ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิโยเม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tatung (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{Infobox royalty | name =จักรพรรดิโยเม | title =จักรพรรดิญี่ปุ่น | image= yomeitenno.jpg |...
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:16, 5 เมษายน 2558

จักรพรรดิโยเม (ญี่ปุ่น: 用明天皇โรมาจิโยเม เทนโน) (พ.ศ. 1061 - พ.ศ. 1130) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นรัชกาลที่ 31[1] ตามที่ได้จัดเรียงไว้ในรายพระนามจักรพรรดิญี่ปุ่น[2]

จักรพรรดิโยเม
จักรพรรดิญี่ปุ่น
ครองราชย์พ.ศ. 1128 - พ.ศ. 1130
ก่อนหน้าจักรพรรดิบิดะสึ
ถัดไปจักรพรรดิซุซุง
ประสูติพ.ศ. 1061
สวรรคตพ.ศ. 1130 (ขณะพระชนมายุ 69 พรรษา)
ฝังพระศพคะวะจิ โนะ ชินะกะ โนะ บะระ โนะ มิสะสะกิ (โอซะกะ)

จักรพรรดิโยเมครองราชย์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 1128 จนกระทั่งพระองค์เสร็จสวรรณคต[3]

การอภิเษกสมรส

จักรพรรดิโยเมทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจักรพรรดิคิมเม และพระราชชนนีคือโสะกะ โนะ คิตะชิฮิเมะ ธิดาของโสะกะ โนะ อินะเมะ[4]

  • ในปีพ.ศ. 1129 จักรพรรดิโยเมอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอะนะโนะเบะ โนะ ฮะชิฮิโตะ ผู้เป็นพระกนิษฐภคินี (ญี่ปุ่น: 穴穂部間人皇女โรมาจิอะนะโนะเบะ โนะ ฮะชิฮิโตะ โนะ ฮิเมะมิโกะ) ซึ่งพระชนนีคือธิดาอีกคนของอินะเมะ ซึ่งมีพระนามว่าโซะกะ โนะ โอะอะเนะ ฮิเมะ เจ้าหญิงอะนะโนะเบะ โนะ ฮะชิฮิโตะทรงให้กำเนิดพระราชบุตร 4 พระองค์ รวมถึงเจ้าชายโชโตะกุซึ่งภายหลังพระองค์ทรงเป็นมงกุฎราชกุมารและสำเร็จราชการแทนจักรพรรดินีซุอิโกะ พระราชบุตรองค์ที่สองคือเจ้าชายคุเมะ องค์ที่สามคือเจ้าชายเยะกุริ และองค์ที่สี่คือเจ้าชายมะมุตะ
  • อิชิคินะ (ธิดาของโสะกะ โนะ อินะเมะ) อภิเษกสมรสกับจักรพรรดิโยเม ให้กำเนิดเจ้าชายทะเมะ (หรืออีกพระนามคือโทะโยะระ)
  • ฮิโระโกะ (ธิดาของอิฮะมุระ หรือคะสึระกิ โนะ อะทะเฮะ) ให้กำเนิดเจ้าชายมะโระโกะ และเจ้าชายนุกะเดะ ฮิเมะ

จักรพรรดิโยเมทรงมีพระมเหสี 3 พระองค์ พระราชบุตรและพระราชธิดาอีก 7 พระองค์[5]

พระราชบุตรของจักรพรรดิโยะเม ซึ่งมีพระนามว่าเจ้าชายอุมะยะโดะ เป็นที่รู้จักกันในนามเจ้าชายโชโตะกุ.[6]

ข้อมูลเพิ่มเติม

อ้างอิง

  1. Imperial Household Agency (Kunaichō): 用明天皇 (31)
  2. Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 46.
  3. Brown, Delmer et al. (1979). Gukanshō, p.263; Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du Japon, pp. 37–38., p. 37, ที่ Google Books
  4. Varley, p.125.
  5. Brown, p. 263.
  6. Varley, pp.125–129.