ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มีเกเล ซานมีเกลี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ponn virulrak (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Ponn virulrak (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 3:
เกิดที่เมือง ซาน มิเชล (San Michele) ใกล้กับเมือง เวอโรนา (Verona) ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเวนิซ
เขาได้เรียนรู้ฝึกฝนการออกแบบและก่อสร้างจากพ่อของเขา ที่ชื่อ จิโอวานี่ และ อา(หรือลุง) ของเขาชื่อ บาร์โทโลมิโอ ผู้ซึ่งเป็นสถาปนิกที่ประสบความสำเร็จในเมือง เวอโรนา มิเชลเองก็มีแนวทางการดำเนินวิชาชีพคล้ายกับ [[จาโคโป ซานโซวิโน]] (Jacopo Sansovino)คือเป็นสถาปนิกที่รับเงินตอบแทนทำงานให้กับสาธารณะรัฐเวนิซโดยตรง แต่สิ่งที่ต่างจากซานโซวิโนคือ งานของ มิเชลจะเป็นงานที่อยู่ในเขตชายแดน นอกเมืองหลวงของสาธารณรัฐ ผู้คนมักจะจดจำ มิเชล ในฐานะสถาปนิกผู้ทำการออกแบบเพื่อกิจการการทางทหาร (military architect) และถูกจ้างมาเพื่อทำการออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของระบบป้อมปราการ ให้กับสาธารณรัฐในเมืองต่างๆ เช่น ครีต (Crete) คาดินา (Candia) ดัลเมเชีย (Dalmatia)และ คอร์ฟู (Corfù) เช่นเดียวกับ ปราการหลักที่ ลิโด (Lido) ซึ่งเป็นแนวป้องกันเรือที่จะเข้ามาในอ่าวเวนิซ (Venetian lagoon) จากการที่เขาได้ท่องเที่ยวไปในหลายๆ แห่ง ตามบันทึกแล้ว มิเชล ซานมิเชลลิอาจจะเป็นสถาปนิกชาวอิตาลีเพียงคนเดียวที่ได้เห็นสถาปัคยกรรมกรีกของแท้ ซึ่งอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำเสาดอริกของโรมัน มาไว้ในงานออกแบบของเขา
เขาได้เดินทางไปโรมตั้งแตเล็ก และคาดว่าน่าจะมีโอกาสได้ฝึกฝนวิชากับ อันโตนิโอ ดา ซางกาลโล (Antonio da Sangallo (Murray)) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของสถาปนิกตระกูลซางกาลโลที่มีชื่อเสียง, ณ ที่นี้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม และงานประติมากรรมแบบคลาสสิค ในปี ค.ศ. 1509 เขาได้เดินทางไปพำนักที่เมือง ออร์วิเอโต (Orvieto) ซึ่งเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ถึงยี่สิบปี เขาได้ทำการออกแบบโบสถ์หลายๆ แห่งเช่น ซานตา มาเรียน เดล กราซิ (Santa Maria delle Grazie) ซาน โดเมนิโก (San Domenico) เป็นต้น จตุรัสหน้าโบสถ์ ซาน โดเมนิโกนี้เป็นรูปแบบส่วนตัวของเขาเอง
มิเชล ย้ายมาที่เวอโรน่า ประมาณช่วงปี ค.ศ.1527 โดยทำการออกแบบอาคารทางการทหารเป็นส่วนใหญ่ เช่น ประตูเมืองที่สามารถทนกระสุนปืนใหญ่ได้ เขาได้ทำการปรับปรุงระบบป้อมปราการอีกหลายๆ ประการตามแนวทางการรบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในสมัยนั้น งานที่มิเชล ออกแบบนอกจากจะแข็งแรงทนทานต่อการศึกแล้ว ยังมีความงามเป็นอย่างมากด้วยการตบแต่งอย่างมหาศาล ป้อม นัววา (Porta Nuova') และ ป้อม ปาลิโอ (Palio) มีการใช้องค์ประกอบเสาดอริคของโรมันเป็นเอกลักษณ์พิเศษ เข้าไปผสมกับลักษณะของการก่อให้เห็นวัสดุเปลือยให้เห็นแบบการก่อชัดเจน (rustication) จิออจิโอ วาซารี (Giorgio Vasari) ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ กล่าวชมเชย สาธารณรัฐเวนิซว่า เข้าใจนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของโรมันที่มีความหมายของความเกรียงไกรทางทหารเข้ามาใช้กับ สถาปัตยกรรมทางทหารของสาธารณรัฐได้เป็นอย่างดี
|