ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คริส บราวน์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{ปรับภาษา}}
{{กล่องข้อมูล นักดนตรี
| ชื่อ = คริส บราวน์
เส้น 49 ⟶ 50:
คริสโตเฟอร์ เมอร์ริซ บราวน์ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 จากเมืองเล็ก ๆ Tappahannock [[รัฐเวอร์จิเนีย]] อยู่กับมารดา จอยซ์ ฮอว์คินส์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และบิดา คลินตั้น บราวน์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือนจำท้องถิ่น และมีพี่สาว ลูเทร็ลล์ บันดี้ ซึ่งทำงานที่ธนาคาร ตั้งแต่วัยเด็กของเขา เพลงเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต โดยเขาฟังอัลบั้มเพลงแนว [[โซล]] ของพ่อแม่ และจากนั้นก็มีความสนใจในเพลง [[ฮิพฮอพ]] อีกด้วย
 
บราวน์ เรียนรู้การร้องและเต้นด้วยตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก โดยมี [[ไมเคิล แจ็กสัน]] เป็นแรงบัลดาลใจ จากนั้นเค้าเขาเริ่มร้องเพลงในคณะประสานเสียง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา วันหนึ่ง ในขณะที่เค้าเขาล้อเลียนการแสดง เพลง "My Way" ของ [[อัชเชอร์]] แม่ของเค้าเขาได้เห็นถึงพรสวรรค์และยอมรับในเสียงร้องของเค้าเขา พวกเขาจึงเริ่มมองหาโอกาสในการได้เซ็นสัญญา แต่ในขณะนั้น บราวน์ ได้เจอปัญหาส่วนตัว นั่นคือพ่อแม่ของเขาได้รับการหย่าร้างกัน และเขาได้กล่าวว่า แฟนใหม่ของแม่ทำให้เขากลัวเนื่องจากความรุนแรงในการทำร้ายร่างกาย ที่แม่ของเขาต้องทนจากแฟนของเธอ
 
เมื่ออายุได้ 13 ปี ทีมงานโปรดิวเซอร์ในท้องถิ่นได้เห็นความสามารถของบราวน์ ซึ่งพวกเขากำลังมองหานักร้องที่มีความสามารถ พวกเขาได้ช่วยบราวน์ ในการฝึกเสียงร้อง พร้อมกับส่งทีมงานเข้าสู่ [[นิวยอร์ก]] เพื่อหาหาโอกาสในการได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง ในเวลาเดียวกัน บราวน์จึงเข้าสู่นิวยอร์ก เพื่อออดิชั่น และได้พบกับ [[ทีน่า เดวิส]] ผู้บริหาร Def Jam Recordings กล่าวว่า เขารู้สึกทึ่งตอนที่ได้ดูการออดิชั่นของ บราวน์ จากนั้นเธอจึงพา บราวน์ ไปพบกับอดีตผู้บริหาร Island Def Jam Music Group ในทันที เขามองเห็นในความสามารถของบราวน์ ว่าเค้าเขาคือผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง
 
การดำเนินการล่าช้านานกว่า 2 เดือน เพราะการควบรวมกิจการบริษัทของ Def Jam และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เดวิสต้องเสียตำแหน่งของเธอไป บราวน์จึงขอให้เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้าเขา และเดวิสก็ตอบตกลง ในตอนนั้น ตัวเลือกของพวกเค้าเขามีสามบรืษัทที่ติดต่อเข้ามา นั่นคือ Jive Records, J-Records และ Warner Bros. Records และบราวน์ ก็เลือก Jive Records เนื่องจากค่ายนี้ประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกับศิลปิลอายุน้อยและทำให้พวกเขามีชื่อเสียง เช่น [[บริทนีย์ สเปียร์ส]] และ [[จัสติน ทิมเบอร์เลค]]
 
เขาเข้าเรียนที่ Essex High School จนถึงปี 2005 เมื่อตอนที่เค้าเขาย้ายเข้าไปที่ [[นิวยอร์ก]] เพื่อทำงานเพลง
 
=== 2005–06: เริ่มการเดบิวต์ ===
 
หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับ Jive Records ในปี 2004 บราวน์จึงเริ่มทำงานเพลงและบันทึกเสียงในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 ในตอนนั้นพวกเค้าเขามีเพลงที่ได้บันทึกเสียงไปแล้วกว่า 50 เพลง และได้เลือกไป 14 เพลง ซึ่งเพลงเหล่านี้ได้เขียนและโปรดิ้ว อำนวยการผลิตโดย Scott Storch, Cool & Dre และ Jazze Pha among ซึ่งบราวน์ยังมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงกว่า 5 เพลงในอัลบั้มนี้ โดยมีชื่อของเขาอยู่ในเครดิตอีกด้วย ซึ่งทั้งอัลบั้มใช้เวลาน้อยกว่า 8 สัปดาห์ ในการผลิต
 
ในที่สุดอัลบั้มที่มีชื่อว่า [[Chris Brown]] ก็ได้ออกวางจำหน่าย โดยสามารถทำอันดับ 2 ใน Billboard 200 ได้สำเร็จ โดยในสัปดาแรกห์ สามารถขายได้กว่า 154,000 ก๊อปปี้ ในเวลานั้น บราวน์จึงเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จในยอดขายอัลบั้มในเวลานั้น ยอดขายรวมอยู่ที่ 2 ล้านก๊อปปี้ในสหรัฐอเมริกา และ 3 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก และด้วยเพลงแรกในอัลบั้มอย่าง "Run It!" ทำให้บราวน์ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ใน Billboard Hot 100 โดยยังมีซิงเกิลอย่าง Yo (Excuse Me Miss)," "Gimme That" และ "Say Goodbye" ซึ่งสามารถทำอันดับ ท็อป 20 ได้ในชาร์ตเดียวกัน
เส้น 67 ⟶ 68:
17 สิงหาคม ค.ศ. 2006 เพื่อการช่วยส่งเสริมอัลบั้ม บราวน์จึงเริ่มทัวร์ และแสดงโชว์อย่างไกล้ชิดกับแฟน ๆ มากขึ้น รวมถึงได้แสดงเปิดในคอนเสิรต์ The Beyoncé Experience ของ [[บียอนเซ่]] ที่ออสเตรเลีย
 
ในเดือน มกราคม ค.ศ. 2007 บราวน์ยังได้ปรากฏตัวเป็นบทเล็ก ๆ ใน One On One และ The O.C. จากนั้นเค้าเขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในเรื่อง [[Stomp the Yard]] ซึ่งเริ่มฉายในเดือน มกราคม ค.ศ. 2007 และจากนั้นก็ร่วมแสดงในภาพยนตร์ครอบครัว แนวดราม่า เรื่อง [[This Christmas]] ซึ่งเริ่มฉายเมื่อ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 จากนั้นในเดือนกรกฎาคม บราวน์ได้บทเด่นในตอนหนึ่งของ MTV's My Super Sweet 16 ในตอนนั้นเอง บราวน์ยังได้ฉลองวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเค้าเขาใน นิวยอร์ก และยังได้เป็นแขกรับเชิญพิเศษโดยแสดงเป็นตัวเอง ใน The Suite Life of Zack & Cody ของ ดิสนี่ และบราวน์ยังคาดว่าจะเป็นตัวละครหลักในละครดราม่าบาสเก็ตบอล Phenom
 
=== 2007–08: Exclusive ===
เส้น 73 ⟶ 74:
หลังจากสิ้นสุดการทัวร์ฤดูร้อนของเขากับของ [[นี-โย]] บราวน์เริ่มต้นการทำอัลบั้มที่ 2 ของเขาอย่างรวดเร็ว โดยอัลบั้มนี้มีชื่อว่า [[Exclusive]] ซึ่งเผยแพร่ในเดือน พฤศจิกายน 2007 โดยอัลบั้มนี้เปิดตัวเป็นอันดับ 4 บน Billboard 200 โดยทำยอดขาย 294,000 ก๊อปปี้ ในสัปดาห์แรก และสิ้นสุดการขายโดยทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาไปได้ 1.9 ล้านก๊อปปี้
 
ซิงเกิลแรกในอัลบั้ม "Wall to Wall" เปิดตัวใน Billboard Hot 100 ด้วยอันดับ 69 และได้ไต่ขึ้นสูงสุดในอับดับ 79 และอันดับ 22 ในชาร์ต Billboard R&B and Hip-Hop ซึ่งถือว่าอยู่ในอันดับที่ต่ำมาก สำหรับการเปิดตัว จากนั้นซิงเกิลที่สองที่เผยแพร่คือ "Kiss Kiss" พีทเจอริ่งร้องกับ [[ที-เพน]] สามารถแก้ตัวได้สำเร็จ และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยสามารถขึ้นอันดับ 1 ใน Billboard Hot 100 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สองของเขาที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ถัดจากซิงเกิล "Run It!" ในปี 2005
 
ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2007 บราวน์ได้ออกซิงเกิลที่ 3 "With You" ซึ่งสามารถทำอันดับ 2 ใน Billboard Hot 100 และยังประสบความสำเร็จในชาร์ตเพลงต่าง ๆ ทั่วโลก
เส้น 105 ⟶ 106:
ในวันที่ 7 ตุลาคม 2011 RCA Music Group ประกาศยุบกิจการ Jive Records รวมไปถึง Arista Records และ J Records ทำให้ บราวน์ รวมถึงศิลปินคนอื่น ๆ ที่มีสัญญาใน 3 บริษัทนี้ ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ RCA Records
 
บราวน์ ได้ออกสตูดิโออัลบั้มที่ 5 ของเค้าเขา Fortune ในเดือน มีนาคม 2012 โดย "Turn Up the Music" ได้เผยแพร่เป็นซิลเกิ้ลแรกของอัลบั้ม ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2012 จากนั้นบราวน์ได้ออก "Sweet Love" และ "Till I Die" ออกมาเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 และ 3 ของอัลบั้ม ตามลำดับ จากนั้น บราวน์ ได้ออกซิงเกิ้ลที่ 4 "Don't Wake Me Up" ออกมา ซึ่งสามารถติดอันดับ ท็อป 10 ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก จากนั้น บราวน์ได้ออก "Don't Judge Me" ออกมาเป็นซิงเกิ้ลที่ 5 ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลสุดท้ายของอัลบั้ม Fortune
 
=== 2013–ปัจจุบัน: X ===
บราวน์ เตรียมออกสตูดิโออัลบั้มที่ 6 ของเค้าเขา X ประเดิมซิลเกิ้ลแรก Fine China ในวันที่ 1 เมษายน 2013 ได้ Eric Bellinger และ Sevyn Streeter มาร่วมเขียนเพลงนี้ด้วย, ใน MV เพลงนี้ได้แรงบรรดาลใจจากเพลง Beat It ของ Michael Jackson,
ในอัลบั้มนี้มีแขกรับเชิญและโปรดิวเซอร์อาทิ Pharrell, Kendrick Lamar, Jennifer Lopez, Rihanna, Nicki Minaj, Wiz Khalifa, Timbaland, Diplo, Danja, Glass John, DJ RockStar และคนอื่น,
20 มิถุนายน 2013 ได้ออกซิ้งเกิ้ลที่ 2 Don't Think They Know ได้เติมท่อนของ Aaliyah ที่ไม่ได้ออกที่ไหนมาก่อนลงไปด้วย