ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระแสงขรรค์ชัยศรี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Addbot (คุย | ส่วนร่วม)
Bot: Migrating 2 interwiki links, now provided by Wikidata on d:q4924586 (translate me)
ป้ายระบุ: ลบลิงก์ข้ามภาษา
Kisstonpan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 12:
 
ทั้งด้ามและฝักมีความยาว ๑๑๕ ซม. ฝักกว้าง ๕.๕ ซม. ใบพระขรรค์ทำด้วยเหล็กมีคมทั้งสองด้าน ส่วนด้ามทำด้วยแก้วผลึกรูป ๘ เหลี่ยม มีทองคาดตามแนวปลายด้ามทำเป็นหัวเม็ดรูป ๖ เหลี่ยมประดับ[[พลอย]] ตัวฝักทำด้วยทองคำประดับด้วยลายรักร้อย ขอบฝักทำเป็นลาย[[กระหนก]] ประดับ[[อัญมณี]]สีต่างๆ
== วัสดุที่ใช้ทำ ==
สมัยโบราณกาลการจัดสร้างพระแสงราชศัสตรานั้น ผู้สร้างจะเลือกโลหะหรือแร่ต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพื่อสร้างเป็นพระแสงราชศัสตราที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เกรงขามของศัตรู โดยช่างตีดาบจะนำเนื้อโลหะต่างชนิดนำมาถลุงหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวเพื่อตีขึ้นรูปดาบ จึงเกิดเป็นสูตรของโลหะ ๓ ประเภท๖ คือ เบญจโลหะ คือ เนื้อโลหะที่หลอมรวมจากเหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑ และทองคำ ๑
สัตโลหะ คือ เนื้อโลหะที่หลอมรวมจากเหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑ ทองคำ ๑ เจ้าน้ำเงิน ๑ (ปกติเรียก “เจ้า” เป็นแร่ชนิดหนึ่งสีเขียวเหลือบน้ำเงิน) และสังกะสี ๑
นวโลหะ คือ เนื้อโลหะถึง ๙ ชนิด คือ เหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑ ทองคำ ๑ เจ้าน้ำเงิน ๑ สังกะสี ๑ ชิน ๑ (โลหะผสมระหว่างดีบุกกับตะกั่ว มีสีเงาวาวมาก และมีน้ำหนักมากเช่นกัน) และทองแดงบริสุทธิ์ ๑
ต่อมามีการค้นพบโลหะอีกประเภทหลังจากได้มีการคิดค้นสูตรโลหะทั้ง ๓ แล้ว กล่าวกันว่าเป็นโลหะที่ดีมีคุณสมบัติสำหรับการทำอาวุธที่สุด คือ “เหล็กน้ำพี้” เพราะเหล็กน้ำพี้เป็นโลหะที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เมื่อนำมาหลอมตีเป็นดาบจะมีสีเขียวเหลือบดังปีกแมลงทับ มีความคมและยืดหยุ่นได้ในตัวเอง เมื่อนำมาฟันกระทบกับของแข็ง ทำให้ไม่บิ่น ไม่งอ ไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศ และไม่ก่อให้เกิดสนิม และเสื่อมคม แหล่งที่มาของแร่โลหะนี้ คือ บ่อน้ำพี้
“น้ำพี้” เป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีแหล่งแร่เหล็กกล้าที่มีความบริสุทธิ์ของเนื้อเหล็กโดยธรรมชาติสูง จึงนิยมนำมาทำเครื่องใช้กันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มีการสันนิษฐานกันว่า ดาบรบที่สร้างขึ้นในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยามีการตีดาบเหล็กน้ำพี้ใช้สำหรับทำอาวุธใช้ในสงคราม ต่อมามีการสงวนไว้สำหรับใช้ทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์ ห้ามมิให้ผู้ใดขุดเหล็กจากบ่อนี้ โดยบ่อที่นำมาทำพระแสงดาบเรียกว่า “บ่อพระแสง” และบ่อที่นำมาทำพระขรรค์เรียกว่า “บ่อพระขรรค์”
นอกจากการเลือกโลหะสำหรับนำมาทำดาบแล้ว กรรมวิธีในการตีดาบยังเป็นเรื่องที่คนสมัยโบราณให้ความสำคัญ หากเป็นดาบเพื่อใช้ในการศึกสงครามแล้วจะใช้พิธีทางไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับพระแสงดาบของพระมหากษัตริย์จะมีการตกแต่งประดับประดาพระแสงดาบด้วยโลหะ อัญมณีที่มีค่า การสร้างลวดลายต่าง ๆ และการลงสีให้มีความวิจิตรงดงาม เพื่อการใช้เป็นเครื่องประกอบยศ และพระราชทานให้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
กล่าวได้ว่า ในอดีตพระแสงดาบมีความสำคัญในฐานะที่เป็นราชศัสตราวุธคู่กายของพระมหากษัตริย์ และเป็นอาวุธที่ใช้ในยามศึกสงคราม ต่อมาได้มีการพัฒนาอาวุธที่มีความทันสมัยขึ้น ทำให้พระแสงดาบจึงค่อย ๆ ลดบทบาทลง ในปัจจุบันพระแสงดาบจึงเป็นเพียงสัญลักษณ์และเครื่องหมายของพระมหากษัตริย์ที่ใช้ประกอบยศและใช้ประกอบในพระราชพิธีสำคัญ ๆ
 
[[หมวดหมู่:เครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งประเทศไทย]]