ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซูโจว"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nattawan s (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Nattawan s (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 246:
ต่อมาในปี ค.ศ. 1367 [[Zhu Yuanzhang|จูหยวนจาง]] (Zhu Yuanzhang) ได้ยกกองทัพจาก[[Nanjing|หนานจิง]]เข้าโจมตีและยึดครองเมืองหลังจากเข้าโอบล้อมไว้ได้นานถึง 10 เดือน หลังจากนั้นไม่นาน จูหยวนจางก็ได้ตั้งตนเป็น[[Hongwu Emperor|จักรพรรดิหงหวู่์]] จักรพรรดิพระองค์แรกของ[[Ming Dynasty|ราชวงศ์หมิง ]]และสั่งให้้ทำลายที่ทำการเมืองซูโจว และกำหนดภาษีใหม่สำหรับชาวเมือง<ref>Johnson, Linda C. ''[http://books.google.com.au/books?id=Q_BIEPeKHgAC Cities of Jiangnan in Late Imperial China]'', pp. 26{{ndash}}27. SUNY Press, 1993. ISBN 0-7914-1423-X, 9780791414231.</ref> แม้ว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีอย่างหนัก และบุคคลสำคัญของเมืองซูโจวได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในหนานจิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรพรรดิหงหวู่แทน เมืองซูโจวก็สามารถกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้น
 
ในปี ค.ศ. 1488 [[Choe Bu|เจาปู (Choe Bu)]] ข้าราชการชาวเกาหลีที่ประสบอุบัติเหตุเรือแตกระหว่างการเดินทางกลับประเทศ ได้มีโอกาสเห็นทัศนียภาพทางตะวันออกของประเทศจีน จาก เจ้อเจียงถึง Eastern China from Zhejiang to Liaoning on his way home in เหลียวหนิง เจาได้อธิบายเมืองซูโจวไว้ในบันทึกการเดินทางของเขาไว้ว่าเป็นเมืองที่ล้ำหน้าเมืองอื่นๆ ในบริเวณนี้ <ref>Brook, Timothy. ''[[The Confusions of Pleasure: Commerce and Culture in Ming China]]''. Berkeley: University of California Press, 1988. ISBN 0-520-22154-0. Page 45.</ref> นอกจากนี้ยังมีสวนจีนส่วนตัวจำนวนมากMany of the famous private gardens were constructed by the gentry of the ในซูโจวที่สร้างขึ้นโดยชนชั้นสูงในสมัย[[Ming Dynasty|Mingราชวงศ์หมิง]] and และ[[Qing|ราชวงศ์ชิง]] dynastiesหากว่าในปี ค.ศ. However, the city was to see another disaster in 1860 when เมืองซูโจวได้พบกับภัยพิบัติอีกครั้งเมื่อในช่วง[[Taiping rebellion|Taipingกบฏไท่ผิง]] soldiers captured the city.เมื่อทหารไท่ผิงได้บุกเข้ายึดครองเมือง โดยในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1863, the [[Ever-VictoriousCharles ArmyGeorge Gordon|E(Ever-Victoriousชาร์ล Army)กอร์ดอน]] of [[Charles George Gordon|C(Charles Gordon)]] recapturedผู้บัญชาการ the[[Ever-Victorious cityArmy|Ever-Victorious fromArmy]] the Taiping forces.จึงได้ยึดเมืองคืนจากพวกกบฏไท่ผิง
 
วิกฤตกาลลำดับต่อมาคือช่วง[[Second Sino-Japanese War|การรุกรานของสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง]] (Japanese invasion) ในปี ค.ศ.1937 ซึ่งในครั้งนี้สวนหลายแห่งในเมืองซูโจวถูกทำลายลงหลังสงคราม และได้มีการบูรณะสวนเหล่านี้ใหม่ เช่น [[Zhuozheng Yuan|<nowiki/>]][[Humble Administrator's Garden|สวนจัวเจิ้ง]] (Humble Administrator's Garden) และ[[Lingering Garden|สวนหลิว]] (Lingering Garden) ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 เพื่อให้กลับมาสมบูรณ์และสวยงามอีกครั้ง
 
==เขตการปกครอง==
{{See also|List of administrative divisions of Jiangsu}}
[[Gusu District|เขตกูซู]] (อังกฤษ: Gusu District)]] (อักษรจีนตัวย่อ: 姑苏区; พินอิน: <em>Gūsū Qū</em>) หรือที่เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า เขตมืองเก่าซูโจว ถือเป็นเขตศูนย์กลางของเมืองซูโจว โดยทางด้านทิศตะวันออกของเขตเมืองเก่าีเป็น[[Suzhou Industrial Park|สวนอุตสาหกรรมซูโจว (Suzhou Industrial Park)]] และทางตะวันตกเป็น[[Suzhou High & New Technology Development Zone|เขตพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคซูโจว (Suzhou High & New Technology Development Zone)]]
 
ในปี ค.ศ. 2000 พื้นที่เดิมที่เคยเป็น[[Wu County|แคว้นเทศมณฑลอู๋]] (อังกฤษ: Wu County)]] หรือ Wuxian; (อักษรจีนตัวย่อ: 吴县) ถูกแบ่งเป็น 2 เขตปกครองในระดับอำเภอ คือ [[Xiangcheng District, Suzhou|เขตเซียงเฉิง (Xiangcheng)]] (อักษรอังกฤษ: Xiangcheng; จีนตัวย่อ: 相城区) และ[[Wuzhong District|เขตอู๋จง (Wuzhong)]] (อักษรอังกฤษ: Wuzhong; จีนตัวย่อ: 吴中区) ซึ่งก็คือพื้นที่ทางตอนเหนือและใต้ของเมืองซูโจวในปัจจุบัน (ตามลำดับ)
 
ในปี ค.ศ. 2012 พื้นที่เดิมที่เคยเป็นเมืองอู๋เจียงในอดีตก็กลายเป็นเขตปกครองระดับอำเภอ คือ เขตอู๋เจียง (อังกฤษ: Wujiang District; อักษรจีนตัวย่อ: 吴江区) ของเมืองซูโจวในปัจจุบันเช่นกัน
 
เมืองซูโจว เป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศจีน และยังเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายบริษัทอีกด้วย เมืองซูโจวจึงมีการพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องออกไปสู่ัการเจริญเติบโตของ[[satellite town|เมืองบริวาร (Satellite cities)]] โดยรอบ ซึ่งประกอบด้วย[[Kunshan|เมืองคุณซาน (Kunshan)]] (อักษรอังกฤษ: Kunshan; จีนตัวย่อ: 昆山市) [[Taicang|เมืองไท่ชาง (Taicang)]] (อักษรอังกฤษ: Taicang; จีนตัวย่อ: 太仓市) [[Changshu|เมืองฉางฉู๋ (Changshu)]] (อักษรอังกฤษ: Changshu; จีนตัวย่อ: 常熟市) และ[[Zhangjiagang|เมืองจางเจียกั่ง (Zhangjiagang)]] (อักษรอังกฤษ: Zhangjiagang; จีนตัวย่อ:张家港市) ซึ่งเมืองทั้งหมดนี้รวมถึงเมืองซูโจว จึงรวมเป็นพื้นที่เขตปกครองระดับจังหวัดหรือจังหวัดซูโจว (Suzhou prefecture)
 
{{Wide image|Prosperous Suzhou.jpg|5000px|''[[Prosperous Suzhou]]'' by [[Xu Yang (Qing Dynasty)|Xu Yang]]}}
บรรทัด 447:
===สวน===
{{Main|Classical Gardens of Suzhou}}
ซูโจวมีชื่อเสียงในด้านสวนคลาสสิกหรือสวนโบราณ หรือที่เรียกรวมๆ ในภาษาจีนแมนดารินว่า 苏州园林 (Sūzhōu yuánlín) โดยมี[[Zhuozheng Yuan|สวนจัวเจิ้ง (Zhuōzhèng Yuán)]] (อังกฤษ: Humble Administrator's Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 拙政园; พินอิน: Zhuōzhèng Yuán) และ[[Lingering Garden|สวนหลิว (Liúyuán)]] (อังกฤษ: Lingering Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 留园; พินอิน: Liúyuán) จัดเป็น 2 ใน 4 แห่งของสวนโบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศจีน และยังมี[[Canglang Pavilion|ศาลาชางลั่งถิงหรือพลับพลาเกลียวคลื่น (Cānglàng Tíng)]] (อังกฤษ: Great Wave Pavilion; อักษรจีนตัวย่อ: 沧浪亭; พินอิน: Cānglàng Tíng) [[Shizi Lin|สวนป่าสิงโต (Shīzi Lín)]] (อังกฤษ: Lion Grove Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 狮子林; พินอิน: Shīzi Lín) สวนจัวเจิ้ง และสวนหลิว ซึ่งก่อสร้างในรูปแบบสมัย[[Song Dynasty|ราชวงศ์ซ่ง (Song)]] [[Yuan Dynasty|ราชวงศ์หยวน (Yuan)]] [[Ming Dynasty|ราชวงศ์หมิง (Ming)]] และ[[Qing Dynasty|ราชวงศ์ชิง (Qing)]] ที่นับได้ว่าเป็นสวนที่มีชื่อเสียงที่สุด 4 แห่งในเมืองซูโจวนี้
 
สวนจัวเจิ้ง สวนหลิว [[Wangshi Yuan|สวนหว่างซือ (Wǎngshī Yuán)]] (อังกฤษ: Master of Nets Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 网师园; พินอิน: Wǎngshī Yuán) และ[[Huanxiu Mountain Villa|สวนหวนซิ่วซานซวง (Huánxiù Shānzhuāng)]] (อังกฤษ: The Mountain Villa with Embracing Beauty; อักษรจีนตัวย่อ: 环秀山庄; พินอิน: Huánxiù Shānzhuāng) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (the UNESCO World Heritage Sites) โดย[[UNESCO|องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ]] (UNESCO]][[World Heritage Site|)]] ในปี ค.ศ. 1997 ต่อมาสวนป่าสิงโต ศาลาชางลั่งถิง [[Ou Yuan|สวนโอ่ว (Ǒu Yuán)]] (อังกฤษ: Couple's Retreat Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 藕园; พินอิน: Ǒu Yuán) [[Garden of Cultivation|สวนยี่ปู่ (Yì Pǔ)]] (อังกฤษ: Garden of Cultivation; อักษรจีนตัวย่อ: 艺圃; พินอิน: Yì Pǔ) และ[[The Retreat & Reflection Garden|สวนทุ่ยซือ (Tuìsī Yuán)]] (อังกฤษ: The Retreat & Reflection Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 退思园; พินอิน: Tuìsī Yuán) ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 2000 ด้วย
 
[[Tiger Hill, Suzhou|เขาหูชิว (Hǔqiū)]] (อังกฤษ: Tiger Hill; อักษรจีนตัวย่อ: 虎丘; พินอิน: Hǔqiū) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามทางธรรมชาติและเป็นสถานที่ประวัติศสาตร์แห่งหนึ่งทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง จึงนับว่าเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของเมืองซูโจว ชื่อเขาหูชิวหรือเขาเนินเสือนั้นมาจากลักษณะของเนินเขาที่คล้ายกับเสือในท่าหมอบเตรียมวิ่งหรือกระโจนไปข้างหน้า หรืออีกตำนานกล่าวว่ามีเสือขาวปรากฎตัวขึ้นบนเนินเขาแห่งนี้ไม่กี่วันหลังวันฝังพระศพของ[[King Helü of Wu|กษัตริย์เหอหลู๋แห่งแคว้นอู๋]] (King Hélǘ of Wu)]]; (阖闾) สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมานานกว่าพันปี โดยมีหลักฐานเป็นบทกวีสลักที่หินบนเนินเขานี้ี และยังมีบทกลอนของกวีที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ซ่ง ชื่อ [[Su Shi|ซูซื่อ (Sū Shì; 苏轼)]] กล่างถึงเขาหูชิวไว้ว่า "It is a lifelong pity if having visited Suzhou you did not visit Tiger Hill." ซึ่งมีความหมายว่า "ช่างน่าเสียดายจริง หากครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาเยื่อนซูโจว แต่ไม่ได้ชมความงานของเขาหูชิว" 
 
===วัด===
[[Hanshan Temple|วัดหานซาน (Hanshan Temple)]] (อังกฤษ: Hanshan Temple หรือ Cold Mountain Temple; อักษรจีนตัวย่อ: 寒山寺) เป็นวัดและพระอารามในพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงในเมืองซูโจว อยู่ใกล้กับสะพานเฟิ่งเฉียว (Fengqiao) เฟิ่งเฉียวหรือสะพานเมเปิล (อังกฤษ: Fengqiao หรือ Maple Bridge; อักษรจีนตัวย่อ: 枫桥) ราว{{convert|5|km|0|abbr=on}} ทางตะวันตกของเมืองเก่าซูโจว วัดหานซานมีชื่อเสียงมากในแถบเอเชียตะวันออกเนื่องจากมีบทกวีอันโด่งดังชื่อ "จอดเรือที่สะพานเมเปิล" (อังกฤษ: A Night Mooring near Maple Bridge; อักษรจีนตัวย่อ: 夜泊枫桥) เขียนโดยกวีผู้โด่งดังในสมัยราชวงศ์ถัง (ประมาณ 618-907 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ชื่อ จางจี้ (อังกฤษ: Zhang Ji; อักษรจีนตัวย่อ: 张继) กล่าวถึงวัดหานซานแห่งนี้ไว้ในบทกวีของเขาว่า
 
บรรทัด 478:
<ref> ปปปปปปปปป </ref>
 
[[Xiyuan Temple|วัดซีหยวนหรือวัดสวนตะวันตก]] (อังกฤษ: Xiyuan Temple)]] (อังกฤษ:หรือ Monastery Garden; อักษรจีนตัวย่อ: 西园寺) สร้างขึ้นในสมัย[[Yuan Dynasty|ราชวงศ์หยวน (Yuan Dynasty)]] เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซูโจว มี 2 ส่วนหลักคือ วัดเจี้ยฉวงลวู่ (อังกฤษ: The Temple of Jiezhuanglu; อักษรจีนตัวย่อ: 戒幢律寺) และสวนตะวันตก (The West Garden) ตั้งอยู่ใกล้กับสวนหลิว (Lingering Garden) ซึ่งที่เดิมเคยเป็นบริเวณเดียวกันและถูกเรียกว่าเป็นสวนตะวันออก (the East Garden)
 
[[Xuanmiao Temple|สฉวนเมี่ยวกวน ]](อังกฤษ: Xuanmiao Temple)]]; (อักษรจีนตัวย่อ: 玄妙观) เดิมทีสร้างขึ้นในราว 276 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นวัดในนิการนิกายเต๋าที่โดดเด่นและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซูโจว ด้านหน้าวัดมีถนนชื่อ [[Guanqian Street|กวนเฉียนจี]] (อังกฤษ: Guanqian Street)]]; (อักษรจีนตัวย่อ: 观前街) ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงของเมืองด้วย
 
=== คลอง ===
 
เมืองซูโจวมีความโดดเด่นในด้านคลองซึ่งมีเป็นจำนวนมากที่ตัดผ่านตัวเมือง ในตัวเมืองยังคงมีถนนโบราณที่ใช้เป็นถนนท่องเที่ยวสำหรับชมคลองโบราณ สะพานหินเก่าแก่ และสถาปัตยกรรมของเมือง เช่น [[Pingjiang Street|ถนนผิงเจียง]] (อังกฤษ: Pingjiang Street; อักษรจีนตัวย่อ: 平江路) อายุกว่า 800 ปี หรือ [[Shantang Street|ถนนซานถัง]] (อังกฤษ: Shantang Street; อักษรจีนตัวย่อ: 山塘街) อายุกว่า 1,200 ปี จนถนนทั้งสองสายได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "ถนนสายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม" ที่มีชื่อเสียงของประเทศจีนด้วย
[[File:20090926 Suzhou Pan Men 5941.jpg|thumb|left|Picture of the Land and Water Gate.]]
[[Shantang Street|ถนนซานถัง]] (山塘街) มีความยาว 7 "ลี้ (li)" (ประมาณ 2 ไมล์ {{convert|2|mi|abbr=out|disp=output only}}) ถนนสายนี้เดิมในอดีตเคยถูกเรียกว่า ไป๋กงตี้ เมื่อ[[Bai Juyi|ไป๋จวีอี้ีี]] (อังกฤษ: Bai Juyi; อักษรจีนตัวย่อ: 白居易, 772–846) กวีที่มีชื่อเสียงในสมัย[[Tang Dynasty|ราชวงศ์ถัง]]ได้รีบการแต่งตั้งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองซูโจวในขณะนั้น เป็นผู้ควบคุมการขุดคลองและ่ก่อสร้างถนนในบริเวณนี้ของเมืองขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับ[[Tiger Hill, Suzhou|เขาหูชิว (Tiger Hill)]] และเรียกคลองและถนนที่สร้างขึ้นใหม่นี้โดยใช้ัชื่อซานถัง คลองนี้เชื่อมโยงไปยังคลองขนาดใหญ่ที่ต่อไปยังเมืองปักกิ่งและเมืองหางโจว ส่วนถนนซานถังก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นสถานที่ท่องที่ยวพักผ่อนที่มีชื่อเสียงในด้านประเพณีของชนกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย ทั้งยังมีวัดโบราณ ด้วย จนกระทั่ง[[Empress Dowager Cixi|พระนางซูสีไทเฮา]] (อังกฤษ: The Empress Dowager Cixi; อักษรจีนตัวย่อ: 慈禧太后, 1835–1908) แห่ง[[Qing Dynasty|ราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty)]] มีพระราชดำรัสเสาวณีย์ให้สร้างถนนซูโจว (Suzhou Street) ขึ้นใน[[Summer Palace|พระราชวังอี๋เหอหยวน (Summer Palace)]] ในเมืองปักกิ่งโดยให้สร้างเลียนแบบจากถนนซานถังทั้งหมดเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนพระองค์ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2002 เมืองซูโจวได้เริ่มโครงการ, Suzhou began a restoration project to make Shantang บูรณะถนนซานถังให้เป็นเขตอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม a historical and cultural protection zone, โดยโครงการในเฟสช่วงแรกได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว and the first phase of that project has been completed. The reconstruction work centered on restoring the traditional style, integrated with tourism and entertainment to display Shantang’s rich heritages and the waterways, in typical Suzhou style, and the folk customs with [[Wu (region)|อู๋ (Wu)]] characteristics.<ref name="en.visitsz.com">[http://en.visitsz.com/sight.html Official Travel and Tourism Websites For Suzhou]</ref>
 
ถนนผิง? เจียง (อังกฤษ: Pingjiang Street; จีนตัวย่อ: 平江路) เป็นถนนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเก่าซูโจว บนพื้นที่ 116.5 isเฮกเตอร์ in the northeastern part of old Suzhou on a 116.5-hectare area, which has aที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500-year historyปี andและยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างสมบูรณ์ที่สุดในซูโจว theในอดีตอาณาบริเวณนี้มีที่พักของขุนนาง best-preservedข้าราชการ cultural-protectionและปราชญ์จำนวนมากอาศัยอยู่ zoneทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นบ้านโบราณให้ได้ศึกษาถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวซูโจวในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี of old Suzhou. Throughout history, many literary scholars, high officials, and members of the nobility lived in the quarter. It is an open district consisting mainly of residential buildings and its true value lies in the traditional style of living. The (Pingjiang Quarter) โดยบริเวณที่พักอาศัยโบราณของผิงเจียงนี้มีลักษณะการออกแบบสมัย[[Song Dynasty|ราชวงศ์ซ่ง]] จึงเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองเก่าซูโจว is part of the historic, cultural area of old Suzhou and has been in existence for 1,000 ปี, maintaining the style of the [[Song Dynasty|ราชวงศ์ซ่ง]]. It is a portrait of “water and land, and rivers adjacent to the streets,” and a good example of the waterside towns south of the [[Yangtze River|แม่น้ำแยงซี]] with their “small bridges over flowing streams, and whitewashed walls and black tiles”. The cultural heritage and landscape are exemplified in places such as [[Ouyuan Garden]], a world cultural heritage site, and the [[Kunqu Opera Museum|K(Kunqu Opera Museum)]] (Quanjin Guild Hall), a cultural heritage exhibit of [[Kunqu]] Opera. There are nine cultural relics protection units, 43 pieces of architecture under protection, and a multitude of early architecture, classical bridges, wells, and memorial archways.<ref name="en.visitsz.com"/>
 
=== อื่นๆ ===
 
เขตท่องเที่ยวและพักผ่อนไท่หูแห่งเมืองซูโจว (อังกฤษ: Suzhou Taihu National Tourism and Vacation Zone (;จีนตัวย่อ: 苏州太湖国家旅游度假区) อยู่ทางตะวันตกของซูโจว ประมาณ {{convert|15|km|0|abbr=on}} จากตัวเมือง ซึ่งทะเลสาบไท่ได้รับการกล่างขานว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงามมาตั้งแต่ในอดีต
 
[[Gate to the East|ประตูทิศตะวันออก]] (Gate to the East) เป็นสัญญลักษณ์ของเมือง ตั้งอยู่บริเวณเขตธุรกิจของเมืองซูโจว
[[Gate to the East|G(Gate to the East)]], built as a symbol to Suzhou's prominence in China, is in Suzhou's central business district.
 
[[Pan Gate|Pประตูผาน]] (อังกฤษ: Pan Gate)]] (หรือ Pan Men ; จีนตัวย่อ: 盘门) is on the southwest corner of the Main Canal or encircling canal of Suzhou. Originally built during theอยู่ทางมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของคลองรอบเมืองซูโจว สร้างขึ้นในยุค[[Warring States Periodperiod|จั้นกั๋ว]] in the state of Wu, historians estimate it to be aroundอายุเก่าแก่กว่า 2,500 yearsปี old.เป็นหนึ่งในสามสถานที่สำคัญของจุดท่องเที่ยวบริเวณประตูผาน It is now part of the Pan Gate Scenic Area. It is known for the "(three landmarks of Pan Gate".) Theyโดยสถานที่สำคัญอีกสองแห่งคือ are the [[Ruiguang Pagoda|Rเจดีย์รุ่ยกวง]] (อังกฤษ: Ruiguang Pagoda)]] (;จีนตัวย่อ: 瑞光塔), the earliest pagoda in Suzhou builtเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นแห่งแรกๆ inของเมืองซูโจว โดยสร้างราว 247 ปีก่อนคริสตกาล และสะพานประตูอู๋ (the Wu Gate Bridge), the entrance to the gate at that time over the water passage and the highest bridge in Suzhou at the time, and Pan Gate. The Ruigang Pagoda is constructed of brick with wooden platforms and has simple Buddhist carvings at its base.เป็นสะพานที่สูงที่สุดในเมืองซูโจวในสมัยโบราณ
[[File:Panmen Scenic Area 1.jpg|thumb|right|200px|View of Panmen Scenic Area and Ruiguang Pagoda.]]
 
[[Baodai Bridge|สะพานเป๋าไต๊]] (อังกฤษ: Baodai Bridge หรือ Precious Belt Bridge; จีนตัวย่อ: 宝带桥) เป็นสะพานข้ามทะเลสาบต้านไถ (Dantai Lake) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองซูโจว สร้างขึ้นในปี 806 ก่อนคริสตกาลในสมัยราชวงศ์ถัง มีพื้นที่ทั้งหมด 53 เอเคอร์ ยาว 317 เมตร สร้างด้วยหินจากภูเขาจินซาน (อังกฤษ: Jin Shan หรือ Gold Moutain; จีนตัวย่อ: 金山) สะพานนี้ถูกเรียกอีกชื่อว่าสะพานเข็มขัดสูงค่า หรือ Precious Belt Bridge เนื่องจากในอดีตระหว่างที่มีการระดุมทุนเพื่อสร้างสะพานแห่งนี้ ขุนนางผู้ปกครองเมืองได้บริจาคเข็มขัดมูลค่าสูงเพื่อเป็นทุนสร้างสะพาน โดยสะพานแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (national monuments, resolution 5-285) ในปี ค.ศ. 2001
[[Baodai Bridge|สะพาน (Baodai Bridge)]] (Precious Belt Bridge; จีนตัวย่อ: 宝带桥) stretches across the Daitai Lake in the suburbs of Suzhou. To raise money to finance the bridge,the magistrate donated his expensive belt, hence the name. The bridge was first built in 806 A.D. in the Tang Dynasty ราชวงศ์ถัง and has 53 arches with a length of 317 เมตร It was made out of stone from Jinshan Mountain and is the longest standing bridge of its kind in China. Its delicate design and beautiful surroundings make it as a precious belt hovering over the river town. The bridge was included on the list of national monuments (resolution 5-285) in ในปี ค.ศ. 2001
 
[[Huqiu Tower|Yเจดีย์หูชิวหรือหยุนเหยียน (Yunyan Pagoda)]] (อังกฤษ: Yunyuan; จีนตัวย่อ: 虎丘塔/云岩寺塔) (สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 961) is aสมัยราชวงศซ่ง ลักษณะเป็น[[Chinese pagoda|C(Chinese pagoda)เจดีย์จีน]] built on Tiger Hill ตั้งอยู่บนเขาหูชิวหรือเนินเสือในเมืองซูโจว. Itเจดีย์แห่งนี้มีชื่อเรียกหลากหลาย has several other names, including theรวมถึงชื่อ "หอเอนแห่งประเทศจีน (Leaning Tower of China)" (as referred to by historianอ้างอิงโดยนักประวัติศาสตร์ O.G. Ingles)<ref name="ingles 144">Ingles (1982), 144.</ref> andเนื่องจากตัวเจดีย์เอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตั้งแต่หลายพันปีมาแล้ว theโดยศูนย์กลางด้านบนเอียงจากศูนย์กลางของฐานเจดีย์ 2.32 Yunyanเมตร Templeหรือประมาณ Tower.3 องศา ตัวหอมีความสูง 47&nbsp;mเมตร (154&nbsp;ft). Itมีลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมและมีจำนวนชั้น is7 aชั้น seven-story octagonal building built with blue bricks. In more than a thousand years the tower has gradually slanted due to forces of nature. Now the top and bottom of the tower vary by 2.32 meters.สร้างโดยใช้อิฐสีน้ำเงิน มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ {{convert|7000000|kg}}, supported by internal brick columns.<ref name="ingles 145">Ingles (1982), 145.</ref> However, the tower leans roughly 3 degrees due to the cracking of two supporting columns.<ref name="ingles 145"/>
 
[[Beisi Pagoda|เจดีย์เป่ยซีอ]]หรือเจดีย์วัดเหนือ (อังกฤษ: Beisi Pagoda หรือ North Temple Pagoda; จีนตัวย่อ: 北寺塔) ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเป่าเอิน (Bao’en Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างราวศตวรรษที่ 17 เดิมเจดีย์มีความสูงถึง 11 ชั้น แต่ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จึงเหลือเพียง 9 ชั้นภายหลังจากการบูรณะใหม่ รูปแบบของเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์หมิงโดยโครงสร้างทำจากไม้และอิฐ เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มีเก้าชั้น สูง 76 เมตร (243&nbsp;ฟุต) โดยเป็นเจดีย์สูงที่สุดในซูโจวและทางตอนใต้ของแม่นำ้แยงซี
[[Beisi Pagoda|B(Beisi Pagoda)]] (จีนตัวย่อ: 北寺塔) or North Temple Pagoda is a Chinese pagoda at Bao'en Temple in Suzhou, Jiangsu Province, China. It rises nine stories in a height of 76&nbsp;m (243&nbsp;ft). It is the tallest Chinese pagoda south of the Yangtze river.
 
Twin Pagodas (จีนตัวย่อ:苏州双塔) are the two pagodas lie in the Dinghui Temple Lane in the southeastern corner of the city proper of Suzhou. They are artistic and natural as they are close at hand. One of them is called Clarity-Dispensing Pagoda and the other Beneficence Pagoda and they are in the same form of building. There are many legends about the one-thousand-year-old pagodas. It is charming that the exquisite and straight Twin Pagoda look like two inserted writing brushes. There was originally a single-storey house with three rooms just like a writing brush holder with the shadows of the two pagodas reclining on its roof at sunset. To the east of the pagoda is a square five-storeyed bell building built in the สร้างในสมัย[[Ming Dynasty|ราชวงศ์หมิง]] which is exactly like a thick ink stick. So there is a saying that “the Twin Pagodas are as writing brushes while the bell building as ink stick”.
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/ซูโจว"