ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดป่าศิริสมบูรณ์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Subpanon (คุย | ส่วนร่วม)
→‎กิจกรรมของทางวัด: เพิ่มหัวข้อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด
Subpanon (คุย | ส่วนร่วม)
→‎ประวัติ: เพิ่มหัวข้อ บุพนิมิต
บรรทัด 7:
== ประวัติ ==
=== เกี่ยวกับวัดป่าศิริสมบูรณ์ ===
วัดป่าศิริสมบูรณ์ (สาขาที่ 234 [[วัดหนองป่าพง]])<ref name ="สาขาวัดหนองป่าพง"/> เดิมคือสำนักปฏิบัติธรรมธุดงค์สถานป่าศิริสมบูรณ์ (วัดสาขาสำรองที่ 41 ของวัดหนองป่าพง) ซึ่งได้รับการเลื่อนให้เป็นสาขาจริงที่ 234 เมื่อวันที่ 16 เดือนมิถุนายน 2554 ) ทางสำนักพระพุทธศาสนาได้ประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนามีนามว่า “วัดป่าศิริสมบูรณ์” สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556
 
เส้น 14 ⟶ 15:
 
วัดป่าศิริสมบูรณ์ สาขาที่ 234 ของวัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อยู่ในความดูแลของพระครูโสภา อุตฺตโม เจ้าอาวาสวัดธุดงค์กรรมฐานเขาวันชัยนวรัตน์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา <ref name="อนาลโยวาท">กลุ่มธัมมารักษ์มาลาขาว, อนาลโยวาท ฉบับปฐมฤกษ์ (พ.ศ. 2557), กรุงเทพฯ, โรงพิมพ์ ส.การพิมพ์, 2557.</ref>
 
=== บุพนิมิต<ref name="อนาลโยวาท"/> ===
ท่านพระปลัดวิศวาธาร ปภัสสโรได้เดินทางจาริกธุดงคืไปตามสถานที่วิเวกสงัดในจังหวัดต่างๆ เป็นระยะเวลาหลายปี ไม่มีความประสงค์ในลาภสักการะแม้ในทางสมณะ จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม พงศ. 2542 วึ่งตอนนั้นได้ภาวนาอยู่ที่ถ้ำพระสิวลี บ้านเมืองแพม ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ได้มีสหธรรมมิกเดินทางมาที่บ้านเมืองแพมเพื่อทำการสวดพระปาติโมกข์
 
ในขณะที่พระภิกาุกำลังทำสังฆกรรมนั้น สามเณรวิรัตน์สิทธิ์ทัศน์ (ซึงในขณะนั้นได้ไปธุดงค์ร่วมกัน) ได้ไปนั่งที่โขดหิน ปรากฏว่าได้ยินเสียงสวดมนต์ไพเราะที่แตกต่างจากเสียงของบุคคลทั่วไป ในครั้งแรกสามเรรนึกว่าเป็นเสียงของสำนักปฏิบัติธรรมละแวกนั้น แต่พอพิจารณาดูแล้ว ในแถบนั้นไม่น่าจะมีสำนักปฏิบัติธรรมที่อยู่ใกล้ๆนั้นเลย ถึงมีก้ไม่น่าได้ยินเสียงมาไกลถึงที่นี่ เพราะแต่ละบ้านอยู่ห่างไกลกันและไม่มีไฟฟ้าทุกหมู่บ้าน
 
ในคืนนั้นขณะที่พระปลัดวิศวาธารได้เจริญพระกรรมฐานอยู่ ได้เกิดนิมิตเห็นอุบาสิกาผู้หนึ่งนุ่งห่มผ้าขาวร่างกายสะอาด ได้มากราบท่านแล้วกล่าวอาราธนาให้กลับไปยังภูมิลำเนาเดิม เพื่อได้โปรดญาติโยมผู้ที่เคยได้สร้างกรรมร่วมกันมาในอดีต และได้เกิดภาพเห็นผืนป่าแห่งหนึ่งเขียวขจีสวยงามมาก พอออกจากสมาธิท่านได้พิจารณาถึงการจาริกออกธุดงค์ของท่าน และการบำเพ็ญบารมีต่างๆก็พอที่จะรักษาตัวเองให้อยู่รอดจากเหล่ามารร้ายได้แล้ว ท่านจึงตัดสินใจกลับสู่ถิ่นกำเนิดของตนโดยได้อธิษฐานจิตไว้ว่าหากจะเป็นจริงดั่งนิมิตนั้นแล้ว ก็ให้เดินทางให้ถึงสถานที่นั่นก่อนเข้าพรรษาเถิด เราจะขอถอนการสมาทานเดินเท้าหากมีใครขับรถมา แล้วมีผู้จอดรับก็จะขึ้นรถนั้นด้วย (ท่านไม่รับปัจจัยการเดินทาง และได้สมาทานการเดินเท้าไว้เท่านั้น)
 
พอท่านเดินออกมาถึงถนนลาดยาง สายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ก็มีรถจอดรับ นำไปส่งจนถึงเชียงใหม่และได้ซื้อตั๋วรถเชียงใหม่-บุรีรัมย์ถวายอีก เป็นอันว่าท่านได้ใช้เวลาในการเดินทางสู่บุรีรัมย์เพียง 1 วันกับอีก 1 คืนเท่านั้น
 
ต่อมาท่านพระปลัดวิศวาธารพร้อมกับสามเณรวิรัตน์สิทธิ์ทัศน์ได้เดินเท้ามุ่งมาทาง อ.โนนสุวรรณ จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2542 จึงถึงป่าแห่งหนึ่ง จึงได้หยุดพักปักกรด ณ ที่ป่าแห่งนั้น ตกดึกมาในขระที่ท่านพระปลัดวิศวาธารได้นั่งสมาธิ ท่านได้เห็นนิมิตเป็นร่างชายกับหญิงแก่นุ่งห่มผ้าขาวถือจานใส่เครื่องบูชามาถวายท่าน แล้วกราบลงกับพื้นดิน ยิ้มแล้วก็หายไป ท่านจึงออกจากสมาธิเวลาประมาณ 00.36 น. ในทางทิศตะวันออกได้มีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาเป็นสิ่งอัศจรรยือย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีดวงไฟดวงใหญ่ขนาดเท่ากับโอ่งมังกรขนาดใหญ่ ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 3 เมตร ซึ่งกองไฟนี้ท่านสามเณรวิรัตน์สิทธิ์ทัศน์ก็เห็นเช่นเดียวกัน ลอยอยู่อย่างนั้นประมาณ 20 นาที ก็ได้แตกออกเป็น 7 สี เหมือนกับพลุแต่ไม่มีเสียงใดๆ พอรุ่งเช้ามาท่านพระปลัดวิศวาธารจึงได้ออกไปโปรดสัตว์พร้อมกับสามเณรวิรัตน์สิทธิ์ทัศน์ ญาติโยมพอได้เห็นพระไปรับบิณฑบาตก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ในเช้านั้นชาวบ้านได้พร้อมใจกันอาราธนาให้พระปลัดวิศวาธารอยู่ในป่าแห่งนั้น เพื่อเป็นผู้นำทางด้านจิตใจของชาวบ้านต่อไป จึงได้เกิดเป็นวัดป่าศิริสมบูรณ์ขึ้นมา
 
== กิจกรรมของทางวัด ==