ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นามิเอะ อามูโระ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tahpan (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ชื่อ
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล นักร้อง
| ชื่อ = นานะมิเอะ อาอะมุโระ
| ประเภท = นักร้อง
| ภาพ =
บรรทัด 6:
| ขนาดภาพ =
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง = นานะมิเอะ อาอะมุโระ
| ชื่อเล่น =
| วันเกิด = [[20 กันยายน]] [[ค.ศ. 1977]]
บรรทัด 22:
}}
 
'''นานะมิเอะ อาอะมุโระ''' ({{ญี่ปุ่น|安室 奈美恵|Amuro Namie}}) เกิดวันที่ [[20 กันยายน]] [[ค.ศ. 1977]] (พ.ศ. 2520) เป็นศิลปินหญิงจาก[[โอกินาว่า]] มีพ่อเป็นชาวญี่ปุ่นและแม่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น/อิตาเลียน นานะมิเอะเป็นที่รู้จักในปี [[ค.ศ. 1992]] กับเพื่อนๆเพื่อน ๆ ในชื่อวง [[ซูเปอร์มังกีส์|SUPER MONKEYS]]
 
== ประวัติ ==
เมื่อครั้งอายุ 15 นานะมิเอะและเพื่อนๆเอะและเพื่อน ๆ ร่วมห้องเรียนอีก 4 คน จาก โรงเรียนการละครโอกินาวา (Okinawa acting school) ได้ตั้งกลุ่มชื่อ ซูเปอร์มังกีส์ (Super Monkeys) ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมจาก โอกินาว่า บ้านเกิดของเธอเอง จากนั้น พวกเธอก็ย้ายเข้าสู่โตเกียว ภายใต้สังกัด โทชิบะ-อีเอ็มไอ (Toshiba-EMI) ต่อมาทางต้นสังกัดได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น นานะมิเอะกับ[[ซูเปอร์มังกีส์]] (Namie Amuro with Super Monkeys)
 
ในช่วงต้นปี 1995 นานะมิเอะ เริ่มออกงานเดี่ยวภายใต้การคุมของ [[เท็ตซึยะ โคมุโระ]] (Tetsuya Komuro) ภายใต้สังกัดใหม่ [[เอเว็กซ์ เรคอร์ด]] (AVEX Records) (โดยเชื่อกันว่า เอเว็กซ์มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้เนื่องมาจากนานะมิเอะ เพราะนานะมิเอะจัดเป็นศิลปินคนแรกของค่าย) และสมาชิกที่เหลือของวงก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น[[แม็กซ์]] (MAX)
 
[[ซิงเกิล]] เปิดตัวในสังกัดใหม่ที่ชื่อ บอดีฟีลส์เอ็กซิท (Body Feels EXIT) ภายใต้การนำของ[[โปรดิวซ์เซอร์]]มือทองในยุคนั้นอย่าง [[เท็ตซึยะ โคมุโระ]] ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้น ทุกๆทุก ๆ ซิงเกิล ของนานะมิเอะที่ออกมาภายใต้การโปรดิวซ์ของ เท็ตซึยะ โคมุโระ ก็สามารถขึ้นอันดับสูงๆสูง ๆ ได้ตั้งแต่เปิดตัว ในขณะเดียวกันกับที่เพลงของ นานะมิเอะ เป็นที่นิยม สไตล์ของ นานะมิเอะ ก็ชนะใจสาวๆสาว ๆ วัยแรกรุ่นทั่วทั้งญี่ปุ่น ทั้งผมสีน้ำตาลแดง กันคิ้วบางๆบาง ๆ หรือแม่แต่การแต่งหน้า หรือเครื่องแต่งกายที่ต้องเป็น [[มินิสเกิร์ต]] และ [[รองเท้าบู๊ต]] คลุมเข่า ก็กลายเป็นที่นิยม ถึงขนาดมีการนำแบบคิ้วของนานะมิเอะมาขายในท้องตลาดกันเลยทีเดียว ซึ่งกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในสไตล์ของ นานะมิเอะ เหล่านี้เรียกตัวเองว่า อามุราส (Amuras)
 
ในปี [[พ.ศ. 2539]] นานะมิเอะกลายเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลใหญ่จากยอดขาย[[ซีดี]] ในงาน เจแปนเรคอร์ดอวอร์ด (Japan Record Award) โดย ในปี 2539 ปีเดียว นานะมิเอะสามารถทำยอดขายซีดี ได้มากกว่า 10 ล้านแผ่น นอกจากนี้ นานะมิเอะยังคงได้รับรางวัลนี้อย่างต่อเนื่องในปี [[พ.ศ. 2540]] ควบคู่ไปกับรางวัล ซิงเกิลยอดเยี่ยม จากเพลงบัลลาดยอดฮิตอมตะนิรันดร์กาลอย่าง แคนยูเซเลเบรท? (CAN YOU CELEBRATE?) ซึ่งในปัจจุบันยังคงรักษาตำแหน่งซิงเกิลที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในญี่ปุ่นในอันดับที่ 14
 
ปลายปี พ.ศ. 2540 นานะมิเอะประกาศแต่งงานกับ [[มาซาฮารุ มารุยะมะ]] หรือ แซม จากวง [[ทีอาร์เอฟ]] (TRF) หลังจากตั้งท้อง และขอลาหยุดงานไปดูแลลูก 1 ปี และ นานะมิเอะได้ไปปรากฏตัวในงาน มหกรรมขาวแดงที่ เอ็นเอชเคฮอลส์ (NHK Halls) เพื่อร้องเพลงแคนยูเซเลเบรท? เป็นการอำลาแฟนเพลง ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงแต่งงานยอดฮิตเพลงหนึ่งของคนญี่ปุ่นไปเลยทีเดียว หลังจากนั้น ในวันที่ [[19 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2541]] นานะมิเอะ คลอดลูกชายคนเดียวชื่อฮารุโตะ และได้ออกซิงเกิลชื่อ ไอแฮฟเนเวอร์ซีน (I HAVE NEVER SEEN) ฉลองการกลับมาในวันที่ [[23 ธันวาคม]] ปีเดียวกัน ซึงก็เปิดตัวด้วยอันดับ 1
 
ในปี [[พ.ศ. 2542]] นานะมิเอะได้ร่วมงานกับ [[ดัลลัส ออสติน]] (Dallas Austin) [[โปรดิวซ์เซอร์]]ชื่อดังจาก[[สหรัฐอเมริกา]] (จากผลงานการโปรดิวซ์ให้ศิลปินชื่อดังทั้งหลายเช่น [[มาดอนนา]] , [[ทีแอลซี|TLC]], [[โมนิกา|Monica]], [[คอร์น|KORN]] ฯลฯ) ซึ่งทำให้ผลงานของ นานะมิเอะ ในช่วงนั้น แนวเพลงสไตล์ [[อาร์แอนด์บี]] มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เองได้นำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่ นานะมิเอะ เพราะในขณะที่กำลังโปรโมตซิงเกิล RESPECT the POWER OF LOVE นั่นเอง แม่ของ นานะมิเอะถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด ... หลังจากทำใจได้ นานะมิเอะก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ในเดือนกรกฎาคม [[พ.ศ. 2543]]นานะมิเอะ ปล่อยออก single ต้อนรับสหัสวรรษใหม่อย่าง Never End ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์เป็นอย่างดี และเพลงนี้ก็ได้รับเลือกเป็นธีมของหนังเรื่อง [[โอกินาวา ซัมเมอร์|OKINAWA SUMMIT]] ซึ่ง นานะมิเอะ ได้รับเกียรติ์ให้แสดงต่อหน้าผู้นำชาติสมาชิก G8 อย่าง ประธานาธิบดี[[บิล คลินตัน]]ด้วย หลังจากปล่อยออก Studio Album อันดับ 4 ออกมาอาละวาดในปลายปี 2543 ในปี [[พ.ศ. 2544]] นานะมิเอะ เลิกใช้บริการการโปรดิวซ์ของ TK และปล่อยออกซิงเกิล Say the word ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ นานะมิเอะ ได้เขียนเนื้อเพลงเอง ในวันที่ [[8 สิงหาคม]] และในปลายปีนั้นเอง นานะมิเอะ ได้เข้าร่วมโปรเจกต์ของ AVEX ในอัลบั้มเพื่อการกุศล SongNation โดยได้ร่วมงานกับ VERBAL จาก m-flo ในเพลง lovin' it ซึ่งเป็นซิงเกิลลำดับสามต่อจาก A song is born ของ Keiko และ Ayumi และ Meaning of Peace ของ[[โบอา]]และ[[คุมิ โคดะ]]
 
ในปี [[พ.ศ. 2545]]นานะมิเอะ เปลี่ยนสไตล์ดนตรีไปสู่ อาร์แอนด์บี อย่างแท้จริง โดยเข้าร่วมโปรเจกต์ใหญ่อย่าง SUITECHIC ในฐานะนักร้องนำ และออกเพลงมา 2 ซิงเกิล กับอีก 1 อัลบั้ม และ 1 อัลบั้มรีมิกซ์ ก่อนจบโปรเจกต์ในปี [[พ.ศ. 2546]] และได้กลับมาทำงานเดี่ยวของตนเองอีกครั้ง โดยได้ออกซิงเกิล shine more, Put 'Em Up และ SO CRAZY ซึ่งโปรดิวซ์โดย [[Dallas Austin]] และ [[Full Force]] ในปลายปีนี้ นานะมิเอะ ปล่อยออก STYLE สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 5 ออกมาในรอบ 3 ปี
 
ในช่วง 29 พฤศจิกายน 2546 ถึง 15 พฤษภาคม [[พ.ศ. 2547]]นานะมิเอะออกตระเวณทัวร์ในเอเชีย ใน นานะมิเอะ Amuro SO CRAZY tour featuring BEST singles 2003-2004 ซึ่งจัดขึ้นใน 3 ประเทศคือ [[ญี่ปุ่น]] [[เกาหลี]] และ[[ไต้หวัน]] ในขณะที่ออกทัวร์อยู่นั้น นานะมิเอะออกซิงเกิลชื่อ ALARM ตามด้วย ALL FOR YOU ซึ่ง ALL FOR YOU ประสบความสำเร็จขึ้นไปถึงอันดับ 6 กับยอดขายเกือบแสนซิงเกิล ซึ่งมากเป็น 2 เท่าหากเทียบกับซิงเกิลก่อนหน้าในช่วงปี 2546-2547 อย่าง shine more, Put 'Em Up, SO CRAZY หรือแม้แต่ ALARM ในปลายเดือนสิงหาคม นานะมิเอะ ออกทัวร์สำหรับแฟนคลับ โดยแสดงเพลงใหม่ที่ยังไม่ออกจำหน่ายอันได้แก่ GIRL TALK และ the SPEED STAR ซึ่งปล่อยออกออกมาเป็น double a-side single ในเดือนถัดมา และประสบความสำเร็จอย่างมากถึงขนาดขึ้นอันดับ 1 ในวันแรกที่ออกจำหน่าย และคงอันดับ 1 ได้ถึง 3 วัน และเป็นการแตะอันดับ 1 อีกครั้งในรอบ 5 ปีของซิงเกิล ของ นานะมิเอะ และคงยอดขายเฉียดแสนเช่นเดียวกับซิงเกิล รุ่นพี่อย่าง ALL FOR YOU
 
ปลายปี 2547 นานะมิเอะ ช็อควงการด้วยการประกาศไม่เข้าร่วมมหกรรมแดงขาวที่เคยเข้าร่วมติดต่อกันมาถึง 9 ปี และจากเหตุการณ์[[สึนามิ]] ใน[[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]] นานะมิเอะ ประกาศเข้าร่วมงาน [[เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส|MTV ASIA AID]] และแสดง GIRL TALK ต่อหน้าแฟนๆแฟน ๆ ชาวไทย ... นอกจากนี้ นานะมิเอะ ยังได้บริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ แก่ UNICEF เป็นจำนวน 10 ล้านเยน ในขณะเดียวกัน นานะมิเอะ ก็เซอร์ไพรส์แฟน จากโฆษณารถยนต์ยี่ห้อ Suzuki Chevrolet โดยนำเพลงใหม่ชื่อ Queen of Hip-Pop มาประกอบ จนแฟนๆแฟน ๆ พากันคาดเดาว่าเพลงนี้จะเป็นซิงเกิลต่อไป จนกระทั่งเดือนเมษายนซิงเกิล ใหม่ที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดกัน แต่เพลงอย่าง WANT ME, WANT ME ก็ช่วยขยายฐานผู้ฟังของ นานะมิเอะ ไปสู่ทางตะวันตกมากขึ้น และเพลงนี้ยังขึ้นไปอยู่อันดับ 2 บน oricon weekly chart และจัดเป็นซิงเกิล ที่ ได้รับความนิยมในอันดับสูงสุดในรอบ 3 ปีของ นานะมิเอะ
 
มีข่าวดีในรอบปีของ นานะมิเอะ เมื่อ นานะมิเอะ ได้สิทธิ์ดูแล ฮารุโตะ อย่างสมบูรณ์ และยังได้รับรางวัลใหญ่จาก MTV VMAJ 05 ได้แก่ BEST R&B Video จากเพลง GIRL TALK และรางวัลพิเศษ The Most Impressive Performace in Asia (ได้มาจากฝีมือ โดยไม่ต้องใช้ความอลังการของโปรดักชั่นเข้าช่วย) ในขณะเดียวกันก็ประกาศสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 6 ในนาม Queen of Hip-Pop หลังจากห่างหายการออกอัลบั้มไปกว่า 2 ปี และ PV โปรโมตอัลบั้ม เพลง WoWa ซึ่ง นานะมิเอะ แต่งเป็น [[ปอมปอมเกิร์ล]] ในชุดสีชมพูหวานแหวว ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เปิดตัวได้ดีมากที่อันดับ 2 ด้วยยอดขายสัปดาห์แรกหลัก 2 แสนแผ่น ซึ่งมากกว่ายอดรวมทั้งเดือนเมื่อครั้งเปิดตัว STYLE
 
== ผลงาน ==
=== ซิงเกิล ===
* 1992/09/16 - Koi no CUTE BEAT / Mr. USA (SUPER MONKEY'S) - #28 - 65,000
* 1993/05/26 - DANCING JUNK (SUPER MONKEY'S 4) - #68 - 50,000
* 1993/11/05 - Aishite MASUKATTO (SUPER MONKEY'S 4) - #? - 50,000
* 1994/07/20 - PARADISE TRAIN (Namie Amuro with SUPER MONKEY'S) - #? - 70,000
* 1995/01/25 - TRY ME ~Watashi wo Shinjite~ - #8 - 732,950
* 1995/04/19 - Taiyo no SEASON - #5 - 610,680
* 1995/07/24 - Stop the music - #4 - 558,160
* 1995/10/25 - Body Feels EXIT - #3 - 881,640
* 1995/12/04 - Chase the Chance - #1 - 1,361,710
* 1996/03/13 - Don't wanna cry - #1 - 1,389,700
* 1996/06/05 - You're my sunshine - #1 - 1,098,520
* 1996/08/21 - SWEET 19 BLUES - #2 - 452,890
* 1996/11/27 - a walk in the park - #1 - 1,066,580
* 1997/02/19 - CAN YOU CELEBRATE? - #1 - 2,296,200
* 1997/05/21 - How to be a Girl - #1 - 772,130
* 1997/11/27 - Dreaming I was dreaming - #1 - 558,830
* 1997/12/25 - CAN YOU CELEBRATE? (12cm) - #1 - 454,020
* 1998/12/23 - I HAVE NEVER SEEN - #1 - 657,250
* 1999/03/17 - RESPECT the POWER OF LOVE - #2 - 491,920
* 1999/07/07 - toi et moi - #3 - 272,110
* 1999/09/01 - SOMETHING 'BOUT THE KISS (8cm) - #7 - 115,880
* 1999/09/01 - SOMETHING 'BOUT THE KISS (12cm) - #3 - 253,500
* 2000/01/01 - LOVE 2000 - #4 - 228,120
* 2000/07/12 - NEVER END - #2 - 640,310
* 2000/10/04 - PLEASE SMILE AGAIN - #2 - 216,960
* 2001/01/24 - think of me / no more tears - #7 - 112,670
* 2001/08/08 - Say the word - #3 - 184,000
* 2002/02/14 - I WILL - #7 - 95,000
* 2002/09/11 - Wishing On The Same Star - #2 - 97,000
* 2003/03/05 - shine more - #8 - 52,000
* 2003/07/16 - Put 'Em Up - #7 - 41,000
* 2003/10/16 - SO CRAZY / Come - #8 - 49,000
* 2004/03/17 - ALARM - #11 - 50,000
* 2004/07/22 - ALL FOR YOU - #6 - 113,000
* 2004/10/14 - GIRL TALK / the SPEED STAR (CD/CD+DVD) - #2 - 107,000
* 2005/04/06 - WANT ME, WANT ME (CD/CD+DVD) - #2 - 103,000
* 2005/11/16 - White Light/Violet Sauce - #7 - 72,652
* 2006/05/17 - CAN'T SLEEP, CAN'T EAT, I'M SICK/人魚 (CD/CD+DVD) - #2 - 79,525
* 2007/01/24 - Baby Don't Cry (CD/CD+DVD) - #3 - 138,785
บรรทัด 92:
 
=== อัลบั้ม ===
* 1995/10/16 - DANCE TRACKS VOL.1 - #1 - 1,865,450
* 1996/07/22 - SWEET 19 BLUES - #1 - 3,359,450
* 1996/09/30 - ORIGINAL TRACKS VOL.1 - #3 - 419,000
* 1997/07/24 - Concentration 20 - #1 - 1,923,000
* 2000/01/26 - GENIUS 2000 - #3 - 803,000
* 2000/12/20 - break the rules - #2 - 335,000
* 2003/12/10 - STYLE - #3 - 222,000
* 2005/07/13 - Queen of Hip-Pop - #2 - 452,000
* 2007/06/27 - PLAY - #1 - 510,013
* 2009/12/16 - Past<Future - #1 - 554,034 (year 2009 sold)
 
==== COMPILATION ALBUMS ====
* 1998/01/28 - 181920 - #1 - 1,689,530
* 2002/03/13 - LOVE ENHANCED single collection - #3 - 305,000
* 2004/03/31 - 181920&films (Re-release of 181920 with a DVD) - #134 - ??
* 2008/07/30 - BEST FICTION - #1 - 1,447,149 (year 2008 sold)
* 2011/04/27 - Checkmate
 
บรรทัด 126:
 
==== COLLABORATIVE SINGLES ====
* 1995/06/01 - Sister Rabbits/Issun Momo Kintarou - #99 - ??
* 1997/01/01 - TK Family/YOU ARE THE ONE - #1 - ??
* 2001/12/27 - NAMIE AMURO & VERBAL (of m-flo)/lovin' it - #8 - 71,500
* 2002/12/18 - SUITE CHIC/GOOD LIFE feat. FIRSTKLAS/Just Say So - #35 - 26,000
* 2003/02/05 - SUITE CHIC / "Uh Uh,,,,,," feat. AI / baby be mine - #22 - 30,000
 
==== COLLABORATIVE ALBUMS ====
* 2003/02/26 - SUITE CHIC/WHEN POP HITS THE FAN - #4 - 155,028
* 2003/03/26 - SUITE CHIC/WHEN POP HITS THE LAB - #65 - ??
* 2003/09/18 - ZEEBRA/TOKYO'S FINEST-"AFTER PARTY" feat. Namie #9 - ??
* 2005/03/29 - JHETT/JHETT - Do or Die" feat. Amuro Namie #13 - ??
 
==== COLLABORATIVE VIDEOS ====
บรรทัด 165:
{{รายการอ้างอิง}}
{{เริ่มอ้างอิง}}
* {{cite book | author=Emiko Taira | title=約束―わが娘・安室奈美恵へ (Promise―To my daughter Namie Amuro)| year=1998 | publisher= Fushosha | location=Japan | isbn=978-4594024833 }}
{{จบอ้างอิง}}