ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิมองโกล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 79:
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 1714]] (พ.ศ. 1171) เตมูจินวัย 9 ขวบ ต้องเดินทางไปยังเผ่าหนจิลาเพื่อหมั้นกับสาวของเผ่าหนจิลาที่ชื่อว่า '''บูร์ไต''' โดยบิดาเยซูไกได้นำทางไปและส่งตัวให้กับเผ่าหนจิลาเพื่อผูกมิตรไมตรี ตามประเพณีของชนเผ่าเตมูจิน เจ้าบ่าวจะต้องอยู่ที่เผ่าหนจิลาถึง 2 ปี หลังจากนั้นจึงกลับไปที่เผ่ามองโกลพร้อมกับคู่หมั้นได้ แต่ระหว่างทางกลับของหัวหน้าเยซูไก เยซูไกได้ถูกลอบสังหาร ซึ่งการสังหารนี้เชื่อว่าเป็นฝีมือของเผ่าทะทาเอยที่มาแก้แค้น ลูกน้องในเผ่ามองโกลจึงต้องรีบนำตัวเตมูจินกลับไปโดยไม่ได้บอกเรื่องของเยซูไกที่ถูกสังหารให้เผ่าหนจิลาทราบ
 
เมื่อเตมูจินมาถึงปรากฏว่าเผ่าของเขาโดนแย่งอำนาจเสียหมดแล้ว ตระกูลไฮซูอู้ยึดอำนาจของเผ่ามองโกลได้ทั้งหมดและสั่งเคลื่อนย้ายถิ่นฐานโดยอ้างว่าเยซูไกได้ไปแย่งหญิงที่เป็นกาลากิณีกาลกิณี ทำให้เผ่ามองโกลมีศัตรูมากขึ้น และไม่ให้เตมูจินกับครอบครัวร่วมเดินทางไปกับเผ่าด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พี่น้องเผ่ามองโกลบ้างส่วนไม่พอใจและแยกทางกับตระกูลไฮซูอู้ บ้างก็ไปอยู่กับเผ่าอื่นบ้างก็แยกไปตั้งเผ่าใหม่ และในตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดที่จะอยู่กับเตมูจินแม้แต่พี่น้องแท้ ๆ ของเยซูไกเพราะเตมูจินในขณะนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เผ่ามองโกลสลายตัวไป สัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่เลี้ยงไว้เพื่อบริโภค ก็ถูกพวกตระกูลไฮซูอู้นำไปหมด ทำให้เตมูจินมีแค่มารดากับน้อง ๆ ซึ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้นแสนสาหัส
 
หลายปีต่อมาพวกตระกูลไฮซูอู้รู้ข่าวว่าเตมูจินยังไม่ตาย จึงเริ่มออกตามล่า ในช่วงนี้มีแต่ข่าวลือว่าเตมูจินถูกตระกูลไฮซูอู้จับได้และก็หนีออกมาได้ออกมาตลอด ซึ่งการหนีรอดมาได้ของเตมูยินยังไม่มีใครสรุปได้ว่าเพราะอะไร อาจมีเหตุผลหลายประการดังนี้
# เตมูยินรอดมาได้เพราะมีคนช่วยเอาไว้
# เตมูยินรอดมาได้ด้วยตนเอง
บรรทัด 94:
ต่อมาเตมูจินได้ไปขอคู่หมั้นที่เคยมั่นไว้ที่[[เผ่าหนจิลา]] และนำกลับมายัง[[เผ่ามองโกล]] ซึ่งเขาได้นำสิ่งของมีค่าไปให้โตกรุลข่าน (ข่านของเผ่าเคอเรอิตผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นเผ่าที่นับถือ[[ศาสนาคริสต์]]และเคยร่วมสาบานกับเยซูไกบิดาของเตมูจิน) เพื่อแสดงมิตรไมตรีต่อระหว่างกันสองเผ่า และในขณะเดียวกันเผ่าเบี้ยฉีที่รู้ถึงที่มั่นใหม่ของเผ่ามองโกลใหม่ก็ได้นำทัพโจมตีเผ่ามองโกลขณะที่เตมูจินอยู่ที่เผ่าเคอเรอิต แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของ[[เผ่ามองโกล]]หนีทัน แต่ว่าบูร์ไตภรรยาของเตมูจินกลับหนีไม่รอดถูกเผ่าเบี้ยฉีจับได้และถูกจับเป็นเมียของเผ่าเบี้ยฉี
 
เมื่อเตมูจินทราบข่าว จึงนำทัพไปบุกเผ่าเบี้ยฉีทันที แต่เตมูจินเสียเปรียบในด้านจำนวนของทัพ ทัพของเตมูจินที่บุกเผ่าเบี้ยฉีมีไม่ถึงพันนาย ในขณะที่นักรบเผ่าเบี้ยฉีมีมากกว่า 20,000 นาย และผลปรากฏว่าเตมูจินต้องหนีฝ่าวงล้อมของเผ่าเบี้ยฉีออกมา นักรบเผ่ามองโกลตายไปกว่าครึ่ง แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้เตมูจินได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งต่อมาเตมูจินได้ไปขอความช่วยเหลือจากเผ่าเคอเรอิต และเผ่าจาลา (หัวหน้าเผ่าคือจาบูฮาเคย ซึ่งได้ร่วมสาบานร่วมเป็นร่วมตายกับเตมูจิน ตั้งแต่วัยเด็กในช่วงที่เตมูยินอยู่อย่างแล้งแค้นแร้นแค้นแสนสาหัส) ทั้งสองเผ่าตกลงยอมร่วมมือกับเตมูจินเพื่อโจมตีเผ่าเบี้ยฉี
 
สงครามครั้งใหญ่เริ่มขึ้นในปี [[พ.ศ. 1725]] (ค.ศ. 1182) กองทัพเผ่ามองโกล กองทัพ[[เผ่าเคอเรอิต]] และกองทัพเผ่าจาลาได้มารวมตัวกันที่ที่ตั้งของเผาจาลา และได้โจมตีเผ่าเบี้ยฉีจนเผ่าเบี้ยฉีพ่ายแตกย่อยยับและหนีไปทางตะวันออกของทะเลทรายโกบี เตมูจินได้ช่วยภรรยาไว้ได้พร้อมกับได้ลูกซึ่งอยู่ในท้องและเมื่อคลอดออกมาก็ตั้งซื่อว่าโจชิ (หรือซูซือ) ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่าโจชิเป็นลูกของเตมูจินหรือลูกของเผ่าเบี้ยฉี
บรรทัด 104:
ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์คือชนเผ่าของเตมูจิน และข่านส่วนหนึ่งได้ไปสังหารน้องชายของจาบูฮาเข้าโดยคาดไม่ถึง เนื่องจากมีปัญหาแย่งฝูงม้ากัน เป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่าง 2 เผ่าขึ้น มิตรไมตรีที่มีมาตั้งแต่อดีตได้สิ้นสุดลง
 
[[ฤดูใบไม้ผลิ]]ปี [[พ.ศ. 1734]] (ค.ศ. 1191) จาบูฮาได้แบ่งกำลังเป็น 13 ทัพโอบล้อมเผ่ามองโกล ซึ่งเรียกกันว่าสงคราม 13 ทัพ เผ่ามองโกลตีฝ่าวงล้อมได้เพราะได้ญาติมิตรของเผ่ามองโกลในอดีตที่ไปอยู่ที่เผ่าจาลาเปิดทางให้กองทัพมองโกลหนีจากนั้นก็ไปอยู่กับเตมูจินข่าน เผ่าจาลาจับทหารมองโกลได้บ้างบางส่วนและจับคนพวกนั้นโยงลงหม้อใหญ่ที่กำลังน้ำเดือดที่ไว้ใช้ต้มแกะทั้งตัวแต่นี้คือการต้มคนเป็น ๆ ลงในหม้อใหญ่ถึงประมาณ 70 คนและแจกจ่ายให้ทหารกินกันอย่างป่าเถื่อน
 
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 1739]] (ค.ศ. 1196) เตมูจินมีอายุได้ 34 ปี เมืองกิมได้ส่งทูตมายังเผ่ามองโกล ให้เตมูจินข่านช่วยปราบเผ่าทะทาเอยเนื่องจากเผ่าทะทาเอยก่อเหตุปล่นชิงปล้นชิง[[ปศุสัตว์]]อยู่เสมอ และเนื่องจากแม่ทัพอาณาจักรกิมไม่คุ้นเคยสภาพอากาศทะเลทรายโกบี [[ฮ่องเต้]]เมืองกิมจึงขอให้เตมูจินข่าน (เนื่องจากมีชื่อเสียงเมื่อครั้งที่ปราบเผ่าเบี้ยฉี) เป็นแม่ทัพเมืองกิมและนำทหารไปปราบเผ่าทะทาเอย เตมูจินข่านก็ตกลงและส่งทูตไปเผ่าเคอเรอิตเพื่อให้ร่วมทำสงครามนี้ด้วย ซึ่งในฤดูร้อนปีเดียวกันนั้น กองทัพเตมูจินข่านและกองทัพโตกรุลข่านได้นำทัพไปปราบเผ่าทะทาเอย คนของ[[เผ่าทะทาเอย]]ส่วนหนึ่งสามารถหนีรอดมาได้
 
หลังจากนั้นเมืองกิมได้ส่งทูตมาให้ตำแหน่งเตมูจินข่านให้เป็นผู้ปกครองทุกเผ่า ส่วนโตกรุลข่านให้เป็นอ๋องข่าน เตมูจินข่านไม่สนใจกับอำนาจที่เมืองกิมให้ และเขาต้องระวังอยู่ตลอดเวลาเพราะเมืองกิมอาจส่งสายลับมาดูความเคลื่อนไหวของเผ่าเขา และด้วยเหตุนี้เตมูจินข่านจึงให้ชาวเผ่ามองโกลทั้งหมดอพยพห่างออกไปจากอาณาจักรกิม แต่การย้ายนี้ทำให้เผ่าจาลารู้ที่ตั้งของเผ่ามองโกล จาบูฮาจึงได้รวบรวมศัตรูของเตมูจินทั้งหมดซึ่งรวมกันถึง 12 เผ่า เช่น [[เผ่าเบี้ยฉี]] [[เผ่าทะทาเอย]] [[เผ่าหนจิลา]] ([[เผ่าภรรยา]]ของเตมูจิน) [[เผ่าจาลา]] [[เผ่าไนแมนส์]] (เผ่าใหญ่ทางตะวันตกของทะเลทรายโกบีนับถือ[[ศาสนาคริสต์]]) และพวกเผ่าเล็ก ๆ อื่น ๆ รวมทัพโจมตีเผ่ามองโกลในปี [[พ.ศ. 1744]] (ค.ศ. 1201) เรียกกันว่าสงคราม 12 เผ่า