ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาสุมังคละโพธิสัตว์"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1:
'''พระยาแสนสุรินทร์ลือชัย''' พระมหากษัตริย์ลาวผู้ครองราชสมบัติสืบต่อจาก[[พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช]] เอกสารลาวเรียกชื่อต่างๆ กัน เช่น พระยาแสนสุรินทร์ขว้างฟ้า พระสุมังคละโพธิสัตว์อัยการาชา จารึกบางหลักเรียกชื่อว่า พระสุมังคละไอยโกโพธิสัตว์
พระยาแสนสุรินทร์ลือชัยมีชื่อเดิม
เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชหายสาบสูญไปใน [[พ.ศ. 2114]] พระยาแสนสุรินทร์ลือชัยได้ขัดแย้งกับพระยาจันทสีหราช ซึ่งเป็นเสนาบดีคนสำคัญอีกคนหนึ่ง เนื่องจากต่างฝ่ายต่างต้องการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์[[พระหน่อแก้วกุมาร]] พระราชโอรสที่เหลืออยู่ของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จนก่อสงครามกลางเมืองขึ้น ผลปรากฏว่าฝ่ายพระยาแสนสุรินทร์ลือชัยเป็นฝ่ายชนะและได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (แต่นักประวัติศาสตร์จัดให้เป็นกษัตริย์องค์หนึ่งด้วย) มีพระนามว่า '''"พระสุมังคละโพธิสัตว์อัยการาชา"''' ในปี พ.ศ. 2115 ขณะมีอายุได้ 60 ปี แต่คนทั่วไปเรียกว่า "พระเจ้าปู่หลาน"
เหตุที่พระยาแสนสุรินทร์ลือชัยใช้นามข้างต้นนี้
พระสุมังคละโพธิสัตว์อัยการาชาครองราชสมบัติในกรุงเวียงจันทน์ได้เพียง 2-3 ปี ใน [[พ.ศ. 2118]] กองทัพพม่าของ[[พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง]]สามารถตีกรุงเวียงจันทน์ได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 พระองค์จึงหลบไปซ่อนตัวอยู่ในป่า ทางกองทัพพม่าจึงตั้งให้[[พระมหาอุปราชาวรวังโส]] พระอนุชาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชปกครองกรุงเวียงจันทน์แทน
เมื่อกองทัพพม่าถอนทัพกลับไปแล้ว พระสุมังคละโพธิสัตว์อัยการาชาจึงออกจากป่ามาเข้าร่วมกับพระมหาอุปราชวรวังโส แต่กลับถูกพระมหาอุปราชวรวังโสจับตัวส่งไปให้[[อาณาจักรหงสาวดี]]แทน ซึ่งทางฝ่ายหงสาวดี
พระสุมังคละโพธิสัตว์อัยการาชามีพระราชโอรสที่สืบราชสมบัติ 1 พระองค์ คือ [[พระยานครน้อย]]
บรรทัด 15:
==อ้างอิง==
* ดวงไซ หลวงพะสี, '''คู่มือพงสาวะดาน คนลาว แผ่นดินของลาว.''' พิมพ์ครั้งที่ 3. เวียงจันทน์: โรงพิมหนุ่มลาว, 2544.
* สุรศักดิ์ ศรีสำอาง. '''ลำดับกษัตริย์ลาว.''' พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2545.
{{สืบราชสมบัติ |
ก่อนหน้า= [[พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช]] |
เส้น 32 ⟶ 31:
ถัดไป= [[พระยานครน้อย]] |
}}
{{เกิดปี|2055}}{{ตายปี|2125}}
|