ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชาย เมืองสิงห์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
ย้ายป้ายโครงการวิกิประเทศไทยไปหน้าพูดคุย
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{วิกิประเทศไทย}}
'''นายสมเศียร พานทอง''' หรือที่รู้จักกันดีในนาม '''ชาย เมืองสิงห์''' [[ศิลปินแห่งชาติ]] สาขาศิลปะการแสดง นักร้อง-นักแต่งเพลงลูกทุ่ง ปีพ.ศ. 2538
'''นายสมเศียร พานทอง''' เกิดที่ [[จังหวัดสิงห์บุรี]] จบการศึกษาที่ [[โรงเรียนเพาะช่าง]] เป็นศิลปินเพลงลูกทุ่งหรือที่รู้จักกันดีในนาม '''ชาย เมืองสิงห์”สิงห์''' เป็น[[ศิลปินแห่งชาติ]] สาขาศิลปะการแสดง นักร้อง-นักแต่งเพลงลูกทุ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2538 ชาย เมืองสิงห์ เป็นนักร้องที่มีลีลาการร้องเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และแต่งเพลงได้เหมือนน้ำตกที่ไหลพรั่งพรูจากหน้าผาไม่มีวันเหือดแห้ง เพลงลูกทุ่งที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ '''ชาย เมืองสิงห์''' คือ '''“เพลงมาลัยดอกรัก”'''และอีกมากมายหลายเพลง นอกจากนั้นเขาก็ยังได้ประพันธ์เพลงลูกทุ่งเอาไว้ประมาณ 1,๐๐๐ เพลง ซึ่งก็มีทั้งที่เอาไว้สำหรับขับร้องเองและประพันธ์ให้ผู้อื่นร้องมากกว่า ๑,๐๐๐ เพลง ซึ่งล้วนแต่เป็นและหลายเพลงก็ติดอันดับยอดนิยมเกือบทั้งสิ้น เพลงลูกทุ่งของท่านจะชาย เมืองสิงห์ มีเสน่ห์และแสดงความเป็นลูกทุ่งที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานเสียงดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้าน กลายเป็นเพลงลูกผสมพันทางที่ฟังสนุกสนานกลมกลืนได้อย่างไพเราะ ด้วยความเป็นอัจฉริยะและความรู้ความสามารถของท่าน ทำให้ได้รับการขนานนามให้เป็น '''“ลูกทุ่งสามสมัย”''' คือ คงความยอดนิยมไว้ได้ทุกยุคทุกสมัย ท่านชาย เมืองสิงห์ ได้รับรางวัลเกียรติคุณในฐานะศิลปินดีเด่นหลายรางวัล มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับในวงการลูกทุ่งเป็นอย่างยิ่ง
 
 
== ประวัติ ==
 
สมเศียร พานทอง เกิดที่ [[จังหวัดสิงห์บุรี]] จบการศึกษาที่ [[โรงเรียนเพาะช่าง]] เป็นศิลปินเพลงลูกทุ่งที่รู้จักกันในนาม '''“ชาย เมืองสิงห์”''' เป็นนักร้องที่มีลีลาการร้องเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และแต่งเพลงได้เหมือนน้ำตกที่ไหลพรั่งพรูจากหน้าผาไม่มีวันเหือดแห้ง เพลงลูกทุ่งที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ '''ชาย เมืองสิงห์''' คือ '''“เพลงมาลัยดอกรัก”''' ได้ประพันธ์เพลงลูกทุ่งทั้งที่ขับร้องเองและประพันธ์ให้ผู้อื่นร้องมากกว่า ๑,๐๐๐ เพลง ซึ่งล้วนแต่เป็นเพลงติดอันดับยอดนิยมเกือบทั้งสิ้น เพลงลูกทุ่งของท่านจะมีเสน่ห์และแสดงความเป็นลูกทุ่งที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานเสียงดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้าน กลายเป็นเพลงลูกผสมพันทางที่ฟังสนุกสนานกลมกลืนได้อย่างไพเราะ ด้วยความเป็นอัจฉริยะและความรู้ความสามารถของท่าน ทำให้ได้รับการขนานนามให้เป็น '''“ลูกทุ่งสามสมัย”''' คือ คงความยอดนิยมไว้ได้ทุกยุคทุกสมัย ท่านได้รับรางวัลเกียรติคุณในฐานะศิลปินดีเด่นหลายรางวัล มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับในวงการลูกทุ่งเป็นอย่างยิ่ง
ชาย เมืองสิงห์ มีชื่อจริงว่า สมเศียร พานทอง เกิดที่ [[จังหวัดสิงห์บุรี]] จบการศึกษาที่ [[โรงเรียนเพาะช่าง]] จบการศึกษาชั้นประถม 4 จากโรงเรียน[[วัดหัวว่าว]] จบชั้นมัธยมปลายจากจาก[[โรงเรียนสิงหะวัฒนพาหะ]] ในจังหวัดบ้านเกิดในปี 2499 ก่อนจะเข้ามาเรียนต่อที่[[โรงเรียนเพาะช่าง]]ที่กรุงเทพฯ ในระหว่างนั้น เนื่องจากเป็นคนที่ชอบการร้องเพลง เมื่อเงินไม่พอใช้ก็จะอาศัยไปร้องเพลงเชียร์[[รำวง]] แต่เมื่อเรียนได้ถึงชั้นปีที่ 4 เขาก็ต้องเลิกเรียน เพราะทางบ้านประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก ชาย เมืองสิงห์ ที่ตัดสินใจสู้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง จึงต้องออกหางานทำ ซึ่งงานที่ว่าที่สุดยอดนักร้องลูกทุ่งเคยทำมาก็อย่างเช่นรับจ้างตากผัก เพื่อนำมาทำเป็น[[ผักกาด]]กระป๋อง , [[กรรมกร]]ตอก[[เสาเข็ม]] , รับจ้างเขียนป้าย และวาดรูป ต่อมาได้รับการอุปถัมภ์จาก อารมณ์ คงกะพัน ผู้กว้างขวางที่ขายของอยู่แถว[[ตลาดพลู]] ที่คอยช่วยเหลือและผลักดันให้ชาย เมืองสิงห์ เข้าประกวดร้องเพลงตามที่ต่างๆ
 
 
== เข้าวงการ ==
 
 
พอถึงปี 2504 ชาย เมืองสิงห์ มีโอกาสพบกับครู[[มงคล อมาตยกุล]] หัวหน้า[[วงจุฬารัตน์]] จึงได้ขอสมัครเป็นนักร้องในวง แต่ครูมงคลยื่นเงื่อนไขว่าจะรับเขามาร่วมวง ก็ให้ไปแหล่สดๆแข่งกับ[[พร ภิรมย์]] นักร้องดังในวงจุฬารัตน์ และนักร้องลูกทุ่งชั้นแนวหน้าของประเทศในยุคนั้น ซึ่งชาย เมืองสิงห์ ก็ฝ่าด่านหินนั้นมาได้ด้วยการมาแหล่สดๆออกอากาศโต้กับพร ภิรมย์ ซึ่งด้วยน้ำเสียงที่แปลกเป็นเอกลักษณ์ และไหวพริบปฏิภาณที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาได้รับการชื่นชมจากแฟนเพลงที่ฟังรายการ จนครูมงคล ต้องยอมรับเขาเข้าร่วมวงตามที่ประกาศเอาไว้ รวมทั้งตั้งชื่อให้เขาว่าชาย เมืองสิงห์ ก่อนจะผลักดันให้มีโอกาสบันทึกเสียงผลงานเพลงของตัวเอง ซึ่งชาย เมืองสิงห์ ก็ไม่ได้ทำให้ใครผิดหวัง เมื่อเขามีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้ว บวกกับความสามารถด้านการแสดงหน้าเวที ขณะเดียวกัน จากหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เบาของเขา จึงทำให้เขาได้รับฉายาว่า “[[อเลน เดอลอง]] เมืองไทย” ต่อมา คณะตลกเมืองไทยก็ตั้งฉายาให้เขาว่า “ แมน ซิตี้ไลอ้อน “ ตามชื่อที่ถอดความมาจากภาษาอังกฤษ และฉายานี้ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากขึ้นไปอีก แม้ในกลุ่มคนที่ไม่ฟังเพลงในแนวของเขา
 
ชาย เมืองสิงห์ อยู่กับวงจุฬารัตน์ 5 ปี พอถึงปี 2510 ก็ออกมารับงานร้องเพลงทั่วไปเอง ในปีต่อมาก็ตั้งวงดนตรีเล็กๆชื่อ “วงหลังเขาประยุกต์ “ ต่อมาขยายวงและเปลี่ยนชื่อเป็น “ จุฬาทิพย์ “ เพื่อรำลึกถึงวงที่ทำให้เขาโด่งดัง ซึ่งในช่วงที่ทำวงนี้ ชาย เมืองสิงห์ ได้ปลุกปั้นให้ลูกวงของเขาโด่งดังขึ้นมาในระดับแนวหน้าในภายหลังหลายคน เช่น [[โชคดี พักภู่]] , [[เพชร โพธิ์ทอง]] , [[ระพิน ภูไท]] , [[ดี๋ ดอกมะดัน]] , [[ดู๋ ดอกกระโดน]] , [[สีหนุ่ม เชิญยิ้ม]] , [[หนุ่ม เมืองไพร]] , ดาวไทย ยืนยง , ถนอม จันทรเกตุ
 
 
== กลับมาอีกครั้ง ==
 
 
ชาย เมืองสิงห์ ทำวงอยู่ 10 ปี ก็ยุบวงไป เพราะมรสุมชีวิต ทั้งปัญหาครอบครัว และพ่อแม่เสียชีวิต เขาจึงห่างหายจากวงการเพลงไปนาน เมื่อผันตัวไปเป็นเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมที่บ้านเกิดนานถึง 10 ปี จนได้รางวัลเกษตรกรดีเด่นของจังหวัด
 
ต่อมาเมื่อมีการจัดงาน[[กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย]]ครั้งที่ 1 ในปี 2532 ชาย เมืองสิงห์ ได้รับพระราชทานรางวัลจาก[[สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี]]ถึง 4 รางวัล เขาจึงกลับเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งไทยอีกครั้ง โดยมีการนำเอาทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่มาบันทึกเสียงจวบจนถึงทุกวันนี้
 
== แต่งเพลง ==
 
 
ชาย เมืองสิงห์ ยังมีความสามารถด้านการแต่งเพลงชนิดที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง เขามีเพลงที่แต่งไว้มากมายถึงราว 1 พันเพลง และเพลงที่เขาแต่งไว้ร้องเอง หรือแต่งให้นักร้องคนอื่นร้อง ก็ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงหลายสิบเพลง เช่น
 
*พ่อลูกอ่อน
*เสน่ห์นางไพร
*ลูกสาวใครหนอ
*มาลัยดอกรัก
*แก่นแก้ว
*หยิกแกมหยอก
*พระรถเมรี
*มนต์เมืองสิงห์
*สิบห้าหยกๆ
*เรือล่มในหนอง
*แม่ขนตางอน
*จุ๋มจิ๋ม
*เมียพี่มีชู้
*มันยกร่อง
*จ่ำม่ำ
 
 
== เกียรติยศ ==
 
 
*โล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 1 ในปี 2532 จากการแต่งและร้องเพลง พ่อลูกอ่อน และ ทำบุญร่วมชาติ รวม 4 รางวัล
*โล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 ในปี 2534 จากการแต่งและร้องเพลง ลูกสาวใครหนอ รวม 2 รางวัล
*รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงที่ใช้ภาษาไทยดีเด่น ของมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับราชบัณฑิตยสถาน ปี 2534
*ได้รับการยกย่องเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่นทาง ด้านวัฒนธรรม (สาขาศิลปะและการช่างฝีมือ) ประจำภาคกลางตอนบน ปี 2535
*รางวัลเกียรติคุณพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวานกึ่งศตวรรษสืบสานคุณค่าวัฒนธรรมไทย ภาคพิเศษ ปี 2537 จากเพลงทุกข์ร้อยแปด
'''นายสมเศียร พานทอง''' หรือที่รู้จักกันดีในนาม '''ชาย เมืองสิงห์''' [[*ศิลปินแห่งชาติ]] สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง-นักแต่งเพลงลูกทุ่ง ปีพ.ศ.ปี 2538