ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระศรีอริยเมตไตรย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ariyabodhisatva (คุย | ส่วนร่วม)
Ariyabodhisatva (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 31:
เมื่อย้อนไปในยุคของพระสิริมัตตพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตรยทรงเป็นกษัตริย์พระนามว่า <blockquote>"พระเจ้าสังขจักรแห่งนครอินทปัตต์"</blockquote> วันหนึ่งทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาใกล้ ๆ เมืองอินทปัตต์ทรงดีพระทัยยิ่งจึงรีบเสด็จไปด้วยพระบาท
 
เพียงหนึ่งวันพระบาททั้งสองก็แตกช้ำ วันที่สามพระชงฆ์ก็แตกยับพระโลหิตนอง วันที่สี่ไม่สามารถเสด็จต่อไปได้แต่ด้วยพระวิริยะและจิตมุ่งมั่นที่จะเข้าเฝ้าจึงกระเถิบไปด้วยพระอุระ พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณทิพย์ จึงแปลงทรงจำแลงพระวรกายมาเป็นมาณพหนุ่มขับเกวียนมา จะพาพาไปถึงที่พำนักของพระพุทธเจ้า พระอินทร์ และมเหสีทั้งสี่ได้แปลงเป็นหญิงชาย นำห่อข้าวทิพย์และน้ำทิพย์มาให้เสวย
 
เมื่อพระองค์หายบอบช้ำจึงเสด็จไปในพระวิหาร เพียงแรกพบพระพุทธเจ้าก็ทรงสลบลงด้วยความปลื้มปิติ เมื่อฟื้นพระวรกายจึงตรัสว่า<blockquote> "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า" </blockquote>และมิได้ตรัสอะไรได้อีกด้วยความยินดีพระทัย พระองค์ขอสดับธรรมของพระพุทธเจ้าเพียงบทเดียวเพราะไม่มีสิ่งใดถวายบูชาพระธรรมเทศนา จึงทรงตัดพระเศียร (ศีรษะ) ด้วยพระนขา (เล็บ) ถวายเป็นพุทธบูชา และในยุคของ[[พระโคตมพุทธเจ้า]] พระศรีอริยเมตไตรยเป็นพระสาวก '''มีพระนามว่าพระอชิตภิกษุ''' ครั้งหนึ่งทรงได้รับพุทธยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
ในยุคของ[[พระสมณโคตมพุทธเจ้า]] พระศรีอริยเมตไตรยได้บวชเป็นพระพุทธสาวก ''' มีพระนามว่าพระอชิตภิกษุ ''' (พระอชิตะ เป็นพระณัฐดา หลาน ของพระเจ้าพิมพิสารพระโสดาบัน , เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอชาติศัตรู และมเหสีชื่อพระนางเจ้ากาญจนาเทวี ทรงออกผนวชเมื่อตอนมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา เป็นผู้ทรงภูมิปัญญามีความรอบรู้สูง เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกอย่างดียิ่งเมื่อถึงแก่กาลมรณภาพก็เสด็จอุบัติสู่ดุสิตเทวโลก สวรรค์ ชั้น ๔ ดุสิตา ซึ่งเป็นที่สถิตสำราญแห่งเทวบุตรพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ) ครั้งหนึ่งตอนที่พระนางมหาปชาบดีประสงค์จะถวายผ้าสาดกปะดิษฐ์อันเลิศแด่พระศากยมุณีสัมมาสัมพุทธเจ้า(สิทธัตถะ)พระองค์ปัจจุบัน แต่ไม่ทรงรับทรงตรัสให้ถวายแก่สงฆ์พระอรหันต์เถระทั้งหลายได้ทรงปฏิเสธให้ใช้เลื่อนไปยังรูปต่อ ๆ ไปจนถึงพระภิกษุบวชใหม่ ชื่อ พระอชิตะ ซึ่งพระนางมหาปชาบดีทรงน้อยพระทัยว่าไม่มีบุญได้ถวายต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าฯ และแม้แต่พระอรหันต์เจ้าทั้งหลายก็ไม่ทรงรับ เหลือแต่พระอชิตะที่บวชมาใหม่ พระพุทธเจ้าฯ ทรงเกรงว่าพระนางจะดูถูกภิกษุบวชใหม่ จึงทรงกระทำฤทธิ์ให้บาตรของพระองค์หายไปในอากาศแล้ว พระโมคคัลลานะ ขออาสาเหาะขึ้นไปเสาะหาในเบื้องบนทั่วเทวโลก ก็ไม่พบจึงกลับมารวมทั้งพระอรหันต์รูปอื่น ๆ ก็อาสาไปด้วยฤทธิ์เสาะหาก็ไม่พบ เหลือแต่พระอชิตผู้บวชใหม่ยังไม่มีฤทธิ์ใด จึงกระทำสัจจะอธิษฐานว่าหากข้าพเจ้ามีบุญวาสนาขอให้ได้พบเจอบาตรของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ บาตรนั้นจึงปรากฏขึ้นในมือของพระอชิตะภิกษุ เป็นที่อัศจรรย์แก่ประชุมชนทั้งปวง จากนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสเล่าให้ฟังว่า พระพุทธองค์ทรงกระหยิ่มแย้มพระสรวล พระอชิตะสงสัยจึงถามว่าเหตุใดพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงยิ้มเช่นนั้น จึงทรงตรัสต่อว่า " อชิตะเธอเป็นน้องเรา " พระอชิตะทูลถามว่าเหตุไฉนพระพุทธองค์ทรงตรัสเช่นนั้น พระผู้มีพระภาคทรงตรัสเล่าให้ฟังดังนี้ พระอชิตะถึงจะเป็นผู้บวชใหม่นี้ แต่เป็นผู้มีบุญญาธิการ เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรภายหน้า ทรงได้ตรัสพุทธยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ชื่อว่า พระศรีอาริยเมตตรัยกาลต่อไปจากนี้ (ซึ่งที่ว่าเป็นน้องเรานั้นพระพุทธเจ้าก่อนหน้านี้ ๓ พระองค์ และพระสิทธัตถะพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และพระศรีอาริย์ ได้ทรงเคยเกิดเป็นลูกพ่อแม่พญากาเผือกเกิดในไข่แต่ฟักออกมาอัศจรรย์เป็นบุรุษรูปงามทั้ง ๕ ด้วยบุญญาธิการ และออกบวชเป็นพระฤาษีโพธิสัตว์เจ้า พร้อมกันเมื่อายุ ๑๒ ปี พร้อมกันวันเวลายามเดียวกันได้ลาแม่มารดาเลี้ยงที่เก็บไข่ได้เอาไปฟักรักเหมือนดั่งลูกในอุทรณ์ และออกบวชจึงบำเพ็ญสมณธรรมให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลก เพื่อมิให้ลืมแม่เลี้ยงจึงสัจจะรับปากเมื่อตรัสรู้แล้วจึงใช้พระนามตามชื่อแม่เลี้ยง ทั้ง ๕ ดังนี้
 
ในมหาภัทรกัปป์อันเจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคนี้ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาประสูติตรัสรู้โปรดโลกต่อเนื่องกันถือ ๕ พระองค์ เรียกว่า ภัทรกัปป์
 
พระองค์ ที่ ๑ ชื่อ พระกกุสันโธ สัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อตามแม่พญาไก่เป็นมารดาเลี้ยง มีพระชนมายุได้ ๔๐,๐๐๐ พระพรรษา
พระองค์ ที่ ๒ ชื่อ พระโกนาคมโณ สัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อตามแม่พญานาคเป็นมารดาเลี้ยง มีพระชนมายุได้ ๓๐,๐๐๐ พระพรรษา
พระองค์ ที่ ๓ ชื่อ พระกัสสโป สัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อตามแม่พญาเต่าเป็นมารดาเลี้ยง มีพระชนมายุได้ ๒๐,๐๐๐ พระพรรษา
พระองค์ ที่ ๔ ชื่อ พระโคตโม สัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อตามแม่พญาโคเป็นมารดาเลี้ยง (พระสิทธัตถพุทธเจ้า,ศากยมุณีพุทธเจ้า หรือ พระสมณโคดมพุทธเจ้า ) มีพระชนมายุได้ ๘๐ พระพรรษา
พระองค์ ที่ ๕ ชื่อ พระศรีอาริยเมตตรัย สัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อตามแม่พญาราชสีห์เป็นมารดาเลี้ยง จะมีพระชนมายุ ๘๐,๐๐๐ พระพรรษา))
ในภพชาตินั้นเมื่อมรณภาพอสัญญกรรมเสด็จอุบัติอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตเทวภูมิ และทะยอยลงมาประสูติบำเพ็ญบารมีตรัสรู้ ปรินิพพานไปแล้ว ๔ พระองค์
เหลืออีก ๑ พระองค์คือ พระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์เจ้าที่ยังเวียนว่ายบำเพ็ญบารมี ๘๐ อสงไขย ปลายแสนมหากัปป์ในโลกมนุษย์จนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในมหาภัทรกัปป์ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดนี้
 
=== การตรัสรู้ ===