ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นครรัฐน่าน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
| status = นครรัฐ<ref name="นครรัฐ"/><ref name="ประวัติ"/><ref name="นันทบุรี"/>
| government_type = [[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]
| year_start = พ.ศ.พุทธศตวรรษที่ 182518
| year_end = พ.ศ. 1992
| event_start = สถาปนา
บรรทัด 16:
| p1 =
| s1 = อาณาจักรล้านนา
| capital = เมืองย่าง<br>[[อำเภอปัว|เมืองปัว]]<br>เมืองย่าง (1825-1902)<br>เมืองภูเพียงแช่แห้ง (1902-1911)<br>[[เมืองน่าน]] (1911-1991)
| common_languages =
| leader1 = [[ราชวงศ์ภูคา]]
บรรทัด 24:
}}
 
'''นครรัฐน่าน'''<ref name="นันทบุรี">{{cite book | author = คณะทำงานเอกลักษณ์น่าน. ''[| title = นครน่าน พัฒนาการเป็นนครรัฐ | url = http://www.nan.go.th/webjo/attachments/053_นครน่านพัฒนาการเป็นนครรัฐ.pdf นครน่าน| พัฒนาการเป็นนครรัฐ]''publisher = ม.ป.ป. เรียกดูเมื่อ| 4location มิถุนายน= 2556 | year = 2549 | page = 1}}</ref><ref>สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 256</ref><ref name="พิพิธ">พิพิธภัณฑ์ชีวิตวิถีชาวน่าน.{{cite web |url= ''[http://www.nanlifewaymuseum.orgcom/th/history_2_phyapoo.html จากลำน้ำปัวสู่ลำน้ำน่าน >|title= นครรัฐน่านก่อนสมัยพญาภูคา]''. เรียกดูเมื่อ|author=|date= |work= นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ชีวิต วิถีชาวน่าน |publisher= |accessdate= 4 มิถุนายน 2556}}</ref> บ้างเรียก '''อาณาจักรน่าน'''<ref>[http://www.thailandsworld.com/th/chiang-mai/chiang-mai-travel-guide/nan--kingdom-of-nan/index.cfm จังหวัดน่านและอาณาจักรน่าน]</ref> เป็นนครรัฐอิสระ<ref name="นครรัฐ">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 111</ref>ขนาดเล็กในอดีตรัฐหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบลุ่ม[[แม่น้ำน่าน]]<ref name="ประวัติ"/> เดิมเรียกว่า'''เมืองกาว''', '''แคว้นกาว''', '''รัฐกาว''', '''กาวเทศ'''<ref> Thailand Art. ''[http://thailandart.orgfree.com/k.htm ชนชาติกาว บรรพบุรุษผู้สูญหายของคนเมืองน่าน]''. เรียกดูเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556</ref> หรือ '''กาวน่าน'''<ref name="คม">{{cite press release |title=เมืองกาว เมืองน่าน|url=http://www.komchadluek.net/detail/20100129/46407/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99.html#.UaAvrNJFBck|publisher=คมชัดลึก|language=ไทย|date=|accessdate=25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556}}</ref>
 
แต่ด้วยอุปสรรคด้านภูมิศาสตร์เนื่องด้วยตั้งอยู่ในหุบเขาขนาดเล็กจึงมีการพัฒนาที่ล้าหลังกว่ารัฐอื่น ๆ ที่ตั้งในแถบลุ่มน้ำปิงและวัง<ref name="พัฒนา">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 41</ref> ด้วยเหตุนี้น่านจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของพะเยาช่วงต้นถึงปลายศตวรรษที่ 19, ล้านนาในปี พ.ศ. 1993 และพม่าในปี พ.ศ. 2103
บรรทัด 30:
== ประวัติ ==
=== แรกก่อตั้งและการยึดครองของพะเยา ===
นครรัฐน่านถูกสถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ พ.ศ. 182518 โดยการนำของพญาภูคา มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองย่าง (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม [[อำเภอท่าวังผา]] [[จังหวัดน่าน]])<ref name="ประวัติ">{{cite web |url= http://www.nan.go.th/webjo/index.php?option=com_content&view=article&id=6&Itemid=27 |title= ประวัติศาสตร์น่าน |author=|date= |work= จังหวัดน่าน |publisher= |accessdate= 29 พฤษภาคม 2558}}</ref> ในขณะที่ ''พื้นเมืองราชวงษปกรณ์ พงศาวดารน่าน'' ได้กล่าวถึงพญาภูคา มีพระโอรสสองพระองค์คือขุนนุ่นและขุนฟอง พญาภูคาจึงให้องค์พี่ไปสร้างที่รวบรวมโดย[[หลวงพระบาง|เมืองหลวงพระบางพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช]]ปกครองชาวช่วงรัตนโกสินทร์เพียงฉบับเดียว ที่ระบุว่า ราชวงศ์กาวนี้สืบเชื้อสายมาจากพญาลาวกอ โอรสพญาลวจังกราช เมื่อปี พ.ศ. 1220<ref groupname=note"พิพิธ"/>ในตำนานกล่าวถึงฤๅษีสร้างเมืองจันทบุรีให้ขุนนุ่น ซึ่งเมืองจันทบุรีคือ[[เวียงจันทน์|เมืองเวียงจันทน์]] แต่สรัสวดี อ๋องสกุลพิจารณาเนื้อหาดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์กับตอนที่สองจนถึงตำแหน่งที่ตั้งเมืองตามบริบทของตำนานว่าควรเป็นเมืองหลวงพระบาง (อ้างอิง: ยุคพระเจ้าสุริยวงษ์ผริตเดชโดยไม่กล่าวถึงราชวงศ์ลวจังกราชอีกเลย<ref>สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 107)105</ref> และองค์น้องไปสร้างเมืองปัวปกครองชาวกาว<ref name="ด้ำ"/>
 
ใน ''พื้นเมืองน่าน'' ได้กล่าวถึงพญาภูคา มีพระโอรสสองพระองค์คือขุนนุ่นและขุนฟอง พญาภูคาจึงให้องค์พี่ไปสร้าง[[หลวงพระบาง|เมืองหลวงพระบาง]]ปกครองชาวลาว<ref group=note>ในตำนานกล่าวถึงฤๅษีสร้างเมืองจันทบุรีให้ขุนนุ่น ซึ่งเมืองจันทบุรีคือ[[เวียงจันทน์|เมืองเวียงจันทน์]] แต่สรัสวดี อ๋องสกุลพิจารณาถึงตำแหน่งที่ตั้งเมืองตามบริบทของตำนานว่าควรเป็นเมืองหลวงพระบาง (อ้างอิง: สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 107)</ref> และองค์น้องไปสร้างเมืองปัว (หรือ วรนคร)<ref>{{cite book | author = คณะทำงานเอกลักษณ์น่าน | title = นครน่าน พัฒนาการเป็นนครรัฐ | url = http://www.nan.go.th/webjo/attachments/053_นครน่านพัฒนาการเป็นนครรัฐ.pdf | publisher = ม.ป.ป. | location = | year = 2549 | page = 3}}</ref> ปกครองชาวกาว<ref name="ด้ำ"/>
 
ครั้นขุนฟองพิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงครองเมืองปัวสืบมา ส่วนพญาภูคาเองก็มีชนมายุมาก มีพระราชประสงค์ให้พระนัดดามากินเมืองต่อ จึงส่งเสนาอำมาตย์ไปอัญเชิญ ด้วยเจ้าเก้าเถื่อนเกรงพระทัยพระอัยกาจึงเสด็จครองเมืองย่างต่อ โดยให้นางพญาแม่ท้าวคำพินครองเมืองปัวแทน<ref name="ประวัติ"/> ในช่วงเวลาดังกล่าวเมืองปัวกำลังอ่อนแอ [[พญางำเมือง]]เจ้าผู้ครอง[[แคว้นพะเยา|นครรัฐพะเยา]] จึงสบโอกาสยกทัพมาปล้นเมืองปัว หลังจากนั้นก็ให้นางอั้วสิม พระชายา และเจ้าอามป้อม ราชบุตร มากินเมืองปัว<ref name="อั้วสิม">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 109</ref> ในช่วงเวลาเดียวกับที่พญางำเมืองตีเมืองปัวนั้น นางพญาแม่ท้าวคำพินผู้ทรงพระหน่อได้เสด็จลี้ภัยไปที่บ้านห้วยแร้งแล้วให้กำเนิดโอรสชื่อเจ้าขุนใส เมื่อเจ้าขุนใสเจริญพระชันษาก็ได้เป็นขุนนางรับใช้พญางำเมือง พญางำเมืองก็สถาปนาเป็น "เจ้าขุนใสยศ" ครองเมืองปราด เมื่อเจ้าขุนใสยศมีกำลังพลมากขึ้นก็ทรงยกทัพขึ้นต่อสู้จนสามารถยึดเมืองปัวคืนมาได้<ref name="ประวัติ"/> พร้อมกับได้นางอั้วสิมในพญางำเมืองมาเป็นพระชายาด้วย<ref name="อั้วสิม"/> และสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็น พญาผานอง (หรือ ผากองผู้ปู่) ปกครองเมืองปัวอย่างรัฐอิสระ<ref name="ประวัติ"/>
เส้น 38 ⟶ 40:
ในรัชกาลพญาผานอง นครรัฐอิสระนี้เริ่มมีเสถียรภาพ หลังมีการขยายตัวของเมืองเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังทรงร่วมมือกับ[[พญาคำฟู]]กษัตริย์ล้านนาเข้าปล้น[[แคว้นพะเยา]]ในรัชกาลพญาคำลือ และเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับล้านนาอันเนื่องมาจากการถูกเอารัดเอาเปรียบในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ปล้นมาจากพะเยา<ref name="อั้วสิม"/>
 
รัชสมัยพญาครานเมือง (หรือ การเมือง หรือ กรานเมือง) ได้ทำการย้ายเมืองหลวงลงมายังภูเพียงแช่แห้ง เมื่อปี พ.ศ. 1902 ด้วยมีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถติดต่อค้าขายกับเมืองทางใต้ได้สะดวกกว่าเมืองหลวงเก่า และได้ทรงสร้าง[[พระธาตุแช่แห้ง]] เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างศูนย์รวมจิตใจแก่ทวยราษฎร์<ref name="นครรัฐ"/> หลังได้รับพระธาตุและพระพิมพ์มาจาก[[อาณาจักรสุโขทัย]]<ref name="ประวัติ"/> ที่เป็นรัฐเครือญาติ<ref name="สุจิตต์"/> แต่ความสัมพันธ์อันดีดังกล่าวสร้างความไม่ชอบใจแก่[[อาณาจักรอยุธยา]]นัก ที่ช่วงเวลานั้นอยุธยาพยายามขยายอำนาจสู่สุโขทัย พญาครานเมืองจึงถูกกษัตริย์อยุธยาลอบวางยาพิษจนสิ้นพระชนม์ทันที และยิ่งทวีความร้าวฉานเมื่อพญาผาคอง (หรือ ผากองผู้หลาน) ส่งทัพไปช่วย[[พระมหาธรรมราชาที่ 2]] แห่งสุโขทัย รบกับ[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1]] แห่งกรุงศรีอยุธยา<ref name="สลาย"/> แต่ผลก็ทัพแตก และถูกกรุงศรีอยุธยาจับเป็นเชลยอันมาก<ref>ประเสริฐ ณ นคร. ผากอง, พระยา ใน ''ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด''. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549, หน้า 254 - 255</ref> และท้าวคำตัน รัชกาลถัดมา ก็ถูกกรุงศรีอยุธยาลอบปลงพระชนม์อีกครั้งโดยใส่ยาพิษในน้ำอาบองค์สรงเกศ<ref name="สลาย"/>
 
อนึ่งในรัชกาลพญาผาคอง (หรือ ผากองผู้หลาน) นั้น ได้มีการย้ายเมืองหลวงจากภูเพียงแช่แห้งมายังเวียงใต้ หรือเมืองน่านในปัจจุบันเมื่อปี พ.ศ. 1911<ref>{{cite book | author = คณะทำงานเอกลักษณ์น่าน | title = นครน่าน พัฒนาการเป็นนครรัฐ | url = http://www.nan.go.th/webjo/attachments/053_นครน่านพัฒนาการเป็นนครรัฐ.pdf | publisher = ม.ป.ป. | location = | year = 2549 | page = 9}}</ref> โดยให้เหตุผลว่าขาดแคลนน้ำ และเวียงนั้นไม่สามารถรองรับประชาชนจำนวนมากได้<ref>{{cite book | author = คณะทำงานเอกลักษณ์น่าน | title = นครน่าน พัฒนาการเป็นนครรัฐ | url = http://www.nan.go.th/webjo/attachments/053_นครน่านพัฒนาการเป็นนครรัฐ.pdf | publisher = ม.ป.ป. | location = | year = 2549 | page = 16}}</ref>
 
=== การล่มสลาย ===
นครรัฐน่านประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อท้าวเมืองแพร่ยกทัพมาปล้นและครองเมืองน่านครั้งหนึ่ง และอีกครั้งเมื่อช่วงปี พ.ศ. 1942-1943 ซึ่งเจ้าเมืองน่านจึงหนีไปพึ่งเจ้าสุโขทัย และได้รับการช่วยเหลือจนกระทั่งยึดอำนาจคืนสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่กระนั้นการเมืองภายในราชวงศ์ภูคาก็ชิงอำนาจกันเสียเอง คืออินทแก่นท้าว ถูกเจ้าแพงและเจ้าหอพรหมผู้น้องยึดอำนาจได้<ref>{{cite book | author = คณะทำงานเอกลักษณ์น่าน | title = นครน่าน พัฒนาการเป็นนครรัฐ | url = http://www.nan.go.th/webjo/attachments/053_นครน่านพัฒนาการเป็นนครรัฐ.pdf | publisher = ม.ป.ป. | location = | year = 2549 | page = 18}}</ref> อินทแก่นท้าวจึงไปขอความช่วยเหลือจากสุโขทัยและยึดอำนาจคืน<ref name="สลาย"/>
 
ปลายพุทธศตวรรษที่ 20 บรรดาแว่นแคว้นและนครรัฐต่าง ๆ ค่อย ๆ ถูกรัฐที่ใหญ่กว่าผนวก อาณาจักรสุโขทัยล่มสลายและรวมเข้ากับกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 1881 แต่นครรัฐน่านที่ห่างไกลยังคงเป็นนครรัฐอิสระขนาดเล็กอยู่อย่างโดดเดี่ยว กอ่นถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรล้านนาใน ปี พ.ศ. 1992 ใน ''พื้นเมืองน่าน'' กล่าวว่า[[พระเจ้าติโลกราช]]ทรงยกทัพจากพะเยามาทางเมืองปง เมืองควร เข้าล้อมเมืองน่าน และ ''"ตั้งอม็อกสินาดยิงเข้าทางประตูอุทยาน โห่ร้องเข้าคุ้มเวียง"''<ref name="สลาย"/> อินทแก่นท้าวหนีไปพึ่งพระยาเชลียง พระเจ้าติโลกราชจึงแต่งตั้งท้าวผาแสงพระโอรสเจ้าแพงกินเมืองสืบมา ครั้นสิ้นท้าวผาแสงก็หาขุนนางมากินเมืองแทน ดังปรากฏ ความว่า ''"...แต่นั้นมาชื่อว่าพระญาบ่มีแลย่อมว่าเจ้าเมืองว่าอั้นมาแล..."''<ref>สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 113</ref>
 
== การปกครอง ==
เส้น 62 ⟶ 66:
== ภูมิศาสตร์ ==
{{wide image|Panorama over Phi Pan Nam Range January 2014.jpg|700px|ภาพพาโนรามา[[เทือกเขาผีปันน้ำ]]}}
น่านเป็นนครรัฐในหุบเขาพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีที่ราบลุ่ม[[แม่น้ำน่าน]]ทางตอนบนขนาดเล็กเป็นตอน ๆ ในลักษณะแนวยาวทิศเหนือ-ใต้ขนาบโดย[[เทือกเขาผีปันน้ำ]]ทางตะวันตก และ[[เทือกเขาหลวงพระบาง]]ทางตะวันออก<ref name="ภูมิศาสตร์">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 106</ref> ที่ราบแบ่งได้เป็นสองตอน คือตอนเหนือเป็นที่ราบขนาดเล็กต้นแม่น้ำน่านเป็นที่ตั้งของเมืองปัว และที่ราบตอนล่างอันเป็นตั้งของเมืองน่านซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่า สามารถติดต่อค้าขายกับเมืองทางใต้ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้น่านยังมีที่ราบขนาดเล็กอีกหลายแห่งกระจายตัวในหุบเขาอีกด้วย<ref name="ภูมิศาสตร์"/> แม้กระนั้นนครรัฐน่านก็ประสบปัญหามีพื้นที่ทำการเกษตรจำกัด และประชากรเบาบาง<ref name="พิพิธ"/>
 
ด้วยเหตุที่น่านถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสามารถติดต่อเมืองอื่น ๆ ได้ยาก ทำให้น่านเป็นเมืองโดดเดี่ยว<ref name="ภูมิศาสตร์"/> มีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่ารัฐจารีตที่รายรอบ<ref name="พัฒนา"/> และ ''พื้นเมืองน่าน'' ซึ่งเป็นตำนานพื้นเมืองของน่านช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ก็ไม่ได้กล่าวถึงอาณาจักรสุโขทัยหรือล้านนาช่วงนั้นเลย โลกของผู้เขียนตำนานขีดวงไว้เพียงแถบลุ่มแม่น้ำน่านเท่านั้น<ref name="กาว">สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 108</ref> อย่างไรก็ตามน่านตั้งอยู่บนและควบคุมเส้นทางการติดต่อระหว่างล้านนาตะวันออกกับหลวงพระบางในแนวตะวันออกถึงตะวันตก<ref name="ภูมิศาสตร์"/> และเป็นปราการที่สำคัญของล้านนาด้วย ดังปรากฏในรัชสมัย[[พระเจ้าติโลกราช]] เวียดนามได้คุกคามหลวงพระบางและน่าน โดยน่านได้ต่อต้านอย่างเข้มแข็งจนเวียดนามพ่ายไปในที่สุด<ref>ประพฤทธิ์ ศุกลรัตนเมธี และวินัย ศรีพงศ์เพียร. "บทบาทของล้านนาในวิกฤตการณ์การเมืองระหว่างรัฐในราชอาณาจักรลาว พ.ศ. 2002-2024", ใน ''รวมบทความประวัติศาสตร์'' ฉบับที่ 16, พ.ศ. 2537, หน้า 98-110</ref>