ผลต่างระหว่างรุ่นของ "น้ำค้างแข็ง"

"น้ำค้างเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ผลิ เราจะพบเห็นน้ำค้างได้มาก ในช่วง เช้าตรู่ หรือในช่วงสายๆก็สามารถพบได้เช่นกัน แล้วแต่สภาพอากาศ พื้นที่ในบริเวณนั้นๆ หยดน้ำค้างไม่เพียงพบแต่ที่ใบไม้ ยอดหญ้า และยังพบได้ตามแท่งเหล็ก หรือโลหะ น้ำค้างเมื่อเวลาโดนแสง จะประกายระยิบระยับ สวยงาม แวววาวเหมือนเพชร"

"น้ำค้าง คือ ไอน้ำในอากาศที่ถูกความเย็นแล้วหยาดลงมาบนใบไม้ใบหญ้า เป็นต้น ในเวลากลางคืนหรือใกล้รุ่ง"

"น้ำค้างเกิดขึ้นจากละอองหรือความชื้นที่มีอยู่ในสภาพอากาศ เพราะโดยปกติแล้ว น้ำมีการระเหยกลายเป็นไอแทรกซึมเข้าไปอยู่ในอากาศได้ทุกขณะ ในเมื่อความชื้นของอากาศยังมีน้อยไม่ถึงจุดอิ่มตัว แต่พออากาศอมเอาไอน้ำไว้ มากจนถึงจุดอิ่มตัว มันจะไม่รับไอน้ำอีกต่อไป นอกจากที่มันจะได้คายไอน้ำที่มีอยู่ออกมาเสียบ้าง

น้ำค้างเกิดนั้นขึ้นจาก การทีไอน้ำหรือความชื้นที่จับตัวกันกลายเป็นหยดน้ำตกลงมาสู่พื้น น้ำค้างจะเกิดในเวลากลางคืนเพราะเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิในขณะนั้นต่ำ เมื่อถึงเวลากลางวันน้ำค้างที่หยดอยู่ตามยอดหญ้า เมื่อได้รับแสงอาทิตย์ก็จะเกิดการระเหยไปหมด ปริมาณความชื้นในอากาศ เราเรียกว่า “ความชื้นสัมพันธ์ “ ถ้าในอากาศมีความชื้นมาก ร้อน อบอ้าว เหนียวเหนอะหนะ แต่เมื่ออากาศหนาวน้ำค้างก็จะเริ่มแข็งตัวจนมาถึงจุด จุดหนึ่งที่เรียกว่าจุดน้ำค้างแข็ง ซึ่งจุดนี้จะเกิดขึ้นมากในช่วงของฤดูใบไม้ร่วงเพราะมีอุณหภูมิสูงในช่วงกลางวันส่วนกลางคืนอุณหภูมิจะแตกต่างกันมากหรือที่คนทั่วไปเรียนกันว่าการเกิดแม่คะนิ้ง"

" แม่คะนิ้งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นซึ้งสามารถพบได้ในภาคเหนือของประเทศไทย หรือในช่วงที่มีอากาศหนาวจัด น้ำค้างจะแข็งตัวอยู่บนยอดหญ้ากลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งมีสีขาวเกล็ดหิมะหรือเรียกว่า น้ำค้างแข็ง พบมากในช่วงฤดูหนาวบนยอดดอยในภาคเหนือ"

"ลักษณะทั่วไป จะเป็นเกล็ดน้ำแข็งสีขาว จะจับตัวอยู่บนยอดหญ้า ใบไม้ หรือวัตุถุต่างๆที่อยู่บนพื้นดิน กระบวนการ การเกิดปรากฏกฎการณ์นี้จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ

-การเกิดน้ำค้างแข็งโดยอ้อม จะเกิดเมื่ออุณหภูมิของอากาศลดต่ำลงโดยมีปริมาณความชื้นใกล้พื้นดินสูง"

"สถานที่ที่สามารถพบปรากฏการณ์การเกิดน้ำค้างแข็งในประเทศไทยได้ มักพบบนดอยหรือบนภูเขาสูงในภาคเหนือ หรือภาคตะวันอกเฉียงเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเลย"