งเศสผู้อื้อฉาว แต่ในที่สุดก็ได้แยกทางกันด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายเมื่ออาการป่วยของชอแป็งทรุดหนักโชแป็งทรุดหนัก ฉากหนึ่งของเรื่องราวความรักของคู่รักบันลือโลกที่ผู้คนจดจำได้ดีที่สุด เห็นจะได้แก่เหตุการณ์ในเกาะ[[มายอร์กา]] [[ประเทศสเปน]] ในช่วงที่ชอแป็งโชแป็งใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่อย่างอนาถในบ้านชาวนาโดยปราศจากเครื่องทำความร้อน บทเพลงเขาได้ประพันธ์ระหว่างช่วงเวลาอันน่าสังเวชนี้ได้แก่[[พรีลูด]] โอปุสที่ 28 อันพรรณนาถึงความสิ้นหวังของทั้งคู่ ช่วงเวลาดังกล่าวได้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพของชอแป็งโชแป็งที่ป่วยจากวัณโรคเรื้อรัง ทำให้เขาและฌอร์จ ซ็องด์ตัดสินใจเดินทางกลับกรุงปารีสเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เขารอดชีวิตมาได้ก็จริง แต่ก็ไม่หายขาดจากอาการป่วย จนกระทั่งจบชีวิตอย่างน่าสลดด้วยวัยเพียง 39 ปี
 
ชอแป็งสนิทกับโชแป็งสนิทกับ[[ฟรันซ์ฟรานซ์ ลิซท์]], [[วินเชนโซ เบลลีนี]] (ผู้ซึ่งศพถูกฝังอยู่ใกล้กับเขาที่[[สุสานแปร์ลาแชซ]]ในกรุงปารีส) และ[[เออแฌน เดอลาครัว]] เขายังเป็นเพื่อนกับคีตกวี[[แอ็กตอร์ แบร์ลีโยซแบร์ลิออซ]] และ[[โรแบร์ท ชูมันน์]] และแม้ว่าชอแป็งโชแป็งได้มอบบทเพลงเพลงบางบทเพื่ออุทิศให้เพื่อนนักประพันธ์ทั้งสองก็ตาม แต่เขาก็ไม่ค่อยประทับใจกับบทเพลงที่ทั้งสองแต่งขึ้นเท่าไรนัก เขาได้ขอร้องให้ร้องเพลงสวด[[เรเควียม]]ของ[[โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท|โมซาร์ท]]ในงานศพของเขา แต่เมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี [[พ.ศ. 2392]] (ค.ศ. 1849) พิธีศพที่จัดขึ้นที่โบสถ์ลามาดแลน (La Madeleine) ไม่ได้ราบเรียบเสียทีเดียว เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีการขออนุญาตให้ใช้วงประสานเสียงสตรีในการร้องเพลงสวด ข่าวอื้อฉาวดังกล่าวได้แพร่ออกไปส่งผลให้ต้องเลื่อนพิธีฝังศพออกไปอีกสองสัปดาห์ แต่ในที่สุดโบสถ์ก็ยอมรับคำขอดังกล่าว ทำให้คำขอร้องครั้งสุดท้ายของชอแป็งโชแป็งเป็นจริงขึ้นมา
 
ผลงานทุกชิ้นของชอแป็งโชแป็งเป็นผลงานชิ้นเอก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการเดี่ยวเปียโน งานประพันธ์ประเภทเรียบเรียงเสียงประสานมีเพียง[[คอนแชร์โต]]สองบท, [[ปอลอแนซ]] (polonaise) หนึ่งบท, [[รอนโด]] (rondo) หนึ่งบท และ[[วารียาซียง]] (variation) อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดบรรเลงด้วยเปียโนและวง[[ออร์เคสตรา]] เพลง[[เชมเบอร์มิวสิก]]มีเพียงห้าชิ้น ซึ่งสี่ชิ้นแรกแต่งไว้ตั้งแต่วัยเด็ก ชิ้นสุดท้ายเป็นโซนาตาสำหรับ[[เชลโล]]และเปียโน ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่เขานำออกแสดงต่อสาธารณชนร่วมกับ[[โอกุสต์ ฟร็องชอม]] (Auguste Franchomme) เพื่อนของเขาผู้เป็นนักเชลโลเลื่องชื่อ มิตรภาพได้ถูกถ่ายถอดมาเป็นความละเมียดละไมของเชลโล เนื่องจากเชมเบอร์มิวสิกของชอแป็งโชแป็งใช้เชลโลบรรเลงถึงสี่ในห้าชิ้นด้วยกัน
 
=== บทเพลงสำหรับบรรเลงเปียโน เรียงลำดับตามหมายเลขของโอปุส ===
บรรทัด 119:
* [[มาซูร์กา]] ในบันไดเสียง B (1832)
* [[มาซูร์กา]] ในบันไดเสียง D (1832)
* คอนแชร์โตกร็องด์ดูโอ สำหรับบทละครเรื่อง "Robert le Diable" ของไมเออแบร์ (Meyerbeer) สำหรับเชลโล และเปียโน ในบันไดเสียง E (1832/33)
* [[มาซูร์กา]] ในบันไดเสียง C (1833)
* [[กันตาบีเล]] ในบันไดเสียง B (1834)