ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การตลาด"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pakornmi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Pakornmi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 160:
 
การวิจัยการตลาด(Marketing research)นั้นคือการทำวิจัยเพื่อนำข้อสรุปมาทำกิจกรรมต่างๆทางการตลาดโดยนำข้อมูลจากการทำวิจัยนั้นมาวิเคราะห์ทางสถิติและนำมาคีความอีกครั้งหนึ่ง นักการตลาดหรือผู้บริหารจะนำข้อมูลจากการตีความเหล่านี้เพื่อวางแผนการตลาด อีกทั้งข้อมูลเหล่านั้นยังใช้ในการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมต่างๆทางการตลาด(Market environment)ของบริษัทด้วย นักวิจัยการตลาดนั้นจะใช้วิธีการต่างๆทางสถิติ เช่น การวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative research) การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative research) การตรวจสอบสมมติฐาน(Hypothesis tesing) การทดสอบไคแสควร์(Chi-squared testing) การถดถอยเชิงเส้น(Linear regressing) สหสัมพันธ์(Correlations) การแจกแจงความถี่(Frequency distributions) การแจกแจงแบบปัวส์ซง(Poisson distributions) การแจกแจงแบบทวินาม(Binomial distribution) เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลดิบที่ได้มาตีความให้กลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้ในเชิงธุรกิจได้ กระบวนการทำวิจัยทางการตลาดนั้นมีหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ การกำหนดปัญหา การกำหนดระเบียบวิธีวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลและการตีความข้อมูล และการนำเสนอข้อมูล ข้อมูลหลังจากการทำวิจัยนั้นจะถูกเสนอให้กับผู้บริหาร ดังนั้นข้อมูลที่นำเสนอนั้นจะต้องเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือและเป็นปัจุบันมากที่สุด ความแตกต่างระหว่างการวิจัยการตลาด(Marketing research) และการวิจัยตลาด(Market research) คือ การวิจัยตลาดนั้นเป็นการทำวิจัยเพื่อศึกษาตลาดใดตลาดหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น บริษัทต้องการทำวิจัยเพื่อศึกษากลุ่มเป้าหมายของตลาด(Target market)หลังจากที่แบ่งกลุ่มตลาด(Market segment)เรียบร้อยแล้ว ในทางกลับกัน การวิจัยการคลาดจะเกี่ยวข้องกับการวิจัยที่ทำเฉพาะการทำการตลาดเท่านั้น ดังนั้นการวิจัยตลาดจึงเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยการตลาดนั่นเอง
 
===สิ่งแวดล้อมทางการตลาด (Marketing Environment)===
การเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคและก้าวนำหน้าความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นหน้าที่หลักของนักการตลาดทุกคน อีกทั้งการเข้าใจ "สิ่งแวดล้อมทางการตลาด" (Marketing Environment) เพื่อให้รับรู้ถึงความกังวลต่างๆ แรงกระตุ้นต่างๆ ของลูกค้า รวมทั้งการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ก็นับเป็นหัวใจสำคัญที่นักการตลาดจะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ นักการตลาดมักจะคอยสำรวจสิ่งแวดล้อมทางการตลาดต่างๆด้วยการหาข้อมูลจากการจัดกิจกรรมทางการตลาดนอกบริษัท โดยจะคอยสังเกตแนวโน้มธุรกิจ โอกาสและภัยคุกคามของธุรกิจไปพร้อมๆกัน องค์ประกอบทีสำคัญในการสำรวจตลาดมี 6 ประการ ได้แก่ แรงกดดันด้านประชากรศาสตร์ แรงกดดันด้านสังคม-วัฒนธรรม แรงกดดันด้านเศรษฐกิจ แรงกดดันด้านกฎหมาย แรงกดดันด้านการแข่งขัน และแรงกดดันด้านเทคโนโลยี โดยนักการตลาดจะต้องสำรวจว่าโอกาสและภัยคุกคามจะมาจากที่ใดได้บ้างจากทุกมุมโลกเพื่อให้ธุรกิจดำเนินและสร้างกำไรเพิ่มขึ้นได้ <ref>{{cite book|last=Kerin|first=Roger A.|title=Marketing: The Core|year=2012|publisher=McGaw-Hill Ryerson|pages=31}}</ref>
สิ่งแวดล้อมทางการตลาดเป็นคำศัพท์ทางการตลาดเพื่อใช้อ้างกิงถึงปัจจัยและแรงกดดันต่างๆที่กระทบต่อความสามารถในการทำธุรกิจและความสัมพันธ์ต่อลูกค้าได้ โดยสิ่งแวดล้อมทางการตลาดมี 3 ระดับ คือ สิ่งแวดล้อมระดับเล็ก (ภายในบริษัท) - เป็นแรงกดดันภายในบริษัทที่ส่งผลต่อความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า, สิ่งแวดล้อมระดับกลาง (ภายในธุรกิจหรืออุตสากรรม) - เป็นแรงกดดันที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อตลาด และสิ่งแวดล้อมระดับใหญ่ (ประเทศ) - เป็นแรงกดดันที่เกิดขึ้นในสังคมที่กระทบต่อบริษัทหรือตลาดโดยรวม <ref>{{cite book|last=Kotler, Armstrong|first=Philip, Gary|title=Principles of Marketing|publisher=pearson education}}</ref>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}