ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แจ้ง คล้ายสีทอง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ ‘พัมนา’ ด้วย ‘พัฒนา’
Awksauce (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 55:
==== วัยเด็กที่สุพรรณบุรี ====
 
นาย แจ้ง คล้ายสีทอง เกิดในตระกูลศิลปิน คุณตา เป็นนักสวดคฤหัสถ์ บิดาเป็นผู้แสดงโขน พากย์โขน และเป็นตลกโขนที่มีชื่อเสียงในคณะโขนวัดดอนกลาง จังหวัดสุพรรณบุรี มารดาเป็นนักร้องเพลงไทยเดิม และแม่เพลงพื้นบ้านผู้มีน้ำเสียงไพเราะยิ่ง รวมทั้งญาติพี่น้องอื่นๆอื่น ๆ ก็เป็นศิลปินพื้นบ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วยกันทั้งหมด นาย แจ้ง คล้ายสีทองติดตาม บิดา มารดา ไปตามงานแสดงต่างๆต่าง ๆ และเริ่มการแสดงตั้งแต่ยังเยาว์วัย
 
เมื่อถึงวัยศึกษาเล่าเรียน บิดาได้ส่งไปเป็นลูกศิษย์คุณตาที่วัดโบสถ์ดอนลำแพน และเรียนหนังสือจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ของโรงเรียนในขณะนั้น เมื่อบิดาถึงแก่กรรม มารดาได้กลับมาอยู่ที่บ้านเดิม ต่อมาเมื่ออายุ 11 ปี นายแคล้ว คล้ายจินดา ครูดนตรีไทย เจ้าของวงดนตรีปี่พาทย์ ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำท่าจีน ได้มาติดต่อกับมารดาเพื่อจะขอรับนายแจ้ง คล้ายสีทอง ไปเป็นลูกศิษย์เพราะเห็นว่ามีชอบและพรสวรรค์ด้านดนตรีไทย นายแจ้งเล่าว่า"ครูแคล้วเขาเห็นเวลามีปี่พาทย์ ฉันจะนั่งหลังวงดูเขาตีบรรเลง พอกลับบ้านก็หากะลามาทำเป็นวงฆ้องเคาะไปเรื่อย"
 
นายแจ้งได้ย้าย ไปอยู่ที่บ้านนายแคล้ว คล้ายจินดา เพื่อจะได้มีเวลาเรียนดนตรีอย่างเต็มที่ เริ่มแรกได้ฝึกเรียนฆ้องวง ต่อมาได้ฝึกเรียนเครื่องดนตรีอื่นๆอื่น ๆ จนสามารถบรรเลงได้ทุกชนิด ต่อมา ในวงดนตรีของ นายแคล้ว ขาดนักร้อง เด็กชายแจ้งจึงมีโอกาสได้เริ่มฝึกหัดขับร้องเพลงกับ นายเฉลิม คล้ายจินดา ซึ่งเป็นบุตรชายของนายแคล้ว โดยเริ่มจากเพลง 2 ชั้น และเพลงตับราชาธิราช [ ตอนสมิงพระรามหนี ] เมื่อนายแจ้ง อายุได้ 14 ปี มารดาก็ตามกลับบ้าน อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังติดต่อและร่วมงานกับนายแคล้ว อยู่เป็นประจำ และได้เป็นนักร้องวงดนตรีของนายแคล้ว โดยเป็นนักร้องที่อายุน้อยกว่านักร้องท่านอื่นๆอื่น ๆ ในสมัยเดียวกัน ซึ่งอยุ่ในวัยเดียวกันกับมารดา การร้องเพลงในสมัยก่อนนั้นนายแจ้งค่าตัว 6 สลึง ผู้ใหญ่ได้ค่าตัว 2 บาท แต่นายแจ้งมักได้รางวัลจากคนดูต่างหาก เสร็จงานแล้วบางคืนได้ถึง 30-40 บาท ซึ่งในสมัยนั้นทองราคาเพียงบาทละ 600 บาท
 
==== เริ่มเข้ากรุงเทพ ====
เมื่อนายแจ้งอายุได้ 16 ปี ได้ติดตามนายสนิท โพธิ์หิรัญ บิดาของภรรยาเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เพราะทำนาแล้วล้มๆล้ม ลุกๆๆ ลุก ๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ก็ได้มาทำงานในคลังแสง กองยกกระบัตร สะพานแดง บางซื่อ ซึ่งการทำงานครั้งนั้นต้อง งดรับงานร้องเพลงและงานบรรเลงดนตรีทั้งหมด แต่ก็ได้มีโอกาสต่อเพลง "ต้นวรเชษฐ์" กับครูดนตรี แต่ต่อได้ท่อนเดียว
 
พออายุครบ 21 ปี นายแจ้ง คล้ายสีทอง เข้ารับการเกณฑ์ทหารและเข้าประจำการหน่วยเสนารักษ์ ไปเป็นทหารอีก 1 ปี 6 เดือน แถวๆแถว ๆ กองพันทหารราบ 11 ทำให้ห่างจากปี่พาทย์ไปเป็นปีๆปี ๆ นายแจ้งเล่าว่า ตอนนั้นยังไม่คิดถึงดนตรีปี่พาทย์ เพราะยังไม่เอาจริงเอาจัง ร้องเล่นๆเล่น ๆ เท่านั้น แต่ทำปี่พาทย์วิทยุด้วย ในระยะนั้นเมื่อมีเวลาว่างหรือได้ลาพักผ่อน ก็มักติดตามนายสืบสุด [ ไก่ ] ดุริยประณีต <ref>[http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=802BF7D&bid=198&qst=@1613, @1965, ^&lang=0&db=MUSIC&pat=%b4%d8%c3%d4%c2%bb%c3%d0%b3%d5%b5&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] [http://www.pantown.com/board.php?id=11604&area=1&name=board1&topic=198&action=view]</ref> และ จ.ส.อ.สมชาย [ หมัด ] บุตรชายนาย ชั้น ดุริยประณีต <ref>[http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dig&lang=0&db=MUSIC&pat=&cat=aut&skin=u&lpp=16&catop=&scid=zzz&ref=A:@73&nx=1] ไปในงานบรรเลงปี่พาทย์ของวงดุริยะประณีต หรือวงบ้านบางลำพู ของนาย ศุข [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=802BF7D&bid=168&qst=@1613, @1965, ^&lang=0&db=MUSIC&pat=%b4%d8%c3%d4%c2%bb%c3%d0%b3%d5%b5&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz]</ref> นางแถม ดุริยประณีต เป็นประจำ เมื่อผู้บรรเลงเครื่อง ดนตรีบางชิ้นว่างลงหรือไม่มา นายแจ้ง คล้ายสีทอง จะบรรเลงแทน และสามารถบรรเลงได้ดีทุกๆทุก ๆ หน้าที่ ตั้งแต่การบรรเลงเครื่องดนตรี ประกอบจังหวะจนถึงระนาดเอก และระนาดทุ้ม ในการบรรเลงแต่ละครั้งได้รับเงินค่าจ้างประมาณ 40-50 บาท เมื่อปลดประจำการเป็น ทหารกองหนุนแล้ว นายสืบสุด [ ไก่ ] ดุริยประณีต ได้ชักชวนให้เข้าเป็นนักดนตรีวงดุริยะประณีตหรือวงบ้านบางลำพู <ref>[http://www.oknation.net/blog/tcmc/2007/07/12/entry-1] [http://www.oknation.net/blog/print.php?id=72476]</ref>
 
ในช่วงที่ครูแจ้งอยู่วงดนตรีดุริยประณีตนั้น ซึ่งตรงกับสมัย[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] เป็นยุคสมัยที่มีการสนับสนุนให้แสดงลิเก ซึ่งได้เปลี่ยนเรียกว่า นาฏดนตรี มีการแสดงสดส่งกระจายเสียงตามวิทยุต่างๆต่าง ๆ จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ลิเกหลายคณะได้ใช้วงปี่พาทย์วงดุริยประณีต หรือวงบ้านบางลำพูในการบรรเลง ต่อมาครูแจ้งก็ได้เลื่อนเป็นนายวง และเป็นคนตีระนาดเอกเอง ส่วนใหญ่จะแสดงประจำสถานีวิทยุที่กรมการรักษาดินแดนและเมื่อคณะลิเกขาดตัวแสดงตัวใดตัวหนึ่ง ครูแจ้งก้จะมักเป็นผู้แสดงแทน ซึ่งครูแจ้งสามารถแสดงได้ดีทุกตัว จนบางคณะต้องติดต่อให้ครูแจ้งแสดงเป็นพระเอก โดยใช้ชื่อในการแสดงลิเกว่า "อรุณ คล้ายสีทอง"
 
ในยุคแรกๆแรก ๆ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม วงดนตรีดุริยประณีตได้มีโอกาสบรรเลงดนตรีไทยออกอากาศอยู่เป็นประจำ มีนายสุพจน์ [ ปื๊ด ] โตสง่า <ref>[http://www.krudontri.com/articles/111music_men/pages/image/imagepage97.html] ผู้มีฉายาระนาดน้ำค้าง บุตรนายพุ่ม [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=A07C2E9&bid=227&qst=@418, @2928, ^&lang=0&db=MUSIC&pat=%e2%b5%ca%a7%e8%d2&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=936C180&bid=126&qst=@2801&lang=0&db=MUSIC&pat=%e0%a2%d5%c2%c7%c7%d4%a8%d4%b5%c3&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/music/pum_t.gif]</ref>
นางแม้น โตสง่า สามี นาง ดวงเนตร [ น้อย ][http://www.oknation.net/blog/print.php?id=35100] บุตรสาวนางแช่มช้อย [ ดุริยประณีต ] [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=802BF7D&bid=43&qst=@1613, @1965, ^&lang=0&db=MUSIC&pat=%b4%d8%c3%d4%c2%bb%c3%d0%b3%d5%b5&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/music/chamchoi_d.gif]– นายเหนี่ยว ดุริยพันธ์ [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=H42BA41&bid=216&qst=@2813&lang=0&db=MUSIC&pat=%e0%cb%b9%d5%e8%c2%c7+%b4%d8%c3%d4%c2%be%d1%b9%b8%ec&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz]และเป็นบิดาของ ณรงค์ฤทธิ์ [ ปอง ] โตสง่า [ ขุนอิน] [http://www.khun-in.com/history.htm] [http://www.boythaiband.net/profile.html] และชัยยุทธ [ ป๋อม ] โตสง่า เป็นผู้บรรเลงระนาดเอก ในการร้องบรรเลงการสวมรับ และการส่งร้องเพลงบุหลันเถา เฉพาะในตอน 2 ชั้น และชั้นเดียว ปรากฏว่าผู้ร้องไม่มา นายแจ้ง คล้ายสีทอง จึงได้ร้องเพลงแทน [ ข้อมูลบางแห่งระบุว่าร้องอยู่ที่บ้านดุริยประณีต ] มีครูผู้ใหญ่นั่งฟังกันหลายคน และได้กล่าวชมน้ำเสียงขับร้องว่าเหมาะสม แต่ควรปรับปรุงวิธีการรร้องและ ลีลาการร้อง ครูโชติ ดุริยประณีต [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dig&db=MUSIC&pat=code&cat=aut&skin=u&lpp=16&catop=&scid=zzz&ref=A:@87&nx=1&lang=0] ได้ยินเข้าก็บอกว่า "แจ้งเสียงดี ฉันจะปั้นแจ้งนี่ล่ะ" แล้วครูโชติก็ให้กับ ครูสุดา [ เชื่อม ] เขียววิจิตร [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=H42BA41&bid=201&qst=@2813&lang=0&db=MUSIC&pat=%e0%cb%b9%d5%e8%c2%c7+%b4%d8%c3%d4%c2%be%d1%b9%b8%ec&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] ต่อเพลงให้ร้อง วันรุ่งขึ้นนายแจ้งเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ครูเชื่อม ครูให้ต่อเพลง โดยเพลงแรกที่ฝีกร้องก็คือเพลง "เขมรราชบุรีสามชั้น" ตอนที่ฝึกตอนแรกๆแรก ๆ เฉพาะท่อน "ชะรอยกรรมจำพราก" ท่อนเดียวร้องอยู่เกือบเดือน พอได้แล้วค่อยไปอีกหน่อย ทั้งเพลงใช้เวลาเดือนกว่า เพราะถ้าร้องไม่ได้อารมณ์ ครูไม่ต่อเพลงให้ ต่อจากนั้นก็ได้มีการต่อเพลงอื่นๆอื่น ๆ อีกหลายเพลง จนสามารถนำไปร้องเข้ากับวงดนตรีในงานต่างๆต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และมีความไพเราะ เนื่องจากมีพรสวรรค์ทางด้านเสียงอยู่แล้ว เมื่อได้รับการ ฝึกหัดอย่างถูกวิธี ก็ฝึกได้อย่างรวดเร็ว และสามารถขับร้องได้ดีมากขึ้น
 
หลังจากต่อเพลงได้มา 4-5 เพลง ในปี 2506 ครูแจ้งก็เล่าว่าก็มีคนส่งเข้าประกวดร้องเพลงของสถานีวิทยุ ว.ป.ถ.กรมการทหารสื่อสาร ใช้ชื่อว่า "อภัย" เข้าไปอัดเสียงอยู่ 2 หน 4 เพลง ให้กรรมการฟังเสียง เคาะเป๊งต้องร้องให้ตรงเสียง ผิดเสียงไม่ได้ โดนตัดคะแนน ครั้งนั้นครูแจ้งได้ที่ 1 พอประกวดได้ที่ 1 ก็มีชื่อเสียงเป็นที่โด่งดัง ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ มาติดต่อครุแจ้งให้ไปเข้าวงดนตรี ครุแจ้งจะไปแล้วแต่พอครูโชติรู้เข้าก็บอกว่าอย่าไป และไปฝากไว้กับ นาย[[ธนิต อยู่โพธิ์]] อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ครูโชติบอกว่าไม่ต้องการให้ไปอยู่วงเพลงไทยสากล โดยอธิบายว่าถ้าไปก็ร้องได้แต่เพลงเถา ร้องส่งปี่พาทย์ไม่ได้อะไร ถ้าอยู่กรมศิลปากรจะได้หมดทั้ง โขน ละคร ฟ้อน รำ เห่ ขับ กล่อม
 
==== รับราชการในกรมศิลปากร ====
พ.ศ. 2508 นายแจ้ง ให้เข้ามารับราชการ ที่กรมศิลปากร และเมื่อเวลานาย ธนิต อยู่โพธิ์ไปราชการที่ใด ท่านก็จะเอาทั้งอาจารย์ เสรี หวังในธรรม [[ศิลปินแห่งชาติ]] [[พ.ศ. 2531]] สาขาศิลปการแสดง [ ศิลปการละคร ]<ref>[http://www.culture.go.th/supreme/artist_project.php?no=3&subno=3&subdetail=4&artistNo=21#show]</ref>และนายแจ้งไปไหนมาไหนด้วยตลอดกันตลอดไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย หรือจะเป็นต่างประเทศ
 
นายแจ้งเริ่มต้นเข้ารับราชการในตำแหน่งคีตศิลปินจัตวา หรือตำแหน่งขับร้องเพลงไทย แผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร เมื่อเข้ามาอยู่ที่กรมศิลปากรซึ่งมีแต่ครูชั้นเลิศทั้งนั้น มีทั้งครูที่สอนนายแจ้งมาก่อน และยังมีครูเหนี่ยว ดุริยพันธ์ น้องเขยครูโชติและพ่อตานายสุพจน์ โตสง่า ครู[[ท้วม ประสิทธิกุล]] [[ศิลปินแห่งชาติ]] [[พ.ศ. 2529]] สาขาศิลปะการแสดง [ ดนตรีไทย ][http://art.culture.go.th/index.php?case=artistDetail&art_id=101&pic_id=&side=musicth][http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=K47D230&bid=59&qst=@1231, @2363, ^, @17, ^&lang=0&db=MUSIC&pat=%b7%e9%c7%c1+%bb%c3%d0%ca%d4%b7%b8%d4%a1%d8%c5&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz][http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/music/thome_p.gif] [http://www.krudontri.com/articles/111music_men/pages/image/imagepage30.html] ครูนิภา อภัยวงศ์ [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=859C043&bid=72&qst=@1581&lang=0&db=MUSIC&pat=%ca%d8%b4%d2&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] [http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dsp&wa=943C207&bid=210&qst=@2802&lang=0&db=MUSIC&pat=%e0%a2%d5%c2%c7%c7%d4%a8%d4%b5%c3&cat=gen&skin=u&lpp=20&catop=&scid=zzz] ครูสงัด ยมะคุปต์สามีครูลมุล ยมะคุปต์ ครูเสรี หวังในธรรม เข้าไปต้องฝึกหมดทุกอย่าง แต่ไม่ต้องเก่งหมด เพราะคนเราไม่ได้เก่งไปทุกด้าน
 
การทำงานในระยะแรก นายแจ้งต้องปรับปรุงการร้องเพลงใหม่ เพราะจะต้องร้องให้เข้ากับบทบาทตัวละครที่กำลังแสดง เมื่อเข้าไปต้องฝึกหมดทุกอย่าง แต่ไม่ต้องเก่งหมด เพราะคนเราไม่ได้เก่งไปทุกด้าน ด้วยความอุตสาหะและ เอาใจใส่ก็สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยัง พยายามฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยการฝึกหัดร้องเพลงและศึกษาการขับร้องของ ครูดนตรีรุ่นเก่า ที่มีชื่อเสียง เพื่อเป็นแนวทางการ ขับร้องให้ดียิ่งขึ้น บุคคลที่นายแจ้ง คล้ายสีทอง ให้ความเคารพนับถืออีกท่านหนึ่ง คือนายเสรี หวังในธรรม ผู้ให้การสนับสนุนแนะนำวิธีการร้องต่างๆต่าง ๆ แก่นายแจ้งตลอดมา
 
ช่วงชีวิตในขณะที่รับราชการครูแจ้งฯ มีภารกิจที่รัฐบาลได้ส่งไปทำงานเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และบางครั้งก็ได้มีโอกาสเดินทางไปปักกิ่ง ในสมัยที่หม่อมราชวงศ์ [[คึกฤทธิ์ ปราโมช]][[ศิลปินแห่งชาติ]] [[พ.ศ. 2528]] สาขาวรรณศิลป์<ref>[http://art.culture.go.th/index.php?case=artistDetail&art_id=82&pic_id=&side=book]</ref> เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] ได้เดินทางไปแลกเปลี่ยน ศิลปวัฒนธรรม กับประเทศจีน ที่นั่น ได้ไปร้องโขน ร้องละครโชว์
 
การพูดของครูแจ้ง จะมีจังหวะจะโคน เพราะจะค่อยๆค่อย ๆ พูด เป็นคนอารมณ์อ่อนไหว ต้องพยายามควบคุมตัวเอง สมัยก่อนครูแจ้งก็ใจร้อน เคยด่าอธิบดีมาก่อน ครูแจ้งเคยทำละครร่วมกันกับ ครู [[ส.อาสนจินดา]] [[ศิลปินแห่งชาติ]] [[พ.ศ. 2533]] สาขาศิลปการแสดงภาพยนตร์และละคร<ref>[http://art.culture.go.th/index.php?case=artistDetail&art_id=128&pic_id=&side=mov_drama]</ref> ส่วนพระเอกจะเป็น [[ชรินทร์ นันทนาคร]] [[ศิลปินแห่งชาติ]] [[พ.ศ. 2541]] สาขาศิลปการแสดงดนตรีสากล<ref>[http://art.culture.go.th/index.php?case=artistDetail&art_id=180&pic_id=&side=musicen]</ref> ส่วนว่าถ้าเป็นบทเข้าพระเข้านาง ก็จะเป็นหน้าที่ของ ชรินทร์ฯ แต่ถ้าเป็นบทตอนเวลาออกรบ ครู ส.จะออกรบแทน ครูแจ้งเคยแนะนำ ครู ส.อาสนจินดา ถึง ละครที่สร้าง เมื่อกรมศิลปากรมีการจัดการแสดงเรื่อง"[[ผู้ชนะสิบทิศ]]" ครุแจ้งก็เคยแนะนำ [[ปกรณ์ พรพิสุทธิ์]] ให้ร้องละคร และแนะนำให้ อาจารย์ เสรี ว่าเวลาร้องละครผู้ชนะสิบทิศ ควรจะร้องให้น้อยหน่อย พูดมากหน่อย แนะนำและให้คิดบทพูดเอาเอง แทนที่จะเป็นการท่องบท ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน เลยมีบทพูดมากกว่าร้อง จริงๆจริง ๆ อ.เสรี จะเป็นคนดื้อ ไม่ฟังใคร แต่ครูแจ้งจะพูดเฉยๆเฉย ๆ จะเชื่อหรือไม่เชี่อก็แล้วแต่ แต่ทำไปแล้วก็ทำให้คนดูละครชอบมาก
 
==== กลับไปอยู่สุพรรณบุรี ====
 
ปัจจุบันนี้ นาย แจ้ง คล้ายสีทอง เกษียณอายุราชการกลับไปใช้ชีวิตแบบวิถีชาวชนบท ที่บ้านไม้ 2 ชั้น เลขที่ 108 หมู่ 12 ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ริม[[แม่น้ำท่าจีน]] ซึ่งสมัยที่ครูแจ้งรับราชการใหม่ๆใหม่ ๆ ได้รับเงินเดือน 3 พันบาท ซึ่งก็พออยู่ได้ ไม่ค่อยมีปัญหา และนางบุญนะภริยาทำของกินและขายข้าวเหนียวปิ้งตั้งวางแผงขาย แถว [[วัดครุใน]] [[อำเภอพระประแดง]] [[จังหวัดสมุทรปราการ]] ทำให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน ตอนนั้นนายแจ้งและภรรยาเช่าบ้านอยู่แถวปากน้ำ [[จังหวัดสมุทรปราการ]] นางบุญนะขายของ 2 รอบ เช้ากับเย็น ตื่นตี 5 ติดไฟย่างตอนตี 5 ครึ่ง แม่ค้าที่ขายในโรงงานมารับ ของขายก็ห่อมาจากบ้าน นับว่าทำกันเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว ลูกๆลูก ๆ ต่างก็ช่วยกัน ช่วงเวลานั้นมีเงินเก็บเป็นแสน มีเงินก็ซื้อทองเก็บไว้ เก็บได้เกือบประมาณ 30 บาททีเดียว ที่เหลือก็เก็บสะสมจนสามารถซื้อที่ดินแปลงที่ปลูกบ้านหลังนี้ได้ ในการรับงานการแสดงส่วนใหญ่ นางบุญนะจะต้องเป็นคนรับงานเอง รับงานขับเสภาทั่วไป ในพิธีต่างๆต่าง ๆ ขึ้นบ้านใหม่ งานบวช งานศพ หลังจากนั้นก็เลยไม่ได้ขายของ อีก
 
ทุกวันนี้ครูแจ้งยังมีภารกิจที่ต้องสอนหนังสือในสถาบันการศึกษาหลายๆหลาย ๆ แห่ง ทั้งวิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี<ref>[http://cdasp.bpi.ac.th/home001.htm]</ref> [[มหาวิทยาลัยราชภัฎ]]ต่างๆต่าง ๆ ในวิชา "คีตศิลป์” หลายแห่งเป็นประจำ เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และจิตวิญญาณด้านคีตศิลป์ ให้อนุชนรุ่นหลัง แล้วก็จะมีนักศึกษาที่จะต้องทำวิทยานิพนธ์ ด้านคีตศิลป์ สอนเรื่องการใช้ภาษาไทย วรรณคดี และเรื่องอื่นๆอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง[โดยเป็นวิชาที่ครูแจ้งสอนสอนประจำ ]
 
== การขับเสภา ==