ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยฮัน ไกรฟฟ์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 53:
}}
 
'''โยฮัน ไกรฟฟ์''' ({{lang|-nl|Johan Cruijff}}) เป็นอดีตนัก[[ฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์]]ผู้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแห่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เจ้าของ[[ฉายา]] "นักเตะเทวดา" หรือ "สง่างาม" (De Majestueuze) ใน[[ภาษาดัตช์]]
 
== ประวัติ ==
โยฮัน ไกรฟฟ์ มีชื่อเต็มว่า '''แฮ็นดริก โยฮันเนิส ไกรฟฟ์''' ({{lang|nl|Hendrik Johannes Cruijff}}) เกิดเมื่อวันที่ [[25 เมษายน]] [[ค.ศ. 1947]] ที่กรุง[[อัมสเตอร์ดัม]] [[ประเทศเนเธอร์แลนด์]] ในครอบครัวฐานะปานกลาง ไกรฟฟ์เริ่มเล่น[[ฟุตบอล]]ข้างถนนในวัยเยาว์เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป จากนั้นได้มีแมวมองจาก สโมสร[[อาแจ็กซ์เอฟเซ อัมสเตอร์ดัมอายักซ์|อายักซ์อัมสเตอร์ดัม]] เข้ามาเห็นแวว จนในที่สุดไกรฟฟ์ก็ถูกเซ็นทำสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมยักซ์อัมสเตอร์ดัม สโมสรฟุตบอลใหญ่ของเนเธอร์แลนด์
 
ไกรฟฟ์ ได้ขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น โดยยิงได้เพียงแค่ลูกเดียวตลอดฤดูกาลนั้น แต่ในฤดูกาลถัดมา ไกรฟฟ์ ก็ได้ขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริงของ อาแจ็กซ์ฯ ยักซ์อย่างเต็มตัว ก่อนที่จะแสดงความสามารถพาอาแจ็กซ์ฯ คว้ายักซ์คว้าแชมป์[[ลีกฮอลแลนด์|แชมป์ดิวิชั่น 1 ฮอลแลนด์เอเรอดีวีซี]]ได้แบบไร้คู่ต่อกร โดยไกรฟฟ์ ยิงไปทั้งสิ้น 25 ประตู จากการลงเล่น 23 นัด คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของเนเธอร์แลนด์ได้อีกหนึ่งรางวัล ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี
 
หลังจากนั้น ไกรฟฟ์ ก็กลายมาเป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ทันที และถูกเรียกตัวติดทีมชาติ แต่ว่าช่วงเวลาในทีมชาติช่วงแรกของไกรฟฟ์นั้น รฟฟ์นั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จซักเท่าไหร่เท่าใดนัก โดยเพียงแค่ในเกมที่สองในนามทีมชาติ ในแมตช์นัดที่พบกับ [[ฟุตบอลทีมชาติเชโกสโลวะเกียเชโกสโลวาเกีย|เชโกสโลวะเกียเชโกสโลวาเกีย]] ไกรฟฟ์โดน[[ใบแดง]]ไล่ออกจากสนาม แถมและยังโดนถูก[[ราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์]] แบนห้ามลงแข่งไปอีกหนึ่งปีอีกต่างหาก จากพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำให้ไกรฟฟ์ ตั้งตัวเป็นศัตรูสมาคมทันที ทั้งที่มีอายุเพียงแค่ 19 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกัน ที่นักฟุตบอลวัยเยาว์เช่นนี้ กล้าเป็นศัตรูกับสมาคมฟุตบอลของประเทศ
 
แม้ว่าจะมีปัญหาระหองระแหงกับสมาคมฟุตบอลของประเทศ แต่ว่ากับระดับทีมอาแจ็กซ์ฯยักซ์ ไกรฟฟ์ ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ดี ตำแหน่งแชมป์ลีกในประเทศ มักจะได้มาเป็นประจำ จนทำให้แฟนฟุตบอลของอาแจ็กซ์ยักซ์ เริ่มมองถึงเป้าหมายการเป็น[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|แชมป์ยุโรป]]แล้ว
 
ในปี [[ค.ศ. 1969]] ไกรฟฟ์พาอาแจ็กซ์ฯ รฟฟ์พาอายักซ์ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับ[[เอ.ซี. มิลาน]] แห่ง[[อิตาลี]] แต่ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นมิลานที่ได้แชมป์ไปครองในที่สุด
 
แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของไกรฟฟ์ ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลให้เรียกตัวเขากลับมาเล่นให้กับทีมชาติอีกครั้ง และในที่สุดไกรฟฟ์ก็ได้รับโอกาสให้ติดทีมชาติอีกครั้ง
 
เมื่อได้โอกาส ไกรฟฟ์ ก็สามารถยกระดับการเล่นของเนเธอร์แลนด์จากที่เคยเป็นแค่ทีมระดับไม้ประดับของ[[ยุโรป]] กลายมาเป็นทีมระดับแถวหน้าของ[[ทวีป]] ส่วนผลงานกับทีมอาแจ็กซ์ฯยักซ์ ไกรฟฟ์ ก็สามารถพาอาแจ็กซ์ฯ ชนะเลิศยักซ์ชนะเลิศ[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก|ยูโรเปี้ยน คัพเปียนคัพ]] ซึ่งเป็นความปรารถนาของแฟนฟุตบอลได้สำเร็จ หลังจากที่ได้เพื่อนร่วมทีมระดับคุณภาพอย่าง[[โยฮัน นีสเก้นส์เนสเกินส์]], และ[[รุดรืด โคโกรล]] ในรูปแบบการเล่นที่เรียกว่า "[[โททัล ฟุตบอลทัลฟุตบอล]]" (Total FoofballFootball)<ref name='hall of fame'>{{cite web|url=http://www.ifhof.com/hof/cruyff.asp|title=Johan Cruyff -International Hall of Fame|work= ifhof.com|accessdate=9 April 2007}}</ref> อันเลื่องลือ ภายใต้การทำทีมของผู้จัดการอย่าง [[ไรนุสรีนึส มิเชลล์มีเคิลส์]] เจ้าของฉายา ''"ท่านนายพล"'' ซึ่งก็ทำให้ อาแจ็กซ์ฯ ยักซ์กลายเป็นยอดทีมฟุตบอลทีมหนึ่งของยุโรป ก่อนที่จะชนะ[[พาปานาธิไนกอสธีไนโกส]]จาก[[กรีซ]]ได้แชมป์ยูโรเปียนคัพเมื่อปี [[ค.ศ. 1971]] ได้สำเร็จในที่สุด
 
นอกจากนี้แล้วการคว้าแชมป์ดังกล่าว ทำให้ไกรฟฟ์ได้รับ[[นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป|รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป]]หรือบาลงดอร์ (Ballon d'Or) ไปครองอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย นับเป็นนักฟุตบอล[[ชาวดัตช์]]รายแรกที่ได้สัมผัสกับรางวัลนี้ หลังจากนั้นเขาก็พาอาแจ็กซ์ฯ ยักซ์คว้าแชมป์ยุโรปได้อีกสองสมัยซ้อน ซึ่งเป็นทีมแรกนับจาก [[สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด|เรอัลมาดริด]] ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สามปีติดต่อกัน
 
จากความสำเร็จดังนี้ ไกรฟฟ์ตัดสินใจย้ายไปร่วม[[สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา|ทีมบาร์เซโลนา]]แห่ง[[สเปน]] ที่มีไรนุสรีนึส มิเชลล์มีเคิลส์ ผู้จัดการทีมคู่บารมีของเขาคุมทีมอยู่ โดยพาเอาโยฮัน นีสเก้นส์เนสเกินส์ คู่หูตลอดกาลของเขามาด้วย และไกรฟฟ์ก็ไม่ทำให้แฟนของบาร์เซโลนาผิดหวัง เมื่อเขาพาทีมล้มเรอัลมาดริด อัลมาดริดและคว้าแชมป์[[ลาลีกา]] ประจำปี [[ค.ศ. 1974]] ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะแมตช์นัดที่อยู่ในความทรงจำ คือแมตช์นัดที่ไกรฟฟ์และนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ของบาร์เซโลนา สามารถบุกไปเอาชนะ เรอัลมาดริด คู่ปรับตลอดกาล ถึง[[ซานเตียโก เบร์นาเบว|ถิ่น]]ด้วยประตูถล่มทลายถึง 5-0 ด้วยกัน
 
== ในฟุตบอลโลก ==
จากนั้นเป้าหมายของไกรฟฟ์ ก็คือรฟฟ์ก็คือ การพาเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์[[ฟุตบอลโลก]] ใน[[ฟุตบอลโลก 1974|ฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 1974]] ที่[[เยอรมนีตะวันตก]] ซึ่งเนเธอร์แลนด์ ที่(นำโดยรีนึส ไรนุส มิเชลล์ มีเคิลส์, โยฮัน ไกรฟฟ์ และ บรรดานักฟุตบอลของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมยักซ์อัมสเตอร์ดัม) เป็นเต็งหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และก็มีทีท่าว่าจะเป็นได้จริงเมื่อเนเธอร์แลนด์ เอาชนะได้ทั้ง [[ฟุตบอลทีมชาติบราซิล|บราซิล]] แชมป์เก่าเมื่อคราวที่แล้ว และ[[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|อาร์เจนตินา]] เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพ[[ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี|เยอรมนีตะวันตก]]ได้สำเร็จ แต่ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นเยอรมนีตะวันตก เจ้าภาพที่ได้แชมป์ไปครองในที่สุด เมื่อสามารถพลิกเอาชนะไปได้ 2-1 จากการทำประตูของ[[พอลเพาล์ ไบรท์เนอร์]] และ[[แกร์ด มุลเลอร์มึลเลอร์|แกร์ท มึลเลอร์]] ทั้งที่เนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายทำประตูนำไปก่อนด้วยจากลูกยิงของโยฮัน นีสเก้นส์เนสเกินส์
 
ต่อมาไกรฟฟ์ก็ยังคงเล่นให้กับทีมชาติในรอบคัดเลือก แต่ว่าเขากลับตัดสินใจที่จะไม่ไปเล่น[[ฟุตบอลโลก 1978|ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่อาร์เจนตินา]] โดยให้เหตุผลว่า รับไม่ได้กับความเป็น[[เผด็จการ]]ของ[[ประเทศอาร์เจนตินา]] ซึ่งในครั้งนั้นเนเธอร์แลนด์ก็เป็นคู่ชิงชนะเลิศกับอาร์เจนตินา เจ้าภาพ และก็เป็นฝ่ายแพ้ไปอีกเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน
 
== บั้นปลายชีวิตนักฟุตบอล ==
[[ไฟล์:Johan Cruijff golfer cropped.jpg|thumb|150px|โยฮัน ไกรฟฟ์ ในปัจจุบัน]]
หลังจากนั้นไกรฟฟ์ก็ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติแบบถาวร ก่อนที่จะย้ายไปเล่นที่[[สหรัฐอเมริกา]]กับ[[ลอสแอนเจลิส แอซเท็คสแอซเทกส์]] ซึ่งในช่วงนั้นฟุตบอล[[เมเจอร์ลีกซอกเกอร์|ลีกของสหรัฐอเมริกา]] กำลังอเย่อยู่ในช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากมีนักฟุตบอลระดับโลกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น[[ฟรันซ์ เบคเคนเบาเออร์]], หรือ[[เปเล่]] เล่นอยู่ แต่ทว่าไกรฟฟ์ก็อยู่กับลีกนี้ได้ไม่นาน โดยในปี [[ค.ศ. 1981]] เขากลับมาเล่นในสเปนอีกครั้งกับ[[สโมสรฟุตบอลเลบานเตเลบันเต|เลบานเตเลบันเต]]
 
และในปีถัดไกรฟฟ์ก็กลับมาเล่นให้กับทีมที่เขาเริ่มต้นอย่างอาแจ็กซ์ฯยักซ์ ซึ่งแม้ว่าวัยของเขาจะล่วงเลยมาถึง 34 ปี และเรี่ยวแรงของจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม แต่ว่าด้วยสไตล์การเล่นที่ปราดเปรียว ทำให้ไกรฟฟ์สามารถลงเล่นกับนักฟุตบอลรุ่นน้องได้อย่างสบาย ๆ เขานำทีมอาแจ็กซ์ฯ ยักซ์คว้าแชมป์ลีกฯ ลีกได้อีกสองสมัย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม[[สโมสรฟุตบอลเฟเยนูร์ดไฟเยอโนร์ด|เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัมไฟเยอโนร์ด]] คู่ปรับร่วมลีก และเขาก็ตอกย้ำความเป็นผู้ชนะ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกกับเฟเยนูร์ดไฟเยอโนร์ดได้อีกต่างหาก ก่อนที่จะอำลาวงการไปในวัย 36 ปี
 
== หลังเลิกเล่น ==
หลังจากเลิกราการเล่นฟุตบอล ไกรฟฟ์ก็หันไปเป็นผู้จัดการทีม โดยเป็นผู้จัดการทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมยักซ์อัมสเตอร์ดัม, บาร์เซโลนา และ[[ฟุตบอลทีมชาติคาตาโลเนีย|คาตาโลเนีย]] ในปัจจุบัน
 
ชีวิตส่วนตัว โยฮัน ไกรฟฟ์ [[แต่งงาน]]กับเดนแดนนี คอสเตอร์ ในปลายปี [[ค.ศ. 1968]] มีลูก ๆ ด้วยกันทั้งหมด 3 คน โดยลูกชายคนสุดท้อง คือ [[ยอร์ดี ไกรฟฟ์]] เคยเป็นผู้เล่นตำแหน่ง[[กองกลางตัวรุก]]ของ[[แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]แห่ง[[อังกฤษ]]อยู่ช่วงหนึ่งด้วย
 
== อ้างอิง ==