ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เชอร์ล็อก โฮมส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tinuviel (คุย | ส่วนร่วม)
เป็นชื่อเรื่องในภาษาไทย ไม่ควรแก้ค่ะ
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{บทความคุณภาพ}}
{{กล่องข้อมูล หนังสือ
| name = เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์
| title_orig = Sherlock Holmes
| translator = [[หลวงสารานุประพันธ์]],</br>[[อ. สายสุวรรณ]]
| image = Sherlock Holmes - The Man with the Twisted Lip.jpg
| image_caption = ภาพวาด ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์''</br>ในนิตยสารสแตรนด์ ค.ศ. 1891
| author = [[อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์|เซอร์อาเธอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์]]
| illustrator =
| cover_artist =
| country = [[อังกฤษ]]
| language = [[ภาษาอังกฤษ|อังกฤษ]]
| series = เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์
| subject =
| genre = [[รหัสคดี]]
บรรทัด 25:
}}
 
'''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ''' ({{Lang-en|Sherlock Holmes}}) เป็นนวนิยายสืบสวนหรือ[[รหัสคดี]] ประพันธ์โดย[[อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์|เซอร์อาเธอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์]] นักเขียนและนายแพทย์ชาว[[สก็อต]] ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตัวละคร ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' เป็น[[นักสืบ]]ชาว[[ลอนดอน]]ผู้ปราดเปรื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านทักษะการประมวลเหตุและผล ทักษะด้าน[[นิติวิทยาศาสตร์]] โดยอาศัยหลักฐานและการสังเกตอันคาดไม่ถึงเพื่อคลี่คลายคดีต่าง ๆ
 
โคนัน ดอยล์ แต่งเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ไว้ทั้งสิ้นเป็นเรื่องยาว 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 56 เรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นการบรรยายโดยเพื่อนคู่หูของโฮล์มส์โฮมส์ คือ '''[[ดร. จอห์น เอช. วัตสัน]]''' หรือ '''หมอวัตสัน''' ในจำนวนนี้ มี 2 เรื่องที่โฮล์มส์โฮมส์เป็นผู้เล่าเรื่องเอง และอีก 2 เรื่องเล่าโดยบุคคลอื่น เรื่องสั้นสองเรื่องแรกตีพิมพ์ใน ''Beeton's Christmas Annual'' ในปี ค.ศ. 1887 และ ''Lippincott's Monthly Magazine'' ในปี ค.ศ. 1890 แต่หลังจากที่ชุดเรื่องสั้นลงพิมพ์เป็นคอลัมน์ประจำใน ''นิตยสารสแตรนด์'' เมื่อปี ค.ศ. 1891 นิยายเรื่องนี้ก็โด่งดังเป็นพลุ เหตุการณ์ในนิยายอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1878 ถึง ค.ศ. 1903 และคดีสุดท้ายเกิดในปี ค.ศ. 1914
 
ความโด่งดังของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากเชื่อว่าเขามีตัวตนจริงและพากันเขียนจดหมายไปหา มี[[พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์]] ตั้งขึ้นในตำแหน่งที่น่าจะเป็นบ้านในนวนิยายของเขาในกรุงลอนดอน นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นสำหรับตัวละครในนิยาย เรื่องราวของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ มีการนำไปดัดแปลงและแต่งเพิ่มเติมขึ้นใหม่อีกโดยนักเขียนคนอื่น ทั้งที่เขียนร่วมกับทายาทของโคนัน ดอยล์ และเขียนขึ้นใหม่เป็นเอกเทศ บทประพันธ์ของโคนัน ดอยล์ และนวนิยายที่แต่งขึ้นใหม่ ได้รับการดัดแปลงเป็น[[ภาพยนตร์]] [[ละครโทรทัศน์]] [[ละครวิทยุ]] และสื่ออื่นๆอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน กระทั่ง[[บันทึกสถิติโลกกินเนสส์]]ระบุว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์เป็นโฮมส์เป็น "ตัวละครที่มีผู้แสดงมากที่สุด" ภาพลักษณ์ของโฮล์มส์โฮมส์กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ และส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมและการแสดงในประเภทรหัสคดีจำนวนมาก
 
== ประวัติ ==
โคนัน ดอยล์ ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้าง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' มาจากนายแพทย์ผู้หนึ่ง คือ นายแพทย์โจเซฟ เบลล์ ระหว่างที่เขาเป็นแพทย์ฝึกงานที่ โรงพยาบาลเอดินเบิร์กรอยัลเอดินบะระรอยัล<ref>Ely Liebow, [http://www.questia.com/library/book/dr-joe-bell-model-for-sherlock-holmes-by-ely-liebow.jsp Dr. Joe Bell: Model for Sherlock Holmes]</ref> นายแพทย์อาวุโสสามารถระบุอาการและโรคของคนไข้ได้ทันทีเพียงจากการสังเกตสภาพภายนอก หรือสามารถอธิบายเรื่องราวได้มากมายจากข้อสังเกตเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้โคนัน ดอยล์ ทึ่งมาก นายแพทย์เบลล์ยังเคยช่วยเหลือการสืบสวนคดีของตำรวจบางคดีอีกด้วย<ref>1992 Reader's Digest (Australia) PTY LTD (A.C.N. 000565471)</ref>
 
เมื่อโคนัน ดอยล์ เรียนจบและออกไปประกอบอาชีพ เขาเขียนหนังสือเป็นงานอดิเรกเพื่อสร้างรายได้เสริม โดยเขียนเรื่องสั้นส่งให้กับนิตยสาร เนื่องจากการงานอาชีพแพทย์ไม่ค่อยสร้างรายได้ดีนัก เขาใช้เวลาว่างระหว่างรอคนไข้เริ่มเขียนนวนิยาย โดยใช้นายแพทย์เบลล์ อาจารย์ของเขาเองเป็นต้นแบบในการสร้างตัวละครเอก คือ เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ แล้วสร้างตัวละครรองเป็นนายแพทย์ซึ่งเกี่ยวข้องกันกับวิชาชีพของเขา และเรื่องแรกที่โคนัน ดอยล์ เขียนคือ ''แรงพยาบาท (A Study in Scarlet)'' พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ ''Beeton's Christmas Annual'' ในปี ค.ศ. 1887 หลังจากที่ถูกปฏิเสธอยู่หลายครั้งหลายหน หลังจากนั้น โคนัน ดอยล์ จึงทยอยเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับนักสืบโฮล์มส์โฮมส์และเพื่อนนายแพทย์ของเขา ผลตอบรับจากการเขียนนวนิยายนักสืบชุดนี้ดีจนคาดไม่ถึง และโคนัน ดอยล์ ต้องแต่งเรื่องส่งให้สำนักพิมพ์อยู่เรื่อย ๆ จนเป็นที่ยอมรับ
 
== โครงเรื่อง ==
''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ตอนแรกที่ลงตีพิมพ์ใน ''Beeton's Christmas Annual'' คือ ตอน ''แรงพยาบาท (A Study in Scarlet) '' โดยบทแรกเล่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างโฮล์มส์โฮมส์กับวัตสัน ทั้งสองมาเช่าห้องพักร่วมกันที่บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1881 แต่เนื้อเรื่องใน ''แรงพยาบาท'' เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1884<ref name="timeline">[http://www.sherlockpeoria.net/Who_is_Sherlock/SherlockTimeline.html A Basic Timeline of Terra 221B] จาก sherlockpeoria.net</ref>
 
เวลานั้นโฮล์มส์โฮมส์เป็นนักสืบอยู่แล้ว ส่วนหมอวัตสันเพียงต้องการพักผ่อนหลังจากเกษียนตัวเองจากสงครามอัฟกานิสถาน ในช่วงแรกหมอวัตสันรู้สึกว่าโฮล์มส์โฮมส์ช่างเป็นคนแปลกประหลาด แต่ต่อมาเมื่อคุ้นเคยขึ้น วัตสันจึงเข้าใจและมองเห็นความสำคัญของสิ่งที่โฮล์มส์ทำโฮมส์ทำ นับแต่นั้นหมอวัตสันได้ร่วมในการสืบสวนคดีของโฮล์มส์โฮมส์หลายต่อหลายครั้ง และเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้อ่าน เนื้อเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ที่โคนัน ดอยล์ ประพันธ์นั้น สมมุติขึ้นว่าเป็นการเล่าเรื่องจากสมุดบันทึกของหมอวัตสัน ซึ่งเขาส่งให้หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์บ้างบางตอน เพราะต้องการเผยแพร่กิตติคุณความสามารถของโฮล์มส์โฮมส์ให้โลกรู้
 
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1888 ระหว่างการสืบสวนคดี ''จัตวาลักษณ์ (The Sign of Four) '' หมอวัตสันได้รู้จักกับ มิสแมรี มอร์สแตนด์ ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ หลังเสร็จสิ้นคดี ทั้งสองได้แต่งงานกัน และหมอวัตสันย้ายออกจากห้องเช่า 221 บี ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมา เมื่อภรรยาเสียชีวิต หมอวัตสันจึงได้ย้ายกลับมาอยู่กับโฮล์มส์อีกครั้งโฮมส์อีกครั้ง<ref name="timeline" />
 
โฮล์มส์โฮมส์และหมอวัตสันได้ร่วมสืบคดีด้วยกันเป็นเพื่อนคู่หู รวมคดีที่โฮล์มส์โฮมส์สะสางทั้งสิ้นมากกว่าหนึ่งพันคดี<ref name="resume">[http://www.magicdragon.com/SherlockHolmes/resumes/Holmes.html Sherlock Holmes' Resume]</ref> บางปีโฮล์มส์โฮมส์มีคดีมากมายจนทำไม่ทัน บางปีก็ว่างจนโฮล์มส์โฮมส์ต้องหันไปพึ่ง[[โคเคน]] ช่วงปีที่โฮล์มส์โฮมส์มีงานยุ่งที่สุดคือ ปี ค.ศ. 1894 - 1901 โฮล์มส์โฮมส์มีโอกาสได้ถวายการรับใช้[[สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร]] เมื่อปี ค.ศ. 1895 เหตุการณ์นี้ปรากฏในตอน ''แผนผังเรือดำน้ำ (The Bruce-Partington Plan)'' ต่อมาในปี ค.ศ. 1902 โฮล์มส์โฮมส์มีโอกาสได้รับยศอัศวินแต่เขาปฏิเสธ<ref name="resume" />
 
อย่างไรก็ตาม หมอวัตสันก็ยังคงเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ และอยู่ร่วมในคดีสุดท้ายของโฮล์มส์ในปีโฮมส์ในปี ค.ศ. 1914 ดังปรากฏในบันทึกตอน ''ลาโรง (His Last Bow) '' หลังจากคดีนี้แล้วก็ไม่มีบันทึกของหมอวัตสันปรากฏให้เห็นอีก จึงไม่มีใครรู้เลยว่า ชีวิตของคนทั้งสองหลังจากนี้ได้ดำเนินไปเช่นไร
 
== ลักษณะตัวละคร ==
[[ไฟล์:Paget holmes.png|thumb|200px|เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ กับ หมอวัตสัน ภาพวาดโดยซิดนี่ย์ซิดนีย์ แพเก็ตจิต ในนิตยสารสแตรนด์]]
 
=== นิสัยและบุคลิก ===
เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ มีชื่อเต็มว่า '''วิลเลียม เชอร์ล็อก สก๊อตสกอตต์ โฮล์มส์โฮมส์''' เป็นชาว[[อังกฤษ]] เกิดวันที่ [[6 มกราคม]] [[ค.ศ. 1854]] มีนิสัยรักสันโดษ แต่ก็ยังไม่สันโดษเท่าพี่ชาย คือ '''[[ไมครอฟต์ โฮล์มส์โฮมส์]]''' ที่คอยช่วยเหลือเขาในบางคดี เชอร์ล็อก มีรูปร่างผอมสูง จมูกโด่งเป็นสันเหมือนเหยี่ยว มีความรู้รอบตัวในหลาย ๆ ด้านทั้ง ทั้ง[[เคมี]] [[ฟิสิกส์]] และความรู้เกี่ยวกับพืชมีพิษตระกูลต่าง ๆ และเขายังเก่งเรื่องเล่น[[ไวโอลิน]] แต่เขาไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ[[ดาราศาสตร์]]เลย
 
โฮล์มส์โฮมส์มีอารมณ์แปลก ๆ บางครั้งก็เศร้าซึม พูดน้อย บางครั้งก็ร่าเริง หมอวัตสัน เพื่อนคู่หูของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ได้บรรยายถึงลักษณะต่าง ๆ ของโฮล์มส์โฮมส์เอาไว้ในบันทึกคดีคราวต่าง ๆ กัน เช่น ในเวลาที่กำลังครุ่นคิดเรื่องคดี โฮล์มส์โฮมส์จะไม่ทานข้าวเช้า (จาก ตอน ''ช่างก่อสร้างเจ้าเล่ห์ (the Norwood Builder) '') โฮล์มส์โฮมส์ชอบทำการทดลองเคมี แล้วทิ้งข้าวของในห้องกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ (จาก ตอน ''ปริศนาลายแทง (Musgrave Ritual) '') โฮล์มส์สูบโฮมส์สูบ[[ไปป์]]จัดมาก มักกลั่นแกล้ง[[ตำรวจ]]โดยการให้ข้อมูลปลอมหรือปกปิดหลักฐานบางอย่าง แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติแก่สตรีอย่างสูง (จาก ตอน ''นายหน้าขู่กิน (Charles Augustus Milverton) '') แต่นิสัยที่หมอวัตสันเห็นว่าเลวร้ายและยอมรับไม่ได้เลย คือ การที่โฮล์มส์ชอบเสพโฮมส์ชอบเสพ[[โคเคน]]กับ[[มอร์ฟีน]] ซึ่งวัตสันเห็นว่าเป็นความชั่วประการเดียวของโฮล์มส์โฮมส์<ref>Dalby JT. (1991). [http://bakerstreetdozen.com/coca.html "Sherlock Holmes' Cocaine Habit"] Irish Journal of Psychological Medicine 8: 73-74</ref>
 
โฮล์มส์โฮมส์ยังเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ ดังปรากฏในตอน ''ซ้อนกล (the Dying Detective) '' และ ''จดหมายนัดพบ (the Reigate Squires) '' และตอนอื่น ๆ อีกหลายตอน เพื่อหันเหความสนใจของผู้ต้องสงสัย มิให้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักฐานบางอย่าง ในตอน ''สัญญานาวี (the Naval Treaty) '' โฮล์มส์โฮมส์ได้แสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชมนักอาชญวิทยาชาวฝรั่งเศส อัลฟองเซ เบอทิลลอง ผู้คิดค้นทฤษฎีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระบุตัวตนของ[[อาชญากร]] นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า โฮล์มส์โฮมส์เป็นนักอ่าน นักศึกษา มีความรู้ด้านอาชญวิทยาอย่างกว้างขวาง และให้ความนิยมนับถือบรรดานักสืบผู้ชำนาญเป็นอย่างมาก<ref name="crime">Richard L. Kellogg, [http://sherlock-holmes.com/featur7.htm THE MORIARTY GENE]</ref>
 
แม้โฮล์มส์โฮมส์จะชอบกลั่นแกล้งตำรวจ แต่เขาก็เป็นมิตรที่ดีของ[[สก๊อตแลนด์ยาร์ดสกอตแลนด์ยาร์ด]]โดยเฉพาะ[[สารวัตรเลสเตรด]] และมักยกความดีความชอบในคดีให้แก่ฝ่ายตำรวจอยู่เสมอ ในตอน ''สัญญานาวี'' โฮล์มส์โฮมส์เคยบอกว่า ในบรรดาคดีที่เขาสะสาง 53 คดี เขายกความสำเร็จให้เพื่อนตำรวจไปเสีย 49 คดี คงมีแต่เพียงหมอวัตสันที่บรรยายถึงความสามารถของเขาผ่านทางบันทึกเท่านั้น
 
โฮล์มส์โฮมส์มีศัตรูตัวฉกาจ ชื่อ [[ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้]] ผู้มีมันสมองปราดเปรื่องในด้านอาชญากรรม อีกทั้งยังเป็นตัวการเบื้องหลังในบางคดีที่เกิดขึ้นอีกด้วย คำพูดของโฮล์มส์โฮมส์ที่ติดปากกันดี คือ '''"ถ้าเราตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อเพียงใด แต่มันก็เป็นความจริง"'''
 
=== ความรู้และทักษะ ===
โคนัน ดอยล์ ได้บรรยายถึงพื้นฐานการศึกษาและทักษะของโฮล์มส์โฮมส์ไว้ในนิยายตอนแรก ''แรงพยาบาท'' ว่า เขาเคยเป็นนักศึกษาสาขา[[เคมี]] ที่มีความสนอกสนใจไปสารพัด โดยเฉพาะวิชาความรู้ที่สามารถช่วยเหลือในการคลี่คลายคดี[[อาชญากรรม]] บันทึกคดีแรกของโฮล์มส์โฮมส์ที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร คือ ''เรือบรรทุกนักโทษ (Gloria Scott) '' ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้โฮล์มส์โฮมส์หันมายึดถืออาชีพ[[นักสืบ]] เขามักใช้ความรู้ทาง[[วิทยาศาสตร์]] [[ตรรกศาสตร์]] การสังเกตและการทดลอง มาใช้ประกอบในการพิจารณาคดีอาชญากรรมเสมอ แม้ว่าเขาจะชอบเก็บงำผลลัพธ์เอาไว้ และสร้างความประหลาดใจแก่ผู้อื่นโดยค่อย ๆ เผยปมของคดีให้ทราบทีละเล็กละน้อย
 
ในเรื่องยาว [[แรงพยาบาท]] (A Study in Scarlet) หมอวัตสันเคยประเมินทักษะต่าง ๆ ของโฮล์มส์ไว้โฮมส์ไว้ ดังนี้
# ความรู้ด้าน[[วรรณกรรม]] — น้อยมาก
# ความรู้ด้าน[[ปรัชญา]] — ไม่มี
บรรทัด 71:
# ความรู้ด้าน[[พฤกษศาสตร์]] — ไม่แน่นอน ชำนาญพิเศษด้านพืชมีพิษและ[[ฝิ่น]] แต่ไม่รู้ด้านการทำสวน
# ความรู้ด้าน[[ธรณีวิทยา]] — ชำนาญ แต่มีข้อจำกัด สามารถบอกความแตกต่างระหว่างดินแต่ละชนิด เช่นหลังจากออกไปเดินเล่น สามารถระบุตำแหน่งที่ได้รับรอยเปื้อนดินบนกางเกงได้ว่ามาจากส่วนไหนของลอนดอน โดยดูจากสีและลักษณะของดิน
# ความรู้ด้าน[[เคมี]] — ยอดเยี่ยม เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์เป็นตัวละครที่ได้รับตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์จากสมาคมเคมีแห่งราชสำนักอังกฤษ<ref>[http://forensic.to/webhome/ejwagner/SHrsc01.html Royal Society of Chemistry to Honour Sherlock Holmes with a Special Honorary Fellowship]</ref>
# ความรู้ด้าน[[กายวิภาค]] — แม่นยำ แต่ไม่เป็นระบบ สันนิษฐานได้ว่ามาจากการศึกษาด้วยตนเอง<ref>[http://writer.dek-d.com/zeezayuiwoy/story/viewlongc.php?id=664086&chapter=3]</ref>
# ความรู้ด้าน[[อาชญวิทยา]] — กว้างขวาง ดูเหมือนจะรู้จักเหตุสะเทือนขวัญอย่างละเอียดทุกเรื่องในรอบศตวรรษ<ref name="crime" />
บรรทัด 78:
# มีความรู้[[กฎหมาย]]อังกฤษเป็นอย่างดี
 
ในตอน ''ความลับที่หุบเขาบอสคูมบ์ (The Boscombe Valley Mystery) '' โฮล์มส์โฮมส์ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับยาสูบเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในตอน ''รหัสตุ๊กตาเต้นรำ (The Dancing Man) '' โฮล์มส์โฮมส์ได้แสดงถึงทักษะและไหวพริบในการถอดรหัส ส่วนความสามารถในการปลอมแปลงตัวของโฮล์มส์โฮมส์ได้ใช้ประโยชน์หลายครั้ง เช่น การปลอมเป็น[[กะลาสี]]ในตอน ''จัตวาลักษณ์ (The Sign of the Four) '' เป็นนักบวชผู้ถ่อมตนใน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย (A Scandle in Bohemie) '' เป็นคนติดยาใน ''ชายปากบิด (The Man with the Twisted Lip) '' เป็นพระชาวอิตาลีใน ''ปัจฉิมปัญหา (The Final Problem) '' หรือแม้แต่ปลอมเป็นผู้หญิงในตอน ''เพชรมงกุฎ (The Mazarin Stone) '' เป็นต้น
 
อย่างไรก็ดี มีบางเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า หมอวัตสันประเมินโฮล์มส์โฮมส์ผิดไปบ้าง เช่น เหตุการณ์ในตอน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย'' ซึ่งโฮล์มส์โฮมส์สามารถตระหนักถึงความสำคัญของเคานท์เคานต์ฟอนแครมได้ทันที หรือในหลาย ๆ คราวที่โฮล์มส์โฮมส์มักเอ่ยอ้างถึงถ้อยคำในพระคัมภีร์[[ไบเบิล]] [[วิลเลียม เชกสเปียร์|เชกสเปียร์]] หรือ[[เกอเธ่]] แต่กระนั้น โฮล์มส์โฮมส์กลับเคยบอกกับหมอวัตสันว่า เขาไม่สนใจเลยว่า[[โลก]]หรือ[[ดวงอาทิตย์]]จะหมุนรอบใครกันแน่ เพราะมันไม่มีประโยชน์ต่อการคลี่คลายคดีสักนิด
 
โฮล์มส์โฮมส์มีความสามารถในการวิเคราะห์หลักฐานทางกายภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ กระบวนการตรวจสอบหลักฐานของเขามีหลายกรรมวิธี เช่น การเก็บรอยรองเท้า รอยเท้าสัตว์ หรือรอยล้อรถจักรยาน เพื่อวิเคราะห์การกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเกิดอาชญากรรม (เช่น ตอน ''แรงพยาบาท'' หรือ ''หมาผลาญตระกูล'') หรือการวิเคราะห์ประเภทของยาสูบเพื่อระบุตัวตนของอาชญากร (เช่น ตอน ''จองเวร (The Resident Patient) '' หรือ ''หมาผลาญตระกูล'') โฮล์มส์โฮมส์เคยตรวจสอบร่องรอยผง[[ดินปืน]] และเปรียบเทียบ[[กระสุน]]ที่พบในที่เกิดเหตุ ทำให้แยกแยะได้ว่าฆาตกรมีสองคน (จาก ตอน ''จดหมายนัดพบ'' และ ''บ้านร้าง (The Empty House) '') นอกจากนี้ โฮล์มส์โฮมส์ยังเป็นคนแรก ๆ ที่มีแนวคิดในการตรวจสอบ[[ลายนิ้วมือ]]อีกด้วย (จาก ตอน ''ช่างก่อสร้างเจ้าเล่ห์'')
 
ในช่วงปีหลัง ๆ ระหว่างที่โฮล์มส์โฮมส์หยุดพักผ่อนที่ซัสเซกส์ดาวน์ซัสเซกซ์ดาวน์ (ในตอน ''รอยเปื้อนที่สอง (The Second Stain) '') เขาได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งเพื่อบันทึกการสังเกตเรื่องวิถีชีวิตของ[[ผึ้ง]] ชื่อ "Practical Handbook of Bee Culture" นอกจากนี้ ยังมีงานเขียนด้านวิชาการอื่น ๆ ของโฮล์มส์โฮมส์อีกหลายเล่ม เช่น "Upon the Distinction Between the Ashes of the Various Tobaccos" (การแยกแยะรายละเอียดระหว่างขี้เถ้าของยาสูบชนิดต่างๆต่าง ๆ) หรือ บทความสองเรื่องเกี่ยวกับ "หู" ที่ได้เผยแพร่ใน Anthropological Journal เป็นต้น<ref name="resume" />
 
=== ถิ่นที่อยู่ ===
[[ไฟล์:221B Baker Street.JPEG|thumb|250px|บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์]]
ตามท้องเรื่อง โฮล์มส์โฮมส์และหมอวัตสันรู้จักกันครั้งแรก เนื่องจากต่างต้องการหาผู้ร่วมเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันในกรุงลอนดอนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ห้องพักที่ทั้งสองเช่าเป็นบ้านของมิสซิสฮัดสัน ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ โดยพวกเขาเช่าพื้นที่ชั้นสองของบ้าน ส่วนมิสซิสฮัดสันอาศัยอยู่ชั้นล่าง และทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขาด้วย หมอวัตสันเคยย้ายออกจากบ้านเช่านี้ไปเมื่อคราวแต่งงาน ทว่าหลังจากภริยาเสียชีวิต หมอวัตสันก็ย้ายกลับมาอยู่กับเชอร์ล็อก โฮล์มส์อีกโฮมส์อีก
 
=== การงานอาชีพ ===
โฮล์มส์โฮมส์ทำงานเพียงอย่างเดียว คือ เป็นนักสืบเชลยศักดิ์ หมายถึง เป็นนักสืบเอกชนที่ทำงานตามการว่าจ้างเป็นคราว ๆ ไป อย่างไรก็ดี มีหลายครั้งที่โฮล์มส์โฮมส์ทำคดีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนตำรวจที่สก๊อตแลนด์ยาร์ด หรือเพื่อความบันเทิงส่วนตัว ลูกค้าส่วนใหญ่ของโฮล์มส์โฮมส์เป็นผู้มีสตางค์ โฮล์มส์โฮมส์จึงได้รับค่าจ้างอย่างงามจนสามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย หมอวัตสันเคยเล่าไว้ในตอน ''ซ้อนกล'' เมื่อตอนที่เขาย้ายออกไปจากบ้านเช่า และโฮล์มส์โฮมส์อาศัยอยู่เพียงลำพังว่า เงินค่าเช่าที่โฮล์มส์โฮมส์จ่ายมิสซิสฮัดสันนั้นมากพอจะซื้อตึกหลังนั้นได้เลยทีเดียว
 
ในตอน ''แผนผังเรือดำน้ำ'' โฮล์มส์โฮมส์ได้รับของรางวัลจากการคลี่คลายคดีให้แก่[[สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย]] เป็นเข็มกลัดมรกต คราวหนึ่งเขาได้รับเหรียญทองคำเป็นที่ระลึกจากไอรีน อัดแอดเลอร์ (ตอน ''เหตุอื้อฉาวในโบฮีเมีย'') อีกคราวหนึ่งในตอน ''โรงเรียนสำนักอธิการ (the Priory School) '' โฮล์มส์โฮมส์ถึงกับถูมือด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นตัวเลขในเช็คที่ท่านดยุคสั่งจ่าย ที่หมอวัตสันเองยังตื่นเต้นตกใจ แต่แล้วโฮล์มส์โฮมส์ก็ตบเช็คใบนั้นแล้วร้องว่า "กันยากจนจริงหนอ"
 
=== ครอบครัว และความรัก ===
โฮล์มส์โฮมส์มีพี่ชายหนึ่งคน คือ [[ไมครอฟต์ โฮล์มส์โฮมส์]] ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง แต่ไม่มีข้อมูลอื่นเกี่ยวกับครอบครัวของเขา นอกจากในเรื่องสั้นตอน ''ล่ามภาษากรีก'' ซึ่งโฮล์มส์โฮมส์เอ่ยถึงย่าของตนว่าเป็นน้องสาวของ[[เวอร์เน่ต์]] (Vernet) ศิลปินชาว[[ฝรั่งเศส]] โฮล์มส์โฮมส์ไม่ได้แต่งงาน เขามองว่าความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ที่จะทำให้การพิเคราะห์เหตุผลเกิดสับสนผิดพลาดได้ กระนั้นเขาก็เคยแสดงความชื่นชมต่อสตรีผู้หนึ่ง...และเพียงผู้เดียวเท่านั้น อดีตนักแสดงชูโรงโอเปราอุปรากรชาวอเมริกันผู้เคยมีสัมพันธ์ลับกับมกุฏราชกุมารมกุฎราชกุมารแห่งโบฮีเมีย ที่โฮล์มส์โฮมส์ต้องนำหลักฐานที่เธอถืออยู่ไว้กลับคืนแก่เจ้าชายผู้เป็นลูกความ ทว่าเธอสามารถรู้ทันแผนของโฮล์มส์โฮมส์และซ้อนแผนของเขาโดยทิ้งไว้เพียงรูปถ่ายของเธอเองเพียงรูปเดียวให้กับเจ้าชาย ซึ่งต่อมาโฮล์มส์โฮมส์ได้ขอพระราชทานมาแทนรางวัล และสำหรับโฮล์มส์โฮมส์แล้วเธอคือ''ยอด''หญิงเสมอ ซึ่งโฮล์มส์โฮมส์มองว่าเธอนั้นอยู่เหนือและบดบังสตรีเพศเดียวกันทั้งปวง เธอผู้นั้นคือ [[ไอรีน อัดแอดเลอร์]]
 
==ชีวิต==
 
===วัยเยาว์===
[[ไฟล์:A Study in Scarlet from Beeton's Christmas Annual 1887.jpg|thumb|upright|ภาพแรกของโฮล์มส์โฮมส์ที่ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1887]]
 
นอกเหนือไปจากการผจญภัยของโฮล์มส์ที่ ดร.โฮมส์ที่หมอวัตสันบันทึกเอาไว้ มีรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเขาน้อยมาก ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตวัยเยาว์และครอบครัวของเขาอยู่บ้าง ทำให้เห็นภาพชีวประวัติของโฮล์มส์บ้างเล็กโฮมส์บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
 
จากอายุของโฮล์มส์โฮมส์ที่ระบุไว้ในเรื่อง ''ลาโรง'' ทำให้ประมาณได้ว่า เขาเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1854 เพราะเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 และบรรยายว่าโฮล์มส์โฮมส์มีอายุ 60 ปี เลสลี คลิงเกอร์ ระบุวันเกิดของโฮล์มส์โฮมส์ว่าเป็นวันที่ 6 มกราคม<ref>{{cite book | last = Klinger | first = Leslie | title = The New Annotated Sherlock Holmes | publisher=W.W. Norton | location = New York | year = 2005 | isbn = 0-393-05916-2 |page=xlii}}</ref>
 
โฮล์มส์โฮมส์เคยบอกว่าเขาเริ่มพัฒนากระบวนการลำดับเหตุผลของตนขึ้นตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา คดีแรก ๆ ของเขาสมัยที่ยังเป็นมือสมัครเล่นนั้นมาจากพวกเพื่อนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย<ref name=musgrave1989>{{cite book|last=Doyle|first=Arthur Conan|title=The Original illustrated 'Strand' Sherlock Holmes|publisher=Wordsworth |location=Ware, England|year=1893|edition=1989|pages=354–355|isbn=978-1-85326-896-0}}</ref> ตามที่โฮล์มส์เล่าโฮมส์เล่า การได้พบกับพ่อของเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งทำให้เขาตัดสินใจถืออาชีพเป็นนักสืบ<ref>จากเรื่อง "เรือบรรทุกนักโทษ"</ref> และเขาใช้เวลาอีก 6 ปีทำงานเป็นนักสืบที่ปรึกษา จนกระทั่งประสบปัญหาทางการเงิน จึงต้องมาหาคนร่วมแบ่งห้องเช่า และได้พบกับหมอวัตสัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายชุดนี้
 
นับแต่ปี 1881 โฮล์มส์โฮมส์อาศัยอยู่ที่ห้องเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ กรุงลอนดอน อันเป็นที่ซึ่งเขาดำเนินกิจการนักสืบที่ปรึกษา ห้อง 221 บี เป็นอพาร์ทเมนต์ชั้นบนอะพาร์ตเมนต์ชั้นบน มีบันได 17 ขั้น ตั้งอยู่ทางซีกบนของถนน ก่อนจะพบกับหมอวัตสัน โฮล์มส์โฮมส์ทำงานเพียงลำพัง และจ้างชาวบ้านหรือเด็กข้างถนนใช้งานเป็นครั้งคราว
 
มีการกล่าวถึงครอบครัวของโฮล์มส์โฮมส์เพียงเล็กน้อย ไม่มีการเอ่ยถึงพ่อแม่ของเขาในนิยายเลย เขาพูดถึงบรรพบุรุษของตนคร่าว ๆ ว่าเป็น "ผู้ดีบ้านนอก" ในเรื่อง ''ล่ามภาษากรีก'' โฮล์มส์โฮมส์บอกว่าลุงของพ่อเขาคือ เวอร์เนต์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส พี่ชายของโฮล์มส์ชื่อโฮมส์ชื่อ ไมครอฟต์ อายุมากกว่าเขา 7 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปรากฏในนิยาย 3 เรื่อง<ref>''ล่ามภาษากรีก'', ''ปัจฉิมปัญหา'' และ ''แผนผังเรือดำน้ำ''</ref> และถูกเอ่ยถึงในนิยายอีก 1 เรื่อง<ref>''บ้านร้าง''</ref> ตำแหน่งงานของไมครอฟต์เป็นพลเรือน ทำหน้าที่คล้าย ๆ ฝ่ายข้อมูลหรือฐานข้อมูลเคลื่อนที่สำหรับนโยบายของรัฐบาลทั้งหมด นิยายบรรยายถึงไมครอฟต์ว่ามีพรสวรรค์ในด้านการสังเกตและการวิเคราะห์เหตุผลยิ่งกว่าโฮล์มส์เสียอีกโฮมส์เสียอีก แต่เขาออกจะขี้เกียจและไม่ชอบงานภาคสนามแบบโฮล์มส์โฮมส์ กลับชอบใช้เวลาว่างอยู่ในสมาคมไดโอจีนีส ซึ่งบรรยายไว้ว่าเป็น "สมาคมสำหรับชายผู้ไม่ชอบสมาคมแห่งลอนดอน"
 
===กับ ดร.วัตสัน===
[[ไฟล์:Sherlock Holmes - The Man with the Twisted Lip.jpg|thumb|right|ภาพวาดเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ โดย Sidney Paget จาก ''นิตยสารสแตรนด์'', ค.ศ. 1891 ในเรื่อง "ชายปากบิด"]]
 
โฮล์มส์โฮมส์ใช้ช่วงชีวิตการงานส่วนใหญ่ของตนอยู่กับ ดร.วัตสัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและผู้จดบันทึกชีวประวัติของเขา ดร.วัตสันพักอยู่กับโฮล์มส์โฮมส์ก่อนจะแต่งงานในปี ค.ศ. 1887 และหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตก็กลับมาอยู่กับโฮล์มส์อีกโฮมส์อีก เจ้าของห้องพักที่พวกเขาเช่าอยู่คือมิสซิสฮัดสัน
 
วัตสันมี 2 บทบาทในชีวิตของโฮล์มส์โฮมส์ อย่างแรกคือเป็นผู้ช่วยโฮล์มส์โฮมส์ในการสางคดี ทำหน้าที่คอยดูต้นทาง เป็นนกต่อ เป็นผู้ช่วยและส่งข่าว อย่างที่สอง เขาเป็นผู้บันทึกชีวประวัติของโฮล์มส์โฮมส์ เรื่องราวของโฮล์มส์โฮมส์เขียนขึ้นจากมุมมองของวัตสันในรูปบทสรุปของคดีน่าสนใจต่างๆต่าง ๆ ที่โฮล์มส์โฮมส์เคยสะสางมา โฮล์มส์โฮมส์มักบ่นว่างานเขียนของวัตสันนั้นเร้าอารมณ์มากเกินไป และมักบอกให้วัตสันบันทึกแต่ข้อเท็จจริงกับรายงานทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว
 
ถึงกระนั้น โฮล์มส์โฮมส์ถือว่ามิตรภาพกับวัตสันมีความสำคัญสูงยิ่ง มีบรรยายในนิยายหลายเรื่องถึงความชื่นชมที่โฮล์มส์โฮมส์มีต่อวัตสัน ซึ่งมักถูกปิดบังเอาไว้ภายใต้ความเย็นชาของเขา เช่นในเรื่อง ''พินัยกรรมประหลาด'' วัตสันได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับโจร แม้กระสุนปืนนั้นจะเพียงแค่ถากไปก็ตาม
 
โดยรวมแล้วโฮล์มส์โฮมส์ประกอบอาชีพนักสืบอยู่ 23 ปี โดยมี ดร.วัตสันร่วมอยู่ในชีวิตการงานของเขา 17 ปี<ref>จากเรื่อง "หญิงคลุมหน้า"</ref>
 
===ความรัก===
ในนิยายเรื่อง ''นายหน้าขู่กิน'' โฮล์มส์โฮมส์ได้หมั้นหมายกับหญิงคนหนึ่ง แต่ก็เพื่อหาข้อมูลในการทำคดีเท่านั้น แม้โฮล์มส์โฮมส์จะแสดงความสนใจในสตรีลูกความหลายคน (เช่น ไวโอเลต ฮันเตอร์ ในเรื่อง ''คฤหาสน์อุบาทว์'' ไวโอเลต สมิธ ในเรื่อง ''นักจักรยานผู้เดียวดาย'' และเฮเลน สโตนเนอร์ ในเรื่อง ''ห่วงแต้ม'') วัตสันก็บอกว่าเขา "เลิกสนใจในตัวลูกความทันทีที่หล่อนไม่ได้เป็นศูนย์กลางของปัญหาที่เขาต้องขบคิดอีกต่อไป" โฮล์มส์โฮมส์เห็นว่าความสาว ความสวย และความกระชุ่มกระชวย (ของคดีที่พวกหล่อนนำมา) ทำให้เขาสดชื่นรื่นเริง โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเชิงพิศวาสแต่อย่างใด ในนิยายชุดนี้ โฮล์มส์โฮมส์เป็นคนมีเสน่ห์ วัตสันเล่าว่าโฮล์มส์นั้นโฮมส์นั้น "เป็นโรคเกลียดผู้หญิง" แต่ "สามารถประจบประแจงเข้ากันกับพวกหล่อนได้เป็นอย่างดี" ส่วนโฮล์มส์บอกว่าโฮมส์บอกว่า ตนมิได้ชื่นชมสตรีอย่างหมดใจ เขาพบว่า "แรงผลักดันของสตรีนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ การกระทำเล็กๆเล็ก น้อยๆๆ น้อย ๆ ของพวกหล่อนอาจตีความได้มากมาย ... ความประพฤติอันผิดธรรมดาที่สุดอาจเป็นเพราะปิ่นปักผมอันเดียวเท่านั้น"
 
===เกษียณ===
ในเรื่อง ''ลาโรง'' โฮล์มส์โฮมส์เกษียณตนเองไปอยู่ในฟาร์มเล็กๆเล็ก ๆ ที่ซัสเซ็กส์ดาวน์ซัสเซกซ์ดาวน์ ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าย้ายไปเมื่อใด แต่ประมาณว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนปี ค.ศ. 1904 เพราะมีการเล่าย้อนความหลังในเรื่อง ''รอยเปื้อนที่สอง'' ซึ่งตีพิมพ์ในปีนั้น ที่ฟาร์มนี้เขาเลือกงานอดิเรกในการเลี้ยงผึ้งมาเป็นงานประจำ และได้เขียนหนังสือ "คู่มือว่าด้วยวัฒนธรรมของผึ้ง และผลสังเกตการณ์บางส่วนในการแยกอยู่กับนางพญา" เนื้อเรื่องเล่าถึงโฮล์มส์โฮมส์กับวัตสันที่หยุดชีวิตเกษียณชั่วคราวเพื่อช่วยเหลืองานทางทหารในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นอกจากนี้มีนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเกษียณ คือ ''ขนคอสิงห์'' ซึ่งโฮล์มส์โฮมส์เป็นคนเล่าเรื่องเอง ไม่มีรายละเอียดว่าโฮล์มส์โฮมส์เสียชีวิตเมื่อใด
 
== แรงบันดาลใจ ==
บรรทัด 135:
 
[[ไฟล์:Igmicro.jpg|thumb|right|กล้องจุลทรรศน์ในปี 1852]]
เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญต่อ[[นิติวิทยาศาสตร์]]ในวรรณกรรม โดยเฉพาะวิธีที่เขาใช้ในการตรวจตราสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งหลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถแสดงถึงลำดับเหตุการณ์ของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นได้ เขาใช้วัตถุพยานเช่นรอยรองเท้าหรือล้อรถเป็นประโยชน์บ่อยครั้ง รวมถึง[[ลายนิ้วมือ]] แนวกระสุนปืน และการวิเคราะห์ลายนิ้วมือ หลักฐานเหล่านี้ใช้เพื่อทดสอบทฤษฎี ที่ฝ่ายตำรวจหรือตัวเขาเองคาดการณ์ขึ้น เทคนิคต่าง ๆ ทั้งหมดที่โฮล์มส์โฮมส์ใช้ซึ่งในยุคสมัยที่ดอยล์ประพันธ์ยังเป็นเพียงแนวคิดเริ่มต้นนั้น ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังในเวลาต่อมา มีอยู่หลายคดีที่โฮล์มส์โฮมส์บ่นอยู่บ่อย ๆ ถึงการที่ผู้คนโดยเฉพาะพวกตำรวจเข้าไปก่อกวนจนสถานที่เกิดเหตุเสียหาย ซึ่งแสดงถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการรักษาสภาพเดิมของสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ ปัจจุบันก็คือ[[การตรวจสถานที่เกิดเหตุ]]นั่นเอง
 
เนื่องจากร่องรอยหลักฐานมีขนาดเล็กมาก (เช่น ขี้บุหรี่ เส้นผม หรือลายนิ้วมือ) เขาจึงมักใช้[[แว่นขยาย]]ในการตรวจสถานที่ และใช้[[กล้องจุลทรรศน์]]ตรวจซ้ำเมื่อกลับไปยังบ้านของเขาที่ถนนเบเกอร์ เขาใช้การวิเคราะห์ทางเคมีในการตรวจรอยเลือดแห้งหรือสารพิษ โฮล์มส์โฮมส์มีห้องทดลองเคมีขนาดย่อมในบ้านของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนจะใช้กระบวนการทางเคมีอย่างง่ายในการตรวจสอบสารเฉพาะบางอย่าง เช่นในเรื่อง ''สัญญานาวี'' มีการตรวจสอบแนวกระสุนปืนถ้าพบว่ามีการใช้ปืนในที่เกิดเหตุ และมีการวัดขนาดลำกล้องเพื่อตรวจสอบกับอาวุธของผู้ต้องสงสัย เช่นในเรื่อง ''บ้านร้าง''
 
โฮล์มส์โฮมส์ยังให้ความสำคัญมากกับเครื่องแต่งกายและทัศนคติของทั้งลูกความและผู้ต้องสงสัย เขาบันทึกสไตล์และรูปแบบการแต่งกาย เนื้อผ้า รอยตำหนิต่าง ๆ (เช่น รอยโคลนบนรองเท้า) ภาวะจิตใจและภาวะทางกายภาพเพื่อลงความเห็นถึงที่มาและสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น รอยตำหนิบนผิวหนังเช่น รอยสัก อาจเผยถึงความเป็นมาอะไรได้มากมาย วิธีการเดียวกันนี้ยังใช้กับเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น ไม้เท้า (ที่เห็นชัดในเรื่อง ''หมาผลาญตระกูล'') หรือหมวก (ในคดี ''ทับทิมสีฟ้า'') ซึ่งร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเหรียญตรา เนื้อผ้า และรอยตำหนิอื่นบ่งชี้ถึงตัวเจ้าของที่หายไป
 
ปี ค.ศ. 2002 ราชสมาคมเคมีแห่งลอนดอน มอบตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ให้แก่เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ สำหรับการที่เขาใช้นิติวิทยาศาสตร์และการวิเคราะห์ทางเคมีในวรรณกรรมอันโด่งดังนี้<ref>{{cite news |url=http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/northern_ireland/2332461.stm |title=NI chemist honours Sherlock Holmes |date=16 October 2002 |publisher=BBC News |accessdate=19 June 2011}}</ref> และทำให้เขาเป็นตัวละครเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้ (ตราบถึงปี 2012)
 
===บทบาทในประวัติศาสตร์นิยายนักสืบ===
[[ไฟล์:The Purloined Letter.jpg|thumb|ออกุสต์ ดูแปง ใน "The Purloined Letter"]]
 
แม้เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ จะไม่ใช่ตัวละครนักสืบคนแรก (เขาได้รับอิทธิพลจาก ออกุสต์ ดูแปง ของ[[เอ็ดการ์ อัลลัน โพ]] และ มงซิเออร์ เลอค็อค ของ Émile Gaboriau ซึ่งทั้งสองตัวละครแสดงความเย่อหยิ่งอย่างเปิดเผย) แต่{{cn-span|ชื่อของเขากลับกลายเป็นความหมายถึงการเป็นนักสืบ เรื่องราวของเขายังรวมเอาตัวละครนักสืบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นผู้ช่วยที่แสนภักดีแต่ฉลาดน้อยไปนิด อันเป็นบทบาทที่หมอวัตสันกลายเป็นต้นแบบ}} นิยายนักสืบกลายเป็นที่นิยม นักเขียนหลายคนเขียนนิยายนักสืบหลังจากหมดยุคของโฮล์มส์ไปแล้วโฮมส์ไปแล้ว เช่น [[อกาธา คริสตี้]]และ[[โดโรธี เซเยอร์]] กับตัวละคร [[แอร์กูล ปัวโรต์]]และ[[ลอร์ดปีเตอร์ วิมซีย์]] {{cn-span|กระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ถูกลดความสำคัญลงกว่าจิตวิทยาของอาชญากรรม}} ทั้ง ๆ ที่มีตำรวจเริ่มใช้การสืบสวนแบบนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
 
===การศึกษาทางวิทยาศาสตร์===
เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ถูกนำมาศึกษาในทางวิทยาศาสตร์อยู่หลายคราว จอห์น แรดฟอร์ด (1999) คาดเดาระดับความฉลาดของเขา โดยอาศัยนิยายของโคนัน ดอยล์ เป็นข้อมูล แรดฟอร์ดใช้กระบวนวิธีที่แตกต่างกัน 3 แบบเพื่อประเมินระดับ[[ไอคิว]]ของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ และสรุปว่าระดับไอคิวของเขาสูงมากประมาณ 190<ref>{{cite book |last=Radford |first=John |title=The Intelligence of Sherlock Holmes and Other Three-pipe Problems |publisher=Sigma Forlag |year=1999 |isbn=82-7916-004-3}}</ref> สไนเดอร์ (2004) ศึกษาวิธีการทำงานของโฮล์มส์โฮมส์โดยใช้วิทยาศาสตร์และอาชญวิทยาในช่วงกลางถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19<ref>{{cite journal |author=Snyder LJ|title= Sherlock Holmes: Scientific detective | journal=Endeavour |year = 2004 |volume = 28 |pages = 104–108|doi= 10.1016/j.endeavour.2004.07.007 |pmid= 15350761 |issue= 3
}}</ref> เคมป์สเตอร์ (2006) เปรียบเทียบทักษะของนักประสาทวิทยากับคุณลักษณะต่าง ๆ ของโฮล์มส์โฮมส์<ref>{{cite journal |author=Kempster PA |title= Looking for clues | journal=Journal of Clinical Neuroscience |year = 2006 |volume = 13 |pages = 178–180|doi= 10.1016/j.jocn.2005.03.021 |pmid= 16459091 |issue= 2
}}</ref> และสุดท้าย ไดเดียร์จีนกับ[[เฟอร์นานด์ โกเบ็ต]] (2008) ศึกษานิยายเรื่องนี้ในแง่มุมทางจิตวิทยาของผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เป็นต้นแบบของผู้เชี่ยวชาญในวรรณกรรม พวกเขาให้ความสำคัญกับแง่มุมงานเขียนของดอยล์ที่เทียบได้กับคำว่า ผู้เชี่ยวชาญ ในปัจจุบัน แง่มุมที่เป็นไปไม่ได้ และแง่มุมที่ควรต้องศึกษาต่อไป<ref>{{cite journal |author=Didierjean, A & Gobet, F |title= Sherlock Holmes&nbsp;– An expert's view of expertise | journal=British Journal of Psychology |year = 2008 |volume = 99 |pages = 109–125|url= http://bura.brunel.ac.uk/handle/2438/854 |doi= 10.1348/000712607X224469 |pmid= 17621416 |issue= Pt 1
}}</ref>
 
== การตีพิมพ์และการแปล ==
[[ไฟล์:Holmes sara.JPG|thumb|200px|left|เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ฉบับแปลไทยครั้งแรก]]
 
''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ตีพิมพ์ครั้งแรกใน[[ประเทศอังกฤษ]] ในหนังสือพิมพ์ ''Beeton's Christmas Annual'' ค.ศ. 1887 โดยตอนแรกที่พิมพ์ คือ ''แรงพยาบาท'' หลังจากนั้น จึงได้ลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร''สแตรนด์'' ปี ค.ศ. 1892 เรื่องสั้นที่โคนัน ดอยล์ เขียนลงใน''สแตรนด์'' ได้นำมาพิมพ์รวมเล่มครั้งแรก โดยสำนักพิมพ์ George Newnes ใช้ชื่อหนังสือว่า "''The Adventures of Sherlock Holmes''" ต่อมา ฉบับรวมเล่มนี้ได้ตีพิมพ์ใน[[สหรัฐอเมริกา]] โดยสำนักพิมพ์ Harper & Brothers กรุงนิวยอร์ก ปี ค.ศ. 1892 เช่นเดียวกัน<ref>[http://www.indiana.edu/~liblilly/holmes/adventures.shtml "The Adventures..."] Sherlock Holmes in the Lilly Library</ref>
 
''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ได้แปลเป็นภาษาต่าง ๆ กว่า 60 ภาษา<ref>Christy Edina Richards, [ils.unc.edu/MSpapers/2907.pdf AN ASSESSMENT OF THE MARY SHORE CAMERON SHERLOCK HOLMES COLLECTION] University of North Carolina at Chapel Hill</ref> และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ปี ค.ศ. 2004 ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ได้วางจำหน่ายเป็นหนังสือชุดพิเศษสำหรับนักสะสม ในโอกาสครบรอบวันเกิด 150 ปีของโฮล์มส์โฮมส์<ref>[http://www.voanews.com/english/archive/2004-12/2004-12-24-voa33.cfm Americans Join In Celebrations As Sherlock Holmes Turns 150]</ref>
 
สำหรับ[[ประเทศไทย]] มีการแปลเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' เป็นภาษาไทยครั้งแรก โดย [[หลวงสารานุประพันธ์]] ตีพิมพ์ลงในนิตยสารสารานุกูล ในปี พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) <ref>[http://www.osknetwork.com/modules.php?name=News&file=read_article&sid=2530&mode=thread&order=0&thold=0 OSK หลวงสารานุประพันธ์ ผู้แต่งเพลงชาติไทย]</ref><ref>[http://www.su-usedbook.com/article.php?id=912&lang=th สารบาญ หนังสือสารานุกูล]</ref> ต่อมา [[อ. สายสุวรรณ]] แปลต้นฉบับ ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' จนครบทุกตอนทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวเป็นคนแรก<ref>[http://www.reurnthai.com/index.php?topic=888.0;wap2 "มาคุยเรื่องนิยายแปลกันเจ้าค่ะ"] จาก reurnthai.com</ref> ปี พ.ศ. 2535 [[สำนักพิมพ์ดอกหญ้า]] นำผลงานแปลของ อ. สายสุวรรณ มาจัดพิมพ์ใหม่ทั้งชุด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2549 [[สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์]] ได้นำเรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' มาแปลใหม่อีกครั้งทั้งชุดโดย มิ่งขวัญ แต่ใช้สำนวนแปลและชื่อเรื่องที่ต่างออกไป ในปี พ.ศ. 2552 [[แพรวสำนักพิมพ์]] ได้รวบรวม ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' สำนวนแปลของ อ. สายสุวรรณ มาตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
 
== รายชื่อผลงานในชุด ==
บรรทัด 175:
แต่เดิมลงพิมพ์เป็นตอน ต่อมามีการรวมเล่มเป็นห้าชุด ได้แก่
 
; ชุด "[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ชุด ผจญภัย|ผจญภัย]]" (The Adventures of Sherlock Holmes)
{{col-begin}}
{{col-2}}
บรรทัด 197:
{{col-end}}
 
; ชุด "[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ชุด จดหมายเหตุ|จดหมายเหตุ]]" (The Memoirs of Sherlock Holmes)
{{col-begin}}
{{col-2}}
บรรทัด 218:
{{col-end}}
 
; ชุด "[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ชุด คืนชีพ|คืนชีพ]]" (The Return of Sherlock Holmes)
{{col-begin}}
{{col-2}}
บรรทัด 241:
{{col-end}}
 
; ชุด "[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ชุด ลาโรง|ลาโรง]]" (His Last Bow)
{{col-begin}}
{{col-2}}
บรรทัด 255:
<li> โลงศพต่อพิเศษ (The Disappearance of Lady Frances Carfax)
<li> ตีนผี (The Devil's Foot)
<li> เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ลาโรง (His Last Bow)
</ol>
{{col-end}}
 
; ชุด "[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ชุด บันทึกคดี|บันทึกคดี]]" (The Case-Book of Sherlock Holmes)
{{col-begin}}
{{col-2}}
บรรทัด 283:
== ความนิยม และอิทธิพลต่องานอื่น ==
=== ความนิยมในประเทศอังกฤษ ===
เรื่องสั้น ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ที่ลงพิมพ์ในนิตยสารสแตรนด์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนผู้อ่านจำนวนมากเชื่อว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ มีตัวตนจริง และพากันเขียนจดหมายไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือ จดหมายจำนวนมากที่ส่งไปยังบ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ถูกตีกลับมายังที่ทำการไปรษณีย์ เนื่องจากบ้านเลขที่นั้นไม่มีอยู่จริง<ref name="221B">[http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2004/01/11/AR2005041501841.html ''SHERLOCK HOLMES 101''] จาก Washingtonpost.com</ref> กล่าวกันว่า โคนัน ดอยล์ มีรายได้จากนวนิยายเรื่องนี้มากกว่างานประจำของเขาเสียอีก{{อ้างอิง}}
 
ปี [[ค.ศ. 1893]] เมื่อโคนัน ดอยล์ เริ่มคิดโครงเรื่องนิยายได้ยากขึ้น และต้องการหันไปทุ่มเทกับงานเขียนด้านอื่นที่เขาเห็นว่ามีคุณค่ามากกว่า เขาได้เขียนเรื่องสั้นตอน ''ปัจฉิมปัญหา (The Final Problem) '' ให้เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับ[[ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้]]และพลัดตกเหวไป เพื่อจบบทบาทของเชอร์ล็อก โฮล์มส์เสียโฮมส์เสีย ผลปรากฏว่า ผู้อ่านพากันต่อว่าต่อขานโคนัน ดอยล์ อย่างเคียดแค้น สมาชิกนิตยสารสแตรนด์ บอกยกเลิกสมาชิกภาพถึงกว่าสองหมื่นคน บางคนถึงกับไว้ทุกข์ให้แก่เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ มีจดหมายจำนวนมากส่งไปถึงโคนัน ดอยล์ เพื่อเค้นถามข้อเท็จจริงว่า โฮล์มส์โฮมส์ตกเหวไปแล้วตายจริงหรือเปล่า{{อ้างอิง}} หลังจากต้านทานแรงกดดันจากสาธารณะแปดปี ในที่สุดโคนัน ดอยล์ ทนไม่ไหว จึงปล่อยเรื่องยาว ''หมาผลาญตระกูล'' ออกมาในปี ค.ศ. 1901 ทำให้ผู้อ่านตื่นเต้นยินดีมาก แต่ก็ยังไม่หายสงสัย เพราะเหตุการณ์ในเรื่อง ''หมาผลาญตระกูล'' เป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะต่อสู้กับศาสตราจารย์มอริอาตี้ ข้อกังขาว่าโฮล์มส์โฮมส์ตกเหวแล้วตายหรือไม่ จึงยังมิได้ไขกระจ่าง<ref>[http://www.siracd.com/work_h_death.shtml The Death of Sherlock Holmes]</ref>
 
ในที่สุด โคนัน ดอยล์ แต่งเรื่องสั้นชุด "คืนชีพ" (The Return of Sherlock Holmes) ในปี ค.ศ. 1903 เป็นการตอบคำถามว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ยังไม่ตาย หลังจากนั้น เขาก็แต่งเรื่องยาวและเรื่องสั้นอีกหลายเรื่อง<ref>[http://www.channel4.com/science/microsites/S/science/life/biog_doyle.html Life Stories: Sir Arthur Conan Doyle]</ref>
 
ในปี ค.ศ. 2002 ราชสมาคมเคมีแห่งประเทศอังกฤษมอบตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ให้แก่เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ในฐานะนักสืบคนแรกที่นำศาสตร์ทางเคมีไปประยุกต์ใช้กับงานสืบสวน ในโอกาสครบรอบหนึ่งร้อยปีการคลี่คลายคดี ''หมาผลาญตระกูล'' และครบรอบหนึ่งร้อยปีการรับบรรดาศักดิ์อัศวินของเซอร์ อาเธอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์<ref>[http://www.rsc.org/pdf/pressoffice/2002/sherlock_holmes.pdf ''RSC's News Release] 14 ตุลาคม ค.ศ. 2002</ref>
 
ปี ค.ศ. 2007 หนังสือพิมพ์ Beeton's Christmas Annual 1887 ซึ่งตีพิมพ์เรื่อง ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ตอนแรกสุด ได้รับประมูลไปในราคา 156,000 ดอลลาร์สหรัฐ<ref>Randall Stock [http://members.aol.com/_ht_a/shbest/ref/beetons-christmas-annual.htm Beeton's Christmas Annual 1887: An Annotated Checklist and Census] 9 สิงหาคม 2007</ref>
 
=== สมาคม ===
ปี ค.ศ. 1934 มีการก่อตั้งสมาคมเชอร์ล็อก โฮล์มส์ขึ้นในโฮมส์ขึ้นใน[[กรุงลอนดอน]] และหน่วยลาดตระเวนถนนเบเกอร์ก็ตั้งขึ้นใน[[กรุงนิวยอร์ก]] สมาคมทั้งสองนี้ยังคงมีกิจกรรมต่อเนื่องอยู่จนถึงปัจจุบัน (แม้ว่าสมาคมเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ จะสลายตัวไปในปี 1937 แต่ก็มีการรื้อฟื้นขึ้นใหม่ในปี 1951) และยังมีสมาคมเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ตั้งขึ้นในประเทศอื่น ๆ อีก เช่น ใน[[เดนมาร์ก]] [[อินเดีย]] และ[[ญี่ปุ่น]]
 
[[ไฟล์:Bakerstreet london.JPG|thumb|200px|พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ บนถนนเบเกอร์]]
 
=== พิพิธภัณฑ์ ===
ระหว่างงานเทศกาลใหญ่ในอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1951 มีการก่อสร้างห้องนั่งเล่นของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เพื่อแสดงใน ''นิทรรศการเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' โดยจำลองของสะสมของโฮล์มส์โฮมส์และองค์ประกอบต่าง ๆ ตามที่มีระบุในนิยาย หลังปิดงานนิทรรศการ ข้าวของเหล่านั้นนำไปเก็บไว้ที่ผับเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ในกรุงลอนดอน และบางส่วนนำไปเก็บไว้กับพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของโคนัน ดอยล์ ใน[[ลูเซนส์ลูว์ซ็อง]] [[ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]] ต่อมา ในปี ค.ศ. 1990 มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ที่บ้านเลขที่ 239 ถนนเบเกอร์ ในกรุงลอนดอน<ref name="221B" /> และที่[[ไมริงเกนไมริงเงิน]] ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปีต่อมา แต่พิพิธภัณฑ์สองแห่งนี้แสดงข้อมูลของโคนัน ดอยล์ มากกว่าข้อมูลของโฮล์มส์โฮมส์
 
พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ที่ "221 บี ถนนเบเกอร์" นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในโลกที่ตั้งขึ้นสำหรับตัวละครในนิยาย<ref>Becki Rose [http://www.themagicallibrary.com/works/holmesinfluence.htm Sherlock Holmes and His Infuence Around the World]</ref>
 
=== อนุสาวรีย์ ===
อนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าสถานี[[รถไฟใต้ดิน]]ถนนเบเกอร์ นอกจากนี้ ยังมีอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์และวัตสัน ที่สถานทูตอังกฤษในกรุง[[มอสโก]] เป็นผลจากความโด่งดังของโฮล์มส์โฮมส์ที่นำไปจัดทำเป็นรายการโทรทัศน์ใน[[ประเทศรัสเซีย]]<ref name="Holmes in Russia">[http://news.bbc.co.uk/2/hi/europe/6607249.stm Moscow honours legendary Holmes] จาก bbc.co.uk</ref>
 
ที่ไมริงเกนไมริงเงิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์แล้วโฮมส์แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮล์มส์ด้วยโฮมส์ด้วย เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ โดยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง คือ [[น้ำตกไรเคนบาคเชินบัค]] ซึ่งเป็นสถานที่ที่โฮล์มส์โฮมส์ต่อสู้กับมอริอาร์ตี้จนพลัดตกเหวไป<ref>[http://www.bluebookski.com/bluebook9/Switzerland_Meiringen.htm Spotlight On Meiringen]</ref>
 
=== อิทธิพลต่องานอื่น ===
ภาพลักษณ์ของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ คือ การสวมเสื้อคลุม หมวก และคาบไปป์ กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ ภาพยนตร์และละครหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักสืบมักแต่งตัวตามอย่างโฮล์มส์เช่นนี้โฮมส์เช่นนี้ และยังมีนวนิยายแนวสืบสวนอีกหลายเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮล์มส์โดยตรงโฮมส์โดยตรง เช่น
* หนังสือและภาพยนตร์การ์ตูนจาก[[ประเทศญี่ปุ่น]] เรื่อง ''[[ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน]]'' ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ค่อนข้างมาก ทั้งบุคลิกของตัวละครหลัก และชื่อของตัวละครที่นำมาจากชื่อกลางของเซอร์ อาเธอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์
* ตัวละครหลักในละครทีวีเรื่อง [[เฮาส์ เอ็ม.ดี.]] คือ เกรกอรี่อรี เฮาส์ ก็ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ทั้งในการชอบใช้ยา (เฮาส์ติดยาแก้ปวด ส่วนโฮล์มส์สูบไปป์โฮมส์สูบไปป์และเคยใช้โคเคน) ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้ เฮ้าส์ใช้เทคนิคเดียวกันกับโฮล์มส์โฮมส์ในการตรวจวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยของเขา เพื่อนสนิทของเฮ้าส์เฮาส์ คือ ดร.นายแพทย์เจมส์ วิลสัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชื่อที่คล้ายกัน คือ เฮ้าส์เฮาส์-โฮล์มส์โฮมส์ กับ เจมส์ วิลสัน-จอห์น วัตสัน นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่ชื่อ มอริอาตี้ตี (ชื่อเดียวกับอริของโฮล์มส์โฮมส์) ปรากฏตัวในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่สอง และเกือบจะสังหารเฮ้าส์ได้สำเร็จเฮาส์ได้สำเร็จ<ref>[http://www.housemd-guide.com/holmesian.php Connections Between House and Holmes] จากเว็บไซต์ละครเรื่อง ''House M.D.''</ref> นอกจากนั้นที่อยู่ของเฮาส์คือเลขที่ 221 บี เช่นเดียวกับโฮล์มส์โฮมส์
* [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ผู้ทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากเรื่องชุดเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ในการพระราชนิพนธ์นิยายนักสืบชุด [[นิทานทองอิน]] บรรยายพฤติการณ์ของ "นายทองอิน รัตนะเนตร์" ซึ่งมีอาชีพเป็นนักสืบ มีสหายคู่ใจผู้ร่วมผจญภัยและเป็นผู้เล่าเรื่องแต่ละตอน (ทำนองเดียวกับ นพ. วัตสันในเรื่องเดิม) ชื่อ นายวัด มีอาชีพเป็นหมอความหรือทนาย พฤติการณ์หลายเรื่องของนายทองอินได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องของเซอร์อาเธอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ แต่บางเรื่องก็ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนักสืบของผู้อื่น เช่น [[เอดการ์ อัลลัน โป]] และมีบางเรื่องที่พระราชนิพนธ์ขึ้นเอง<ref>รื่นฤทัย สัจจพันธุ์, ''คดีรหัส - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว'', สำนักพิมพ์ศยาม [http://www.naiin.com/product/detail/60892/%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9]</ref><ref>http://www.reurnthai.com/index.php?topic=793.0</ref>
 
== การดัดแปลงเป็นสื่ออื่น ==
เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงมาก และมีการนำไปจัดแสดงเป็นละครเวทีหรือภาพยนตร์มากมาย เช่นเดียวกับ[[แฮมเล็ต]]หรือ[[แดรกคูลา|แดร็กคูล่าแดรคิวลา]]ที่มีผู้นำไปสร้างและแต่งเติมเรื่องราวไปอีกเป็นจำนวนมาก หนังสือ[[บันทึกสถิติโลกกินเนสส์|กินเนสส์บุ๊คบุ๊ก]]บันทึกว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เป็น "ตัวละครที่มีผู้แสดงมากที่สุด" คือ มีนักแสดงกว่า 75 คนที่รับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ ปรากฏในภาพยนตร์กว่า 211 เรื่อง<ref>[http://www.henryzecher.com/sherlock_holmes.htm Sherlock Holmes and the 21st Century]</ref>
 
=== ภาพยนตร์ ===
ในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1939 - 1946 เบซิล รัธโบน แสดงเป็น เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ โดยมีไนเจล บรูซ เป็นหมอวัตสัน แสดงร่วมกันในภาพยนตร์ 15 เรื่อง นับเป็นภาพยนตร์ชุดเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นอกจากนี้ นักแสดงคนอื่น ๆ ที่เคยแสดงเป็น โฮล์มส์โฮมส์ ได้แก่ มอริส คอสเตลโล, บัสเตอร์ คีตัน, [[คริสโตเฟอร์ ลี]], ปีเตอร์ กุชชิ่ง, จอร์จ ซี สก๊อต, ไมเคิล เคน, [[คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์]], แมท ฟรีเวอร์, จอห์น เนวิล, [[โรเจอร์ มัวร์]], ปีเตอร์ คุก, และ เลโอนาร์ด นิโมย<ref name="h_bbc">[http://www.bbc.co.uk/dna/h2g2/A2913734 ''Sherlock Holmes Part II - the Legacy''] จาก bbc.co.uk</ref>
 
ในปี ค.ศ. 2009 ฮอลลีวูดฮอลลีวุดได้นำเรื่องเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ กลับมาสร้างใหม่ ใช้ชื่อตรง ๆ ว่า ''Sherlock Holmes'' หรือชื่อภาษาไทยว่า '''''[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ดับแผนพิฆาตโลก]]''''' โดยมี [[โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์]] รับบทเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์, [[จู๊ด ลอว์]] รับบทเป็น ด็อกเตอร์ จอห์น หมอวัตสัน, และ [[ราเชล แม็กอดัมส์]] รับบทเป็น ไอรีน อัดแอดเลอร์ สามารถทำรายได้ในสหรัฐอเมริกากว่าสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ทั่วโลกกว่าห้าร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
ในปี ค.ศ. 2011 เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ มีภาคต่อคือ '''''[[เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เกมพญายมเงามรณะ]]''''' โดยมี [[โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์]], [[จู๊ด ลอว์]] และ [[ราเชล แม็กอดัมส์]] กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง
 
=== ละครวิทยุ ===
[[สถานีวิทยุบีบีซี]] ออกอากาศละครชุดเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ในปี ค.ศ. 1974 โดยมี แบร์รี่ ฟอสเทิร์ล รับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ และเดวิด บัค เป็นหมอวัตสัน ต่อมา ในปี ค.ศ. 1989 มีการออกอากาศอีกครั้งแบบเต็มชุด เริ่มตั้งแต่ตอน ''แรงพยาบาท'' และปิดชุดด้วยตอน ''หมาผลาญตระกูล'' คลิฟ เมอริสัน รับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ และไมเคิล วิลเลียมส์ เป็นหมอวัตสัน<ref name="h_bbc" />
 
=== รายการโทรทัศน์ ===
''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' เป็นตัวละครจากนิยายคนแรกที่มีการนำมาดัดแปลงเป็นรายการโทรทัศน์ โดยตอน ''พินัยกรรมประหลาด (The Three Garridebs) '' ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 จากเวที Radio City Music Hall ในกรุง[[นิวยอร์ก]]โดยสมาพันธ์เครือข่ายวิทยุอเมริกัน (American Radio Relay League) ภาพการแสดงสดจะนำมาประกอบกับบทบรรยายข้างใต้ก่อนออกอากาศ หลุยส์ เฮคเตอร์ แสดงเป็นนักสืบโฮล์มส์โฮมส์ และวิลเลียม พอดมอร์ แสดงเป็นหมอวัตสันเพื่อนคู่หู<ref>[http://www.museum.tv/archives/etv/S/htmlS/sherlockholm/sherlockholm.htm SHERLOCK HOLMES Mystery (Various National Productions)]</ref>
 
ปี ค.ศ. 1968 [[สถานีโทรทัศน์บีบีซี]] ดัดแปลงเรื่องราวของนักสืบผู้ยิ่งใหญ่นี้ออกอากาศทางช่อง บีบีซี 1 โดยมี ปีเตอร์ กุชชิ่ง รับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ และไนเจล สตอค เป็นหมอวัตสัน แต่ละครโทรทัศน์ชุดที่โด่งดังที่สุด คือ ชุดที่ ทอม เบเกอร์ รับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ ในตอน ''หมาผลาญตระกูล'' ในปี ค.ศ. 1982<ref name="h_bbc" />
 
เรื่องยาวของโคนัน ดอยล์ ตอน ''หมาผลาญตระกูล'' เป็นตอนที่มีการนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์มากที่สุดถึง 18 ครั้ง ครั้งล่าสุดออกอากาศทางช่อง บีบีซี 1 เมื่อช่วงคริสต์มาส ปี 2003 นำแสดงโดยริชาร์ด ร็อกซเบิร์ก เป็นโฮล์มส์โฮมส์ และ เอียน ฮาร์ท เป็นหมอวัตสัน<ref name="h_bbc" />
 
ในปี 2010 สถานีโทรทัศน์บีบีซีได้จัดทำผลิตเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ในรูปแบบของซีรีส์โดยใช้ชื่อว่า ''[[เชอร์ล็อก (ซีรีส์โทรทัศน์)|เชอร์ล็อก]]'' ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ซีซั่นฤดูกาล แสดงนำนำแสดงโดย [[เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบชคัมเบอร์แบตช์]] และ [[มาร์ติน ฟรีแมน]]
 
สำหรับนักแสดงผู้รับบทเป็น เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ที่โด่งดังที่สุด (และอาจเป็นผู้แสดงได้ดีที่สุด) คือ [[เจเรมี เบรต]] (Jeremy Brett) ซึ่งรับบทเป็นโฮล์มส์โฮมส์ ทั้งสิ้น 42 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 จนถึงวาระสุดท้ายในปี [[ค.ศ. 1995]]<ref name="h_bbc" /><ref>[http://www.tv.com/jeremy-brett/person/30188/biography.html Jeremy Brett]</ref>
 
ในช่วงปี ค.ศ. 1979-1986 [[รายการโทรทัศน์]]ใน[[รัสเซีย]] จัดทำละครชุด "เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์" นำแสดงโดย วาสิลี ลิวานอฟ (Vasily Livanov) ผลจากการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาได้รับพระราชทาน[[เครื่องราชอิสริยาภรณ์]]จาก[[สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2]] แห่งอังกฤษ<ref name="Holmes in Russia" />
 
=== เชอร์ล็อก โฮล์มส์ยุคหลังโฮมส์ยุคหลัง ===
หลังจากที่ โคนัน ดอยล์ เสียชีวิตไปแล้ว มีนักประพันธ์ที่สร้างนวนิยายเกี่ยวกับ เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ สืบเนื่องต่อมาอีก ส่วนหนึ่งมีการเขียนร่วมกับทายาทของโคนัน ดอยล์ และบางส่วนเขียนขึ้นเองเป็นเอกเทศ แม้ในยุคเดียวกันกับโคนัน ดอยล์ เอง ก็มีนักประพันธ์เลื่องชื่อท่านอื่นๆอื่น ๆ ที่นำ ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ไปปรากฏในผลงานเขียนของตน เช่น [[มาร์ค ทเวน]] ได้ประพันธ์เรื่อง ''A Double Barrelled Detective Story'' เมื่อปี ค.ศ. 1902 เป็นนิยายเชิงขบขันล้อเลียน เขานำบุคลิกของโฮล์มส์โฮมส์ไปตีความในแง่มุมที่ขบขัน (ทำให้แฟน ๆ ของโฮล์มส์โฮมส์ไม่ชอบใจนักและบางคนบอกว่าเขาเลวไปเลย) <ref>เวสลี่ย์ บริตตอน. [http://www.twainweb.net/reviews/es-rev1.html รวมบทวิจารณ์ อารมณ์ขันของมาร์ค ทเวน กับ "The Double-Barreled Detective Story"] เรียบเรียงจากเว็บไซต์ [http://www.twainweb.net/ marktwain forum]</ref> นักเขียนนิยายสืบสวนและสยองขวัญชื่อดังอย่าง [[สตีเฟน คิง]] ก็เคยเขียนเรื่อง ''The Doctor's Case'' ในปี ค.ศ. 1987 โดยในเรื่องนี้ หมอวัตสัน สามารถคลี่คลายคดีได้ก่อนโฮล์มส์โฮมส์<ref>[http://www.horrorking.com/findstory.html รวมผลงานของสตีเฟน คิง]</ref> แต่ก็ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกดีเท่าไรนัก
 
ลูกชายของโคนัน ดอยล์ ชื่อ [[เอเดรียน โคนัน ดอยล์]] ร่วมกับ [[จอห์น ดิกสัน คารร์]] ในการแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับการสืบสวนคดีของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 เรื่อง พิมพ์รวมเล่มในปี ค.ศ. 1954 ใช้ชื่อว่า ''The Exploits of Sherlock Holmes''
 
งานเขียนชุดหนึ่งที่จัดว่ามีชื่อเสียงไม่แพ้ชุดของโคนัน ดอยล์ เนื่องจากสามารถรักษาบุคลิกภาพและแนวทางดำเนินเรื่องได้คล้ายคลึงกับต้นฉบับ คืองานเขียนชุดเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ของ[[นิโคลัส มีเยอร์]] ได้แก่เรื่อง ''[[The Seven-Per-Cent Solution]]'', ''The Canary Trainer'' และ ''The West End Horror'' มีเยอร์เปิดตัว ''The Seven-Per-Cent Solution'' ในปี 1974 โดยแต่งเนื้อเรื่องว่าทายาทของหมอวัตสันได้รับมอบเอกสารส่วนหนึ่งมาเป็นมรดก ในเอกสารเหล่านั้นมี "บันทึกที่หายไป" ว่าด้วยคดีของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
 
ปี ค.ศ. 1985 มีหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด ''The Further Adventures of Sherlock Holmes'' ภายในประกอบด้วยเรื่องสั้นเกี่ยวกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ที่เขียนขึ้นโดยนักเขียนหลายๆหลาย ๆ ท่าน เช่น จูเลียน ไซมอนส์, วินเซนต์ สตาร์เรตต์, สจ๊วต ปาล์มเมอร์ และโรนัลด์ น็อกซ์ เป็นต้น แนวทางการประพันธ์ของหนังสือชุดนี้ค่อนข้างเอาจริงเอาจังมากกว่างานเขียนเกี่ยวกับโฮล์มส์โฮมส์ในชุดอื่นๆอื่น ๆ <ref>[http://www.mysterylist.com/holmes.htm Sir Arthur Conan Doyle & SHERLOCK HOLMES (Canon and Pastiche)]</ref> ชื่อหนังสือนี้ต่อมาได้เป็นชื่อซีรีส์ละครวิทยุที่ออกอากาศทาง[[สถานีวิทยุบีบีซี]] ในปี ค.ศ. 2002 ผู้เขียนบทละครวิทยุชุดนี้คือ เบิร์ต คูลส์ โดยมี คลิฟ เมอร์ริสัน ให้เสียงเป็นโฮล์มส์โฮมส์<ref>Charles Prepolec, [http://www.bakerstreetdozen.com/furtheradvent.html The Further Adventures of Sherlock Holmes: Reviewed]</ref>
 
นอกจากนี้ยังมีนักเขียนคนอื่น ๆ ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยของโฮล์มส์โดยตรงโฮมส์โดยตรง หรือที่นำเรื่องราวของโฮล์มส์โฮมส์ไปเป็นส่วนประกอบ อีกเป็นจำนวนมาก<ref>[http://www.nationmaster.com/encyclopedia/List-of-authors-of-new-Sherlock-Holmes-stories รายชื่อนักประพันธ์ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ''เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์'' ขึ้นใหม่]</ref> บางเรื่องยังประพันธ์ให้โฮล์มส์โฮมส์กับวัตสัน ได้มาพบกับโคนัน ดอยล์ เองด้วย<ref>[http://www.nationmaster.com/encyclopedia/List-of-authors-of-new-Sherlock-Holmes-stories Siyaram Saran: ''The Boer War Mystery'']</ref>
 
== อ้างอิง ==
บรรทัด 367:
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Sherlock_Holmes}}
* [http://www.sherlockholmesonline.org/ Sir Arthur Conan Doyle Literary Estate] - Official Website {{en}}
* [http://publicliterature.org/books/sherlock_holmes/xaa.php ''การผจญภัยของเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ (The Adventures of Sherlock Holmes) ''] นิยายออนไลน์ฉบับเต็ม และฉบับ PDF {{en}}
* [http://www.sherlock-holmes.co.uk/ พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์] ถนนเบเกอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ {{en}}
* [http://www.sherlock-holmes.org.uk/ สมาคมเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ แห่งประเทศอังกฤษ] {{en}}
* [http://168.144.50.205/221bcollection/canon/index.htm เชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ฉบับสมบูรณ์] รวมเรื่องสั้น 56 เรื่อง เรื่องยาว 4 เรื่อง และภาพวาดต้นฉบับในนิตยสารฉบับพิมพ์ครั้งแรก {{en}}
* [http://sherlockholmes.stanford.edu/ Discovering Sherlock Holmes] งานวิจารณ์วรรณกรรมของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด {{en}}
* [http://special.lib.umn.edu/rare/holmes.phtml The Sherlock Holmes Collections] รวมแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์โฮมส์ ที่มหาวิทยาลัยมินเนโซตามินนิโซตา {{en}}
* [http://webarchive.nationalarchives.gov.uk/20110928204036/http://www.westminster.gov.uk/libraries/special/sherlock.cfm Sherlock Holmes Special Collections]
* [http://www.bbc.co.uk/radio4/musicfeature/pip/i0bqx/ Sounds of the Baskervilles BBC Radio 4 programme on Holmes and music]