ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
Adding dtac article designator, article needing attention using AWB |
||
บรรทัด 1:
{{บทความดีแทค}}
{{บทความดีแทค}}
[[ไฟล์:Jupitermoon.jpg|thumb|200px|Montage of [[Jupiter]]'s four Galilean moons, in a composite image comparing their sizes and the size of Jupiter. From top to bottom: [[Io (moon)|Io]], [[Europa (moon)|Europa]], [[Ganymede (moon)|Ganymede]], [[Callisto (moon)|Callisto]].]]
'''ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ''' ({{lang-en|Galilean moons}}) คือ [[ดาวบริวาร|ดวงจันทร์บริวาร]]ทั้ง 4 ดวงของ[[ดาวพฤหัสบดี]]ซึ่งถูกค้นพบโดย [[กาลิเลโอ กาลิเลอี]] ในราวเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1610 ดวงจันทร์ทั้ง 4 ดวงเป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา[[ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี]] ชื่อของดวงจันทร์ทั้ง 4 ได้รับการตั้งชื่อคนรักของ [[ซูส]] ได้แก่ ''[[Io (mythology)|ไอโอ (Io)]]'' ''[[ยูโรปา|ยูโรปา (Europa)]]'' ''[[แกนีมีด (เทพปกรณัม)|แกนิมิด (Ganymede)]] ''และ [[Callisto (mythology)|''คาลลิสโต (Callisto)'']] ดวงจันทร์ทั้ง 4 เป็น[[List of moons by diameter|วัตถุที่มีมวลมากที่สุด]]ใน[[ระบบสุริยะ]]นอกเหนือจาก[[ดวงอาทิตย์]]และดาวเคราะห์ทั้งแปดดวง มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า[[ดาวเคราะห์แคระ]]ใดๆ ดวงจันทร์สามดวงด้านใน ได้แก่ ไอโอ ยูโรปา แกนิมิด มี[[การสั่นพ้องของวงโคจร]]ที่ 1:2:4
ดวงจันทร์ทั้ง 4 ดวงถูกค้นพบในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1609 ถึง 1610 เมื่อกาลิเลโอได้ปรับปรุง[[กล้องโทรทรรศน์]]ซึ่งทำให้เขาสามารถสังเกตุเห็นเทหฟากฟ้าได้ชัดเจนขึ้นกว่าที่ผ่านมา<ref name=Galileo89/> การค้นพบของกาลิเลโอแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกล้องโทรทรรศน์ในฐานะของเครื่องมือสำหรับนักดาราศาสตร์ในการช่วยให้สามารถเห็นวัตถุในอวกาศที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นการค้นพบที่ไม่อาจโต้แย้งถึงการโคจรของดวงดาวหรือเทหฟากฟ้ารอบสิ่งอื่นๆนอกจากโลกนี้ได้สั่นคลอนอย่างรุนแรงต่อระบบโลกของปโตเลมี ([[ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง|Ptolemaic world system]]) ที่ได้รับการยอมรับในขณะนั้น ระบบโลกของปโตเลมีเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดาวดาวและวัตถุต่างๆโคจรรอบโลก
เส้น 12 ⟶ 13:
=== การค้นพบ ===
[[ไฟล์:Galileo.arp.300pix.jpg|thumb|left|upright|[[กาลิเลโอ กาลิเลอี]], the discoverer of the four Galilean moons]]
ผลจากการปรับปรุง[[
เมื่อวันที่ 7 มกราคม ปี ค.ศ. 1610 กาลิเลโอได้เขียนจดหมายซึ่งกล่าวถึงดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนั้นเขามองเห็นเพียงสามดวง และเขาเชื่อว่าดวงจันทร์เหล่านั้นมีตำแหน่งที่อยู่คงที่ใกล้กับดาวพฤหัสบดี เขายังได้สังเกตุวงโคจรของดวงจันทร์ทั้งสาม ในระหว่างวันที่ 8 มกราคม ถึง 2 มีนาคม ปี ค.ศ. 1610 ในระหว่างที่เฝ้าสังเกตุดวงจันทร์ทั้งสามอยู่นั้น เขาก็ได้ค้นพบดวงจันทร์ดวงที่สี่และจากการสังเกตุเขาได้ค้นพบว่าดวงจันทร์ทั้งสี่ไม่ได้อยู่คงที่แต่มันได้โคจรไปรอบๆดาวพฤหัสบดี<ref name=Galileo89/>
การค้นพบของกาลิเลโอได้พิสูจน์ถึงความสำคัญของกล้องโทรทรรศน์ในฐานะเครื่องมือของนักดาราศาสตร์ว่ายังมีเทหวัตถุในอวกาศที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ารอการค้นพบอยู่ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นการค้นพบว่ามีเทหฟากฟ้าที่โคจรรอบสิ่งอื่นนอกจากโลกได้สั่นคลอนอย่างรุนแรงต่ออระบบโลกของปโตเลมี ([[ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง|Ptolemaic world system]]) ที่ได้รับการยอมรับในขณะนั้นซึ่งเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและเทหฟากฟ้าอื่นๆทั้งหมดจะโคจรรอบโลก<ref>{{Cite web|url= http://galileo.rice.edu/sci/observations/jupiter_satellites.html|title=Satellites of Jupiter|accessdate=9 August 2007|work=The Galileo Project|publisher=[[มหาวิทยาลัยไรซ์]]|year=1995}}</ref> บทความของกาลิเลโอ ''Sidereus Nuncius'' (''Starry Messenger'') ซึ่งประกาศถึงการเฝ้าสังเกตุฟากฟ้าผ่านกล้องโทรทรรศน์ของเขานั้นไม่ได้กล่าวยอมรับทฤษฎี [[Copernican heliocentrism]] ซึ่งเชื่อว่า[[
นักดาราศาสตร์ชาวจีน [[Xi Zezong]] ได้อ้างว่ามีการค้นพบดาวสีแดงขนาดเล็กอยู่ใกล้กับดาวพฤหัสบดีในราว 362 ปีก่อนคริสตกาลโดยนักดาราศาสตร์ชาวจีน [[Gan De]] ซึ่งคาดว่าจะเป็น แกนิมิด ([[Ganymede (moon)|Ganymede]]) ซึ่งเป็นเวลาราวสองพันปีก่อนการค้นพบของกาลิเลโอ<ref>Zezong, Xi, "The Discovery of Jupiter's Satellite Made by Gan De 2000 years Before Galileo", ''Chinese Physics'' 2 (3) (1982): 664–67.</ref>
เส้น 118 ⟶ 119:
ไอโอมีภูเขาไฟซึ่งยังไม่ดับอยู่มากกว่า 400 ลูก จึงทำให้ไอโอเป็นดาวที่มีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยามากที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล<ref name=Lopes2004>{{Cite journal|last=Lopes|first=R. M. C.|year=2004|title=Lava Lakes on Io: Observations of Io's Volcanic Activity from Galileo NIMS During the 2001 Fly-bys|journal=Icarus|volume=169|issue=1|pages=140–174|bibcode=2004Icar..169..140L|doi=10.1016/j.icarus.2003.11.013|display-authors=1|last2=Kamp|first2=Lucas W|last3=Smythe|first3=William D|last4=Mouginis-Mark|first4=Peter|last5=Kargel|first5=Jeff|last6=Radebaugh|first6=Jani|last7=Turtle|first7=Elizabeth P|last8=Perry|first8=Jason|last9=Williams|first9=David A|first10=R.W}}</ref> พื้นผิวของมันเป็นรอยด่างด้วยภูเขามากกว่า 100 ลูก บางลูกมีความสูงมากกว่ายอดเขาเอเวอร์เรสบนโลก ([[ยอดเขาเอเวอเรสต์]])<ref name=Schenk2001>{{Cite journal|last=Schenk|first=P.|year=2001|title=The Mountains of Io: Global and Geological Perspectives from ''Voyager'' and ''Galileo''|journal=Journal of Geophysical Research|volume=106|issue=E12|pages=33201–33222|bibcode=2001JGR...10633201S|doi=10.1029/2000JE001408|display-authors=1|last2=Hargitai|first2=Henrik|last3=Wilson|first3=Ronda|last4=McEwen|first4=Alfred|last5=Thomas|first5=Peter}}</ref> ส่วนประกอบหลักของไอโอเป็นหินซิลิกาห่อหุ้มแกนกลางซึ่งเป็นหินหลอมเหลวหรือไอออนซัลไฟด์ ซึ่งต่างจากดวงจันทร์ในระบบสุริยะชั้นนอกส่วนมากที่เป็นชั้นน้ำแข็งหนาห่อหุ้มแกนกลาง
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ จากข้อมูลล่าสุดจากยานกาลิเลโอออร์บิตเตอร์ (Galileo orbiter) ชื้ให้เห็นว่าไอโออาจจะมีสนามแม่เหล็กของมันเอง<ref>{{Cite journal| last=Porco|first=C. C.|authorlink=Carolyn Porco|title=Cassini imaging of Jupiter's atmosphere, satellites, and rings|journal=Science|volume=299|pages=1541–1547|year=2003|doi =10.1126/science.1079462| pmid=12624258| issue=5612|bibcode = 2003Sci...299.1541P| display-authors=1| last2=West| first2=RA| last3=McEwen| first3=A| last4=Del Genio| first4=AD| last5=Ingersoll| first5=AP| last6=Thomas| first6=P| last7=Squyres| first7=S| last8=Dones| first8=L| last9=Murray| first9=CD| first10=TV| first11=JA| first12=A| first13=G| first14=J| first15=JM| first16=T| first17=M| first18=JJ| first19=P| first20=P| first21=T| first22=H| first23=M| first24=AR }}</ref> ไอโอมีบรรยากาศที่เบาบางมากประกอบด้วย[[
=== ยูโรปา (Europa) ===
เส้น 125 ⟶ 126:
ยูโรปา ดวงจันทร์ลำดับที่สองของกลุ่มดวงจันทร์ของกาลิเลโอ อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีเป็นลำดับที่สองและมีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มดวงจันทร์ของกาลิเลโอ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3121.6 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเราเพียงเล็กน้อย ชื่อ ยูโรปา (Europa) ตั้งตาม [[ยูโรปา|Europa]] เจ้าหญิงชาวฟีนีเซีย ([[ฟินิเชีย]]n) ซึ่งต่อมาได้เป็นคนรักของซูส ([[ซูส]]) และราชินิแห่งคริต ([[ครีต]]) แต่ชื่อนี้ไม่ได้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายจนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 20<ref name="marazzini"/>
ยูโรปาเป็นดาวที่ราบเรียบที่สุดในระบบสุริยะ<ref>{{Cite web|url=http://www2.jpl.nasa.gov/galileo/moons/europa.html|title=Europa: Another Water World?|year=2001|accessdate=9 August 2007|publisher=[[นาซา]], Jet Propulsion Laboratory|work=Project Galileo: Moons and Rings of Jupiter}}</ref> ด้วยชั้นของน้ำซึ่งคาดการณ์ว่าจะหนาถึง 100 กิโลเมตรห่อหุ้มแกนกลางของดาว พื้นผิวที่ราบเรียบประกอบขึ้นจากชั้นของน้ำแข็งขณะที่ส่วนที่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งนั้นในทางทฤษฎีน่าจะเป็นน้ำในรูปของเหลว<ref name="EuropaAlbedo">{{Cite web|url=http://www.solarviews.com/eng/europa.htm|author=Hamilton, C. J.|title=Jupiter's Moon Europa}}</ref> ผิวที่ราบเรียบและมีอายุไม่มากนั้นสนับสนุนสมมุติฐานว่ามีมหาสมุทรอยู่ภายใต้พื้นผิวซึ่งอาจเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ([[extraterrestrial life]])<ref>{{Cite web|url=http://people.msoe.edu/~tritt/sf/europa.life.html|title=Possibility of Life on Europa|last=Tritt|first=Charles S.|accessdate=10 August 2007|publisher=Milwaukee School of Engineering|year=2002}}</ref> พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจากแรงน้ำขึ้นน้ำลงช่วยทำให้น้ำอยู่ในสภาพของเหลวและเป็นแรงผลักดันให้เกิดกิจกรรมทางธรณีวิทยาบนดวงจันทร์<ref name="geology">{{Cite web| url=http://geology.asu.edu/~glg_intro/planetary/p8.htm |title=Tidal Heating|accessdate=2007-10-20|work=geology.asu.edu |archiveurl = http://web.archive.org/web/20060329000051/http://geology.asu.edu/~glg_intro/planetary/p8.htm |archivedate = 2006-03-29}}</ref> สิ่งมีชีวิตอาจสามารถอาศัยอยู่บนยูโรปาภายใต้มหาสมุทรที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งซึ่งอาจคล้ายกับสิ่งมีชีวิตบนโลกที่อาศัยบนโลก เช่น ปล่องความร้อนใต้มหาสมุทรลึก ([[ปล่องไฮโดรเทอร์มอล]]s) หรือ ทะเลสาบวอสตอก ([[Lake Vostok]]) ในทวีปแอนตาร์กติก<ref>''[http://science.nasa.gov/newhome/headlines/ast10dec99_2.htm Exotic Microbes Discovered near Lake Vostok]'', Science@NASA (December 10, 1999)</ref> สิ่งมีชีวิตที่อาศัยในมหาสมุทรอาจคล้ายกับ[[
รอยขีดที่ปรากฏอย่างเด่นชัดทั่วไปบนดวงจันทร์ซึ่งคือ [[albedo feature]]s เป็นรอยลึกในภูมิประเทศ มีหลุมอุกกาบาตไม่มากนักบนยูโรปาเนื่องจากภูมิประเทศมีอายุน้อยและการเปลี่ยนแปลง<ref>Arnett, B.; ''[http://www.astro.auth.gr/ANTIKATOPTRISMOI/nineplanets/nineplanets/europa.html Europa]'' (November 7, 1996)</ref> บางทฤษฎีกล่าวว่าแรงดึงดูดของดาวพฤหัสบดีเป็นต้นเหตุของรอยเหล่านี้จากการที่ยูโรปาหันด้านหนึ่งเข้าหาดาวพฤหัสบดีตลอดเวลา รวมทั้งการปะทุของน้ำจากมหาสมุทรภายใต้เปลือกน้ำแข็งทำให้ผิวของดวงจันทร์แยกออกหรือแม้แต่น้ำพุไกเซอร์ (geyser) ก็เป็นสาเหตุของรอยขีดเหล่านี้ สีแดงน้ำตาลของรอยขีดเหล่านี้ ในทางทฤษฎีคาดว่าจะเกิดจากกำมะถัน แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดเนื่องจากยังไม่มีการส่งเครื่องมือตรวจวัดใดๆไปที่ยูโรปา<ref>{{Cite web|title=Distribution of hydrate on Europa: Further evidence for sulfuric acid hydrate|url=http://www.sciencedirect.com/science?_ob=ArticleURL&_udi=B6WGF-4G9Y58G-1&_user=10&_rdoc=1&_fmt=&_orig=search&_sort=d&view=c&_acct=C000050221&_version=1&_urlVersion=0&_userid=10&md5=5cf6924793fa56559bb84c45faafd445|first1=R.W.|last1=Carlson|author2=M.S. Anderson |year=2005|accessdate=2007-12-20}}</ref> องค์ประกอบของยูโรปาส่วนใหญ่เป็นหินซิลิกา ([[silicate]] rock) และน่าจะมีแกนกลางเป็นเหล็ก ([[เหล็ก]]) มันมีบรรยากาศที่เบาบางโดยประกอบด้วยออกซิเจน ([[oxygen]]) เป็นหลัก.
เส้น 132 ⟶ 133:
{{บทความหลัก|Ganymede (moon)}}
แกนิมิด ดวงจันทร์ลำดับที่สามของกลุ่มดวงจันทร์ของกาลิเลโอ ได้ชื่อตามเทพเจ้าของกรีก [[แกนีมีด (เทพปกรณัม)|Ganymede]] ทำหน้าที่ผู้ถวายพระสุทธารส (cupbearer) และเป็นคนรักของซูส ([[ซูส]])<ref>{{Cite web| url = http://galileo.rice.edu/sci/observations/jupiter_satellites.html| title = Satellites of Jupiter| work = The Galileo Project| accessdate = 2007-11-24}}</ref> แกนิมิเป็น[[List of natural satellites by diameter|ดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่]]ในระบบสุริยะ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5262.4 กิโลเมตร มันจึงมีขนาดใหญ่กว่าดาวอังคาร ([[ดาวพุธ|Mercury]]) - แต่มีมวลเพียงครึ่งเดียวของดาวอังคาร<ref name="nineplanets.org-Ganymede">{{Cite web|publisher=nineplanets.org|title=Ganymede|date=October 31, 1997|url=http://www.nineplanets.org/ganymede.html|accessdate=2008-02-27}}</ref> เนื่องจากแกนิมิดมีส่วนประกอบเป็นน้ำแข็งจำนวนมาก มันเป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวที่มีสนามแม่เหล็ก ([[แม็กนีโตสเฟียร์]]) ของตัวเองซึ่งน่าจะเกิดจาก[[
องค์ประกอบหลักของแกนิมิดเป็นหินซิลิกา ([[silicate|silicate rock]]) และน้ำในรูปของแข็ง และมีมหาสมุทรน้ำเค็มซึ่งเชื่อว่าอยู่ลึกราว 200 กิโลเมตรใต้พื้นผิวของแกนิมิดโดยถูกประกบไว้ด้วยชั้นของน้ำแข็ง<ref>{{Cite web|url=http://www.jpl.nasa.gov/releases/2000/aguganymederoundup.html|title=Solar System's largest moon likely has a hidden ocean|accessdate=2008-01-11|date=2000-12-16|work=Jet Propulsion Laboratory|publisher=NASA}}</ref> แกนกลางที่เป็นโลหะของแกนิมิดชี้ว่าในอดีตแกนิมิดอาจจะมีความร้อนสูงมากกว่าในปัจจุบัน พื้นผิวของดาวประกอบด้วยพื่นที่สองประเภท - พื้นผิวที่มีสีเข้มและมีอายุน้อยกว่ากับพื้นผิวซึ่งมีอายุมากกว่าและเต็มไปด้วยร่องและแนว แกนิมิดเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตแต่ส่วนมากได้หายไปหรือสังเกตุเห็นได้ยากเนื่องจากเปลือกน้ำแข็งที่ปกคลุมเหนือหลุมเหล่านั้น ดวงจันทร์มี[[
[[ไฟล์:Masses of Jovian moons.png|thumb|200px|Relative masses of the Jovian moons. Io and Callisto together are about 50%, as are Europa and Ganymede. The Galileans so dominate the system that all the other Jovian moons put together are not visible at this scale.]]
เส้น 140 ⟶ 141:
=== คาลลิสโต (Callisto) ===
{{บทความหลัก|Callisto (moon)}}
คาลลิสโต ดวงจันทร์ลำดับที่ 4 และเป็นดวงสุดท้ายของกลุ่มดวงจันทร์ของกาลิเลโอ มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สองของกลุ่มดวงจันทร์ของกาลิเลโอ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4820.6 กิโลเมตร ซึ่งเป็นลำดับที่สามของ[[List of natural satellites by diameter|ดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่]]ในระบบสุริยะ คาลลิสโตเป็นลูกสาวของกษัตริย์ลีคาโอนแห่งอาคาเดีย (Arkadian King Lykaon) และเป็ฯเพื่อนล่าสัตว์ของเทพธิดาอาร์ทิมิส (Artemis) คาลลิสโตไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ[[
คาลิสโตมีชั้นบรรยากาศที่เบาบางอย่างมากซึ่งประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ([[คาร์บอนไดออกไซด์]])<ref>{{Cite journal|last=Carlson|first=R. W.|title=A Tenuous Carbon Dioxide Atmosphere on Jupiter's Moon Callisto|journal=Science|year=1999|volume=283|pages=820–821|doi=10.1126/science.283.5403.820| url=http://trs-new.jpl.nasa.gov/dspace/bitstream/2014/16785/1/99-0186.pdf|format=PDF|pmid=9933159|issue=5403|bibcode = 1999Sci...283..820C|display-authors=1|author2=<Please add first missing authors to populate metadata.> }}</ref> และโมเลกุลของออกซิเจน ([[ออกซิเจน]])<ref>{{Cite journal|last=Liang|first=M. C.|title=Atmosphere of Callisto|journal=Journal of Geophysics Research|year=2005|volume=110|issue=E2|pages=E02003|doi=10.1029/2004JE002322| url=http://yly-mac.gps.caltech.edu/ReprintsYLY/N164Liang_Callisto%2005/Liang_callisto_05.pdf|format=PDF|bibcode=2005JGRE..11002003L|author2=Lane, B. F.|last3=Pappalardo|first3=R. T.|display-authors=3|author4=<Please add first missing authors to populate metadata.>}}</ref> การตรวจสอบพบว่าคาลิสโตอาจมีมหาสมุทรที่มีน้ำในรูปของเหลวอยู่ใต้พื้นผิวดาวที่ระดับความลึกมากกว่า 100 กิโลเมตร<ref>{{Cite journal|last1=Showman|first1=Adam P.|author2=Malhotra, Renu|title=The Galilean Satellites|year=1999|journal=Science|volume=286|pages=77–84|doi=10.1126/science.286.5437.77| url=http://www.lpl.arizona.edu/~showman/publications/showman-malhotra-1999.pdf|format=PDF|pmid=10506564|issue=5437}}</ref> การที่คาลลิโตน่าจะมีมหาสมุทรนั้นอาจหมายถึงว่าอาจมีหรือเคยมี[[มนุษย์ต่างดาว|สิ่งมีชีวิต]]บนคาลิสโต อย่างไรก็ดีความเป็นไปได้นั้นน้อยกว่าบนดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้กันอย่าง[[Europa (moon)|ยูโรปา]]<ref>{{Cite journal|last=Lipps|first=Jere H.|title=Astrobiology of Jupiter's Icy Moons|journal=Proc. SPIE|year=2004|volume=5555|page=10|doi=10.1117/12.560356| url=http://learning.berkeley.edu/astrobiology/2004ppt/jupiter.pdf|format=PDF|author2=Delory, Gregory|last3=Pitman|first3=Joe|display-authors=3|author4=<Please add first missing authors to populate metadata.>|series=Instruments, Methods, and Missions for Astrobiology VIII|editor1-last=Hoover|editor1-first=Richard B|editor2-last=Levin|editor2-first=Gilbert V|editor3-last=Rozanov|editor3-first=Alexei Y}}</ref> คาลลิสโตได้รับการพิจารณาว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเป็นฐานที่อยู่ของมนุษย์สำหรับการสำรวจในอนาคตระบบดาวพฤหัสบดีเนื่องจากว่ามันอยู่ห่างไกลจากการแผ่รังสีอันรุนแรงของดาวพฤหัสบดีที่สุด<ref>{{Cite web|title=Revolutionary Concepts for Human Outer Planet Exploration(HOPE)|last1=Trautman|first1=Pat|author2=Bethke, Kristen|publisher=NASA|year=2003|url=http://www.nasa-academy.org/soffen/travelgrant/bethke.pdf|format=PDF}}</ref>
เส้น 190 ⟶ 191:
== การมองเห็นได้ ==
[[ไฟล์:Thomas Bresson - Jupiter(2) (by).jpg|thumb|180px|The Galilean moons seen with an amateur telescope.]]
ดวงจันทร์ของกาลิเลโอทั้งสี่ดวงมีความสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกถ้าหากว่ามันอยู่ห่างจากดาวพฤหัสบดีมากเพียงพอ อย่างไรก็ดีมันสามารถมองเห็นได้โดยง่ายด้วย[[
==ดูเพิ่ม==
|