ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โฮจิมินห์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27:
 
== ประวัติ ==
โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ [[19 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2433]] ที่หมู่บ้าน[[หว่างจู่ฮหว่างจู่]] [[จังหวัดเหงะอาน]] ตอนบนของ[[เวียดนาม]] ในชื่อ '''เหงียน ซินห์ซิญ ซังกุง''' เป็นบุตรคนที่ 3 และบุตรชายคนรองของเหงียน ซินห์ซิญ ซ็อกซัก ปัญญาชนชาวเวียดนาม <ref name="โฮ"/>
 
ซึ่งเวียดนามขณะนั้นตกเป็นอาณานิคมของ[[จักรวรรดิฝรั่งเศส]] ดังนั้นทั้งโฮจิมินห์และบิดาต่างตกเสมือนอยู่ใน 2 วัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมตะวันตกของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ปกครอง และวัฒนธรรมตะวันออกแบบจีนและ[[ลัทธิขงจื๊อ]] อันเป็นวัฒนธรรมของเวียดนาม
บรรทัด 35:
เมื่อโตขึ้น โฮจิมินห์ได้สัมผัสกับการเมืองเป็นครั้งแรกจากการที่เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสให้กับชาวนาที่ถูกเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสกดขี่ ในช่วงนี้ โฮจิมินห์ได้กล่าวว่า ตนได้เห็นการกดขี่และความอยุติธรรม รวมถึงการได้เห็นชาวนาถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา ต่อมาโฮจิมินห์รู้ตัวว่า ตนเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นและออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตน ในปี พ.ศ. 2454 จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวใน[[ประเทศฝรั่งเศส]] ด้วยการสมัครเป็นลูกเรือบนเรือเดินสมุทร ที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้น และได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่น โฮจิมินห์ ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า '''เหงียน อ้าย กว๊อก''' ซึ่งแปลว่า ''"เหงียนผู้รักชาติ"'' โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศส เพื่อรวมตัวกันเรียกร้องอิสรภาพจากชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ ในฐานะโฆษกของกลุ่ม แต่ทว่าก็ได้รับการรังเกียจและถูกกีดกันออกมา เมื่อโฮจิมินห์พยายามจะยื่นหนังสือต่อ [[วูดโรว์ วิลสัน]] ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะเดินทางมายังฝรั่งเศส เพื่อลงนามใน[[สนธิสัญญาแวร์ซาย]]หลังสิ้นสุด[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]<ref name="โฮ"/>
 
ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไป[[สหรัฐอเมริกา]]และ[[อังกฤษ]]ตามลำดับ หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับ[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]ซึ่งเมื่อรัฐบาล[[ก๊กมินตั๋ง]]ของ[[เจียงไคเช็ค]]เริ่มการปราบปรามสังคมนิยม นั้น โฮจิมินห์ได้หลบหนีจากจีนมายัง[[จังหวัดนครพนม]] [[ประเทศไทย]] โดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิสังคมนิยมให้[[ชาวไทย]] โดยใช้ชื่อว่า "ลุงโฮ" โดยช่วงแรกที่หลบหนีในประเทศไทยนั้นเริ่มจากขึ้นเรือที่ท่าน้ำเอสบี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแม่น้ำ) ไปยังจังหวัดพิจิตร จากนั้นได้เดินทางไปต่อยังจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย โดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ๋น" ในช่วงระหว่างปี [[พ.ศ. 2466]] ไปจนถึง [[พ.ศ. 2474]] ท่านได้พำนักอยู่ ณ บ้านของ นาย[[เตียว เหงี่ยนวัน]] เลขที่ 48 หมู่ที่ 5 [[บ้านนาจอก]] [[ตำบลหนองญาติ]] [[อำเภอเมืองนครพนม|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดนครพนม]] รวมเวลาพำนักอยู่ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7 ปี<ref>[http://www.bangkokpost.com/outlookwecare/071100_Outlook01.html Down-home dividends]</ref> ในระยะนี้โฮจิมินห์ ต้องเดินทางไปหลบซ่อนในหลายประเทศ ใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ซึ่งครั้งหนึ่ง โฮจิมินห์ได้ถูกตำรวจฮ่องกงจับโดยไม่มีความผิด ได้ถูกขังคุกนานเป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม ในช่วงนี้โฮจิมินห์สภาพร่างกายย่ำแย่มาก เป็นโรคขาดสารอาหาร แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมา จากเพื่อนเก่าในสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส รวมถึงเชื่อว่ามี [[โจว เอินไหล]] นายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งเป็นสหายที่ดีต่อโฮจิมินห์ร่วมด้วย<ref name="โฮ"/>
 
โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในปี [[พ.ศ. 2484]] ช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ฝรั่งเศสในขณะนั้นถูกกองทัพ[[นาซี]]บุกยึด และกลายสภาพเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดให้แก่ฝ่ายอักษะ จึงรับนโยบายในการปกครองเวียดนามจากนาซีเป็นหลัก โฮจิมินห์จึงสบโอกาสรวบรวมชาวเวียดนามส่วนใหญ่แล้วตั้งเป็นฝ่าย[[เวียดมินห์]] เตรียมแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งชาวเวียดนามในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษา และส่วนใหญ่อดอยากยากจน โฮจิมินห์ได้เข้าถึงตัวชาวบ้านระดับล่าง ด้วยการทำตัวกลมกลืนผูกมิตรไปกับชาวบ้าน ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ และเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกแบบปากต่อปาก ซึ่งหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ ก็คือ [[หวอ เงวียน ซ้าป]] ซึ่งต่อมาเป็นนายพลและสหายคนสำคัญของโฮจิมินห์ อีกทั้งทั้งคู่ยังเป็นคู่เขยของกันและกัน เนื่องจากภรรยาของทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกัน และในช่วงนี้เองที่ชื่อ "โฮจิมินห์" ได้ถูกใช้ออกมาเป็นครั้งแรก<ref name="โฮ"/>
บรรทัด 43:
ในที่สุด โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหลังจาก[[สมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งเวียดนาม|จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย]] [[จักรพรรดิเวียดนาม]]พระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติเมื่อวันที่ [[2 กันยายน]] [[พ.ศ. 2488]] ซึ่งต่อมาในปี [[พ.ศ. 2497]] เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ใน[[ยุทธการที่เดียนเบียนฟู]] โฮจิมินห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเป็นคนแรก ด้วยการประกาศแถลงการณ์ที่[[จตุรัสบาดิงห์]] ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคแบบเดียวกับ[[คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา|ประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา]] โฮจิมินห์ปฏิเสธที่จะพำนักในจวนข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศส ซึ่งโอ่โถง แต่ขออาศัยอยู่ในบ้านพักหลังเล็ก ๆ เท่านั้น
 
ด้านชีวิตครอบครัว โฮจิมินห์ สมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกกับหญิงชาวจีนที่ประเทศจีน ขณะที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศจีนในวัยหนุ่ม แต่ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิต และอีกครั้งกับ[[ถังตัง ตรุดเตวี๊ยต มินห์มิญ]] หญิงชาวเวียดนาม และเป็นสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แม้ทั้งคู่อายุจะห่างกันหลายปีก็ตาม <ref name="โฮ"/>
 
ในปี พ.ศ. 2502 [[สงครามเวียดนาม]]ได้อุบัติขึ้น [[สหรัฐอเมริกา]]และชาติ[[พันธมิตร]]อื่น ๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่ผลสุดท้ายเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในปี พ.ศ. 2518 โฮจิมินห์ในขณะนั้นอยู่ในวัยชราแล้ว ได้ประกาศว่า ตนลดบทบาททางการเมืองลงมา แม้จะได้รับการนับถืออย่างสูงสุดอยู่ก็ตาม และก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์มิได้อยู่ถึงการชื่นชมชัยชนะในปี [[พ.ศ. 2518]] ด้วยเหตุที่ว่าโฮจิมินห์เสียชีวิตเมื่อวันที่ [[2 กันยายน]] [[พ.ศ. 2512]] ที่บ้านพักในกรุงฮานอย ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว สิริอายุได้ 79 ปี ซึ่งปัจจุบันร่างของโฮจิมินห์ได้ถูกบรรจุในโลงแก้ว เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เคารพ ที่จตุรัสบาดิงห์<ref name="โฮ">''โฮจิมินห์'', "โลกหลากมิติ". สารคดีทางไทยพีบีเอส: อาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2556</ref>