ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอ็กซ์เมน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 41:
ช่วงนี้เป็นยุครุ่งเรืองของเอ็กซ์เมนที่กลายเป็นการ์ตูนขายดีอันดับหนึ่งของมาร์เวล บวกกับปัจจัยเกื้อหนุนนั่นคือการเพิ่มจำนวนขึ้นของร้านขายหนังสือการ์ตูน นำมาสู่การขยายยอดและแตกไลน์หนังสือในเครือเอ็กซ์เมนมากมายที่เรียกรวมๆว่า X-Books ไม่ว่าจะเป็นมินิซีรี่ยส์ 4 เล่มจบ Wolverine ที่แคลร์มอนต์แต่งเรื่องและวาดโดยแฟรงค์ มิลเลอร์ ที่พาโลแกนไปตะลุยญี่ปุ่นฟัดกับยากูซ่า และ New Mutants ที่กล่าวถึงนักเรียนชุดใหม่ในโรงเรียนมนุษย์กลายพันธุ์ของเซเวียร์เป็นต้น
 
เหตุการณ์สำคัญๆ ในช่วงนี้ก็เช่นการรับ [[โร้ค]] ที่ตอนนั้นเป็นวายร้ายกลับใจเข้ามาร่วมกับเอ็กซ์เมน เพราะอยากหาทางควบคุมพลังของตัวเองให้ได้ หรือการเปิดตัวมิวแทนท์จอมวายร้ายจอมบงการอย่าง [[อะโพคาลิปส์]] และสมุนอย่าง [[มิสเตอร์ซินิสเตอร์]] ไปจนถึงการกลัยมาของจีนเกรย์ ซึ่งจีนเกรย์ที่ตายไปเป็นร่างก็อปปี้ที่เกิดจากพลังของฟีนิกซ์ ส่วนจีนตัวจริงนั้นนอนจำศีลอยู่ใต้นำ้นำตั้งแต่ได้รับพลังจากนอกโลกแล้ว
 
=== ยุคใหม่ 1990 - 1999 ===
บรรทัด 50:
แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยความเปลี่ยนแปลง เมื่อในปี 1992 คริส แคลน์มอนท์ ผู้เขียนการ์ตูนชุดนี้มายาวนานถึง 17 ปี เกิดความขัดแย้งเรื่องพล็อตจนถึงขั้นแตกหักเลยตัดสินใจลาออกหลังจาก X-Men ชุดนี้ออกมาได้เพียงสามเล่ม (ก่อนจะกลับมาในปี 1998) โดยมางมาร์เวลรีบนำ จอห์น ไบรน์ เข้ามาแต่งเนื้อหาแทนที่ ก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่าจะเกิดขึ้นตามมา เมื่อเหล่านักวาดซูเปอร์สตาร์ เช่น จิม ลี และ ร็อบ ไลเฟลด์ กับคนอื่นๆ เจรจาเรื่องผลประโยชน์กับมาร์เวลไม่ลงตัว จึงยกขบวนกันลาออกไปตั้งสำนักพิมพ์กันเอง
 
หากยังดีที่เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ุพันธ์ยังคงได้นักแต่งเรื่องและนักวาดรุ่นใหม่ๆมาประคับประคองเนื้อหาและเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ โดยช่วงนี้ จักรวาล X-Men ก็มีการแนะนำตัวละครใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น [[เดดพูล]] มือสังหารปากมากเพื่อนรวม Weapon X ของวูล์ฟเวอรีน และ [[แกมบิท]] หนุ่มนักปาไพ่รวมถึง [[บิชอป]] มิวแทนท์จากอนาคตที่ข้ามเวลามาจับอาชญากร จนได้เข้ามาแจมกับเหล่าเอ็กซ์เมน
มาร์เวลยังเจอช่องทางหากินใหม่ ด้วยการจับเอาเรื่องราวจาก X-Books หลายๆเล่มมาครอสโอเวอร์เชื่อมโยงกันออกมาทุกปี รวมถึงมินิซีรี่ยส์และหนังสือชุดแยกเดี่ยวของตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งแม้ว่าจะทำกำไรให้กัยสำนักพิมพ์พอตัว แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆไปจนถึงเหล่าสตาฟฟ์ผู้สร้างสรรค์หนังสือเองว่า มันเป็นสูตรสำเร็จเพื่อการขาย ที่ทำให้ทิศทางของเนื้อหากระจัดกระจาย และเรื่องราวที่ออกมาก็ไม่ได้น่าประทับใจเท่าใดนัก
 
บรรทัด 69:
เมื่อโลกกลับคืนสู่สภาพปกติ เหบ่า X-Men ก็พบว่ามนุษย์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ต่างสูญเสียพลังไปจนกลายเป็นคนธรรมดา เหลือมิวแทนท์อยู่ไม่ถึง 200 คน
 
ก่อนจะเข้าสู่เหตุการณ์ไตรภาค Messiah War เมื่อมีการค้นพบทารกแรกเกิดที่มียีนมิวแทนท์ปรากฎปรากฏขึ้นมา เด็กหญิงคนนี้ถูกขนานนามว่า โฮป แทนความหวังเดียวที่จะหยุดยั้งการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์มิวแทนท์ได้ ทำให้ทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมเปิดศึกชิงตัวเธอขนานใหญ่ แต่สุดท้าย เคเบิล ก็นำหนูน้อยไปเลี้ยงในโลกอนาคต
 
ต่อมาเหล่ามิวแทนท์ที่ยังเหลือรอด พากันอพยพ หนัความวุ่นวายจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาในจักรวาลมาร์เวลในช่วงนั้น (นับตั้งแต่ Civil War มา Secret Invasion จนถึง Dark Reign นั่นเลย) ไปยังเกาะยูโทเปีย พร้อมสถาปนาเป็น Nation X ประเทศใหม่สำหรับเหล่ามิวแทนท์โดยเฉพาะ
บรรทัด 75:
พร้อมกับการกลับมาจากโลกในอนาคตของ โฮป ในร่างของเด็กสาววัยรุ่น ที่หลายๆคนเชื่อกันว่า เธอจะเป็นผู้มาปลดปล่อยเหล่ามิวแทนท์ พร้อมๆกันนั้น ขุมพลังฟีนิกซ์ก็เริ่มหวนคืนสู่โลกอีกครั้ง โดยคราวนี้มันหมายตาโฮป ในฐานะร่างทรงสิงสู่ใหม่
 
นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างทีม Avengers และเหล่า X-Men ฟาก Avengers ต้องการนำตัวโฮปมาดูแลเพราะไม่แน่ใจว่าพลังของเธอจะส่งผลอยีางอยีงไรต่อโลก ฝั่ง X-Men ก็เชื่อว่า โฮปจะเป็นผู้มาช่วยเหลือและปลดปล่อยเหล่ามิวแทนท์ นำไปสู่การเผชิญหน้ากันใน ครอสโอเวอร์ครั้งใหญ่แห่งปี 2012 ในชื่อ Avengers Vs. X-Men
 
สุดท้าย โฮปหลอกล่อให้พลังดาร์คฟีนิกซ์มาเข้าร่างเธอและรวมพลังกับสคาร์เล็ทวิทช์ สลายพลังดาร์คฟีนิกซ์อย่างถาวร รวมทั้งคืนพลังให้กับมิวแทนท์คนอื่นๆบนโลก