ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปิตราปัฟลัฟสค์-คัมชัตสกี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Vyacheslav (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Vyacheslav (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 100:
 
==ที่มาของชื่อ==
แม้ว่าคาบสมุทรคัมชาตคานั้นจะมีนักสำรวจชาว[[คอสแซค]]ของทางรัสเซียกลุ่มอื่นเข้ามาสำรวจและตั้งชุมชนอยู่อาศัยมาก่อนตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1700 หากแต่ด้วยชนพื้นเมืองซึ่งอยู่มาก่อนนั้นได้ทำการรบพุ่งกับฝ่ายรัสเซียซึ่งเข้ามาทางตอนเหนือขึ้นไปของคาบสมุทร<ref name="itelmen">{{cite web|url=http://www.eki.ee/books/redbook/itelmens.shtml|title=THE ITELMENS|publisher=The Red Book of the Peoples of the Russian Empire}}</ref>ทำให้ไม่มีชุมชนของฝ่ายรัสเซียในบริเวณนี้จนกระทั่งการเดินทางมาถึงของไวตัส เบริงพร้อมกับกองเรือสำรวจซึ่งเดินทางมาจาก[[ทะเลโอค็อตสค์]] เพื่อไปสำรวจทะเลทางตะวันออกของคาบสมุทรคัมชาตคา โดยเบริงได้สั่งให้มีการสร้างชุมชนขึ้นบริเวณอ่าวอวาชาในวันที่ 17 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1740 เพื่อให้เป็นฐานสำหรับการเตรียมการออกเรือสำรวจ โดยได้ตั้งชื่อชุมชน ณ อ่าวอวาชานี้ว่า ''ปิตราพัฟลอฟสค์'' จากชื่อเรือสองลำในกองเรือคือเรือ[[เซนต์ปีเตอร์]] และ เรือ[[เซนต์พอล]]<ref name="History">{{cite web|url=http://pkgo.ru/history.html|title=История образования города Петропавловска-Камчатского|publisher=Petropavlovsk-Kamchatsky city website}}</ref>
 
ด้วยว่าชื่อของเมืองนั้นตั้งมาจากชื่อของนักบุญสององค์ เมืองจึงได้นับถือนักบุญทั้งสองเป็นนักบุญประจำเมืองด้วยและใช้รูปของนักบุญทั้งสองในตราเมือง
บรรทัด 115:
 
==ประวัติศาสตร์==
จากนโยบายจากแสวงหาดินแดนใหม่ทางตะวันไกลของจักรวรรดิรัสเซีย คาบสมุทรคัมชาตคาได้ถูกเข้ามาสำรวจโดยคณะสำรวจของชาวรัสเซียตั้งแต่ปลายยุคคริสตศตวรรษที่ 17 หากแต่การจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของคัมชาตคามักถูกต่อต้านโดยเหล่าชาวพื้นเมืองของคาบสมุทรซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่มาก่อนเป็นเวลายาวนานโดยเฉพาะชาวคาเรียค({{lang-en|Koryaks}})ซึ่งอยู่ทางด้านบนของตัวคาบสมุทรติดกับแผ่นดินใหญ่และส่วนตอนกลางและทางใต้นั้นเป็นถิ่นของชาวอิเทลเมน({{lang-en|Itelmens}})หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งคือ '''ชาวคัมชาตดัล''' ({{lang-en|Kamchatdals}}) หลังจากดำเนินการสู้รบกับฝ่ายรัสเซียมานานหลายสิบปี ในท้ายสุดชาวอิเทลเมนประสบกับโรคระบาดซึ่งมากับชาวรัสเซียที่มาครอบครองดินแดนจนทำให้ประชากรของชาวอิเทลเมนตายไปเป็นจำนวนมากและไม่สามารถลุกขึ้นต้านทานฝ่ายรัสเซียได้อีก และเริ่มมีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฝ่ายรัสเซียจนแทบถูกกลืนหายไปหมดสิ้น
[[ไฟล์:An engraving of Petropavlovsk-Kamchatsky, 18th century.jpg|thumbnail|right|ภาพพิมพ์ของเมืองปิตราพัฟลอฟสค์จากคริสตศตวรรษที่ 18]]
ในปี ค.ศ. 1740 ไวตัส เบริง นักสำรวจทางทะเลเชื้อสายเดนมาร์กที่มารับราชการในกองทัพเรือรัสเซียได้เดินทางมาถึงบริเวณอ่าวอวาชาจากทะเลโอค็อตสค์ก่อนเริ่มการสำรวจ '''Second Kamchatka Expedition'''(ซึ่งต่อมาจะเป็นการค้นพบ[[อะแลสกา]]เป็นครั้งแรก) เนื่องจากเห็นว่าเป็นภูมิประเทศที่เหมาะสมจะให้ใช้เป็นจุดพักกำลังในการเดินเรือด้วยเป็นอ่าวเกือบปิดลึกเข้ามาจากมหาสมุทรแปซิฟิกจึงได้ให้มีการสร้างชุมชนขึ้นเพื่อเป็นจุดแวะสำหรับการเดินเรือในย่านนี้ด้วยไม่มีชุมชนใดสร้างใช้เป็นที่พักเรือได้เลยมาก่อน จากนั้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 เบริงได้เริ่มการสำรวจไปทางตะวันออกของคาบสมุทรคัมชาตคาจนเรือสองลำคือ เรือเซนต์ปีเตอร์ กับ เรือเซนต์พอล พลัดหลงจากกันเพราะทัศนวิสัยเลวร้ายกลางทะเล วันที่ 10 ตุลาคมปีนั้นเรือเซนต์พอลได้ล่องกลับมายังเมืองปิตราพัฟลอฟสค์ก่อน<ref name="expedition">{{cite web|url=http://www.beyondthemap.ca/english/explorer_bering_expeditions.html|title=Captain Bering and Captain Chirikov |publisher=Beyond the Map}}</ref>เรือเซนต์ปีเตอร์ของเบริงซึ่งลอยลำไปสำรวจฝั่งตะวันตกของอะแลสกา สุดท้ายแล้วเบริงก็ได้เสียชีวิตลงที่เกาะร้างกลางทะเลก่อนจะสามารถล่องเรือกลับมาถึงเมืองได้ (ปัจจุบันเกาะที่เบริงเสียชีวิตคือ [[เกาะเบริง]] เป็นหนึ่งในเกาะของ[[หมู่เกาะคอมมานเดอร์]]({{lang-en|Commander Islands}}; {{lang-ru|Командо́рские острова́}}) นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชาตคา)
 
หลังจากนั้นปิตราพัฟลอฟสค์ได้กลายเป็นจุดพักเรือของการสำรวจทางมหาสมุทรแปซิฟิคซึ่งเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยในปี ค.ศ. 1779 [[เจมส์ คุก]] ได้มาหยุดเรือที่ปิตราพัฟลอฟสค์ ต่อมา ค.ศ. 1787 ฌอง-ฟรองซัว เดอ ลา เปรูซ({{lang-en|Jean-François de La Pérouse}}) นักเดินเรือของฝรั่งเศสก็ได้มาหยุดแวะที่เมืองเช่นกันก่อนการสำรวจมหาสมุทรแปซิฟิคทางใต้ ทว่าเมืองไม่ได้เติบโตขึ้นจากที่เป็นเพียงชุมชนเล็กๆมีคนอยู่ไม่ถึงพันคนไปอีกนับร้อยปี
 
===การปิดล้อมโจมตีช่วงสงครามไครเมีย===
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของปิตราพัฟลอฟสค์ปรากฏขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1854 ซึ่งรัสเซียกำลังทำสงครามไครเมียโดยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เนืองจากในระยะนั้นทั้งสองชาติได้เริ่มมามีอาณานิคมในแถบเอเชียแล้วและเมืองปิตราพัฟลอฟสค์เองก็มีฐานะในยามนั้นเป็นฐานกำลังหลักของกองทัพเรือรัสเซียทางฝั่งแปซิฟิค ในเดือนสิงหาคมกองเรือของทั้งสองชาติได้แล่นมาจากจีนและทำการปิดล้อมโจมตีเมืองปิตราพัฟลอฟสค์ซึ่งในเวลานั้นมีคนในเมืองเพียง 988 คนกับปืนเพียง 68 กระบอก ทว่าฝ่ายรัสเซียสามารถต้านทานจากโจมตีด้วยจำนวนเรือ 6 ลำ ปืน 206 กระบอกและทหารราวๆ 2,500 คนได้จนฝ่ายฝรั่งเศสและอังกฤษต้องจำล่าถอยไปด้วยเสบียงที่ร่อยหรอลงและใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งทางฝ่ายรัสเซียได้ใช้โอกาสที่เข้าสู่ฤดูหนาวตัดสินใจอพยพทิ้งร้างเมือง เมื่อกองเรือของฝรั่งเศสและอังกฤษยกกำลังกลับมาอีกครั้งในฤดูร้อนปีถัดมาจึงพบเพียงเมืองร้างว่างเปล่าซึ่งก็ถูกยิงถล่มเสียหายก่อนจะถอนกำลังออกไป กระนั้นวีรกรรมของฝ่ายรัสเซียซึ่งสามารถปกป้องเมืองไม่ให้ถูกยึดครองโดยฝ่ายศัตรูก็ถูกยกย่องจนปิตราพัฟลอฟสค์ได้รับการขนานนามว่าเป็น'''[[เซวัสโตปอล]]แห่งตะวันออก'''
 
หลังจากนั้นคัมชาตคาได้กลายเป็นจุดหมายของนักโทษซึ่งถูกเนรเทศมาจากทางตะวันตกของประเทศ ทำให้อัตราประชากรเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆจนในที่สุดชาวรัสเซียได้กลายเป็นประชากรส่วนของทั้งเมืองและตัวคาบสมุทรคัมชาตคา
 
===เมืองปิดทางการทหารสมัยคอมมูนิสต์===
ในระยะนี้ประชากรของเมืองได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการย้ายกำลังทหารมาประจำในฐานทัพต่างๆรอบอ่าวอวาชาอย่างเนืองแน่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปิตราพัฟลอฟสค์-คัมชาตสกีได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองกำลังหลักของการส่งเรือรบและเครื่องบินไปต่อสู้กับทางญี่ปุ่นเพื่อแย่งชิงหมู่เกาะคูริล จนทำให้ได้รับยกย่องเป็นเมืองเกียรติยศทางการทหารเมื่อปี ค.ศ. 2011<ref name="glory">{{cite web|url=http://eng.kremlin.ru/news/3465|title=Dmitry Medvedev presented certificates conferring City of Military Glory title on Kovrov, Lomonosov, Taganrog and Petropavlovsk-Kamchatsky|publisher=President of Russia official website}}</ref>
 
ช่วง[[สงครามเย็น]] ทางโซเวียตได้เพิ่มการพัฒนาทางด้านการทหารในบริเวณคาบสมุทรอย่างมาก คัมชาตคาถูกประกาศให้เป็นเขตหวงห้ามทางการทหารที่แม้แต่ชาวรัสเซียเองก็มิสามารถเดินทางเข้ามาได้ง่าย มีการส่งเรือดำน้ำมาประจำการที่ฐานทัพเรือและหน่วยฝูงบินของกองทัพโซเวียตก็ประจำการอยู่ที่สนามบินหลักของเมืองรวมถึงมีเขตพื้นที่หวงห้ามเพื่อทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลด้วย<ref name="missilerange">{{cite web|url=http://sputniknews.com/russia/20141226/1016255505.html|title=Russia Successfully Test Launches RS-24 Yars ICBM From Plesetsk: Ministry|publisher=Sputnik news}}</ref> ดังนั้นในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1983 [[โคเรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 007]]ได้บังเอิญบินรุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของคัมชาตคาใกล้กับเมืองปิตราพัฟลอฟสค์-คัมชาตสกีจนถูกทางการโซเวียตสงสัยว่าเป็นการสอดแนมและถูกสั่งยิงตกเมื่อบินออกจากเขตคาบสมุทรไปถึงบริเวณ[[เกาะซาฮาลิน]]แล้ว
[[ไฟล์:Петропавловск-Камчатский (вид на центр города от Култучного озера).jpg|thumbnail|left|สภาพของเมืองปิตราพัฟลอฟสค์-คัมชาตสกีในปัจจุบัน]]
===หลังจากล่มสลายของโซเวียต===
แม้ว่าการล่มสลายลงของโซเวียตจะเป็นการเปิดเมืองให้ผู้คนสามารถเดินทางเข้ามาได้ง่ายขึ้น ทว่าหลังจากการล่มสลายของโซเวียตประชากรของเมืองกลับลดลงอย่างต่อเนื่องจากการย้ายถิ่นฐานออกไปยังที่อื่น ในขณะเดียวกับเศรษฐกิจของเมืองก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางจากที่เดิมพึ่งพาการประมงและธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือและการทหาร ในระยะหลังๆนักท่องเที่ยวทั้งชาวรัสเซียและชาวต่างชาติบางส่วนเริ่มเข้ามาเที่ยวในคัมชาตคามากขึ้นและด้วยฐานะที่เป็นเมืองที่มีความเจริญมากที่สุดของคาบสมุทร ปิตราพัฟลอฟสค์-คัมชาตสกีจึงได้กลายเป็นจุดตั้งต้นของการเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติของคาบสมุทร กระนั้นเมืองก็ไม่ค่อยได้รับการพัฒนามากเท่าในช่วงสงครามเย็น สภาพทั่วไปจึงค่อนข้างเสื่อมโทรมไม่มีการก่อสร้างอะไรใหม่มากไปจากสมัยโซเวียตนัก
 
ปัจจุบันนี้แม้ว่าจะสิ้นสุดยุคการเป็นเมืองปิดทางการทหารแล้ว ทว่าก็ยังคงมีกิจกรรมทางการทหารเกิดขึ้นรอบๆเมืองอยู่เสมอ ฝูงบินของกองทัพรัสเซียก็ยังคงประจำการอยู่ที่สนามบินปิตราพัฟลอฟสค์-คัมชาตสกี ฐานทัพเรือของกองเรือแปซิฟิคก็ยังคงมีการซ้อมรบนอกชายฝั่งรวมถึงมีการเสริมกำลังยุทโธปกรณ์ใหม่ๆอยู่ในทุกวันนี้
<ref name="s400">{{cite web|url=http://sputniknews.com/military/20140620/190631540.html|title=S-400 Air Defense Systems to Protect Russia's Kamchatka|publisher=Sputnik news}}</ref>
==เศรษฐกิจ==